เมื่อมีเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉิน มีคนโทรแจ้ง1669 ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการจังหวัดก็สั่งการให้หน่วยกู้ชีพที่อยู่ใกล้ออกปฏิบัติการเพื่อให้การดูแลผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุและนำส่งโรงพยาบาลเพื่อการรักษาต่อเนื่อง
เช้าวันหนึ่ง วันนั้นมีหนุ่มพาราเมดิกจากประเทศเยอรมันมาสังเกตการทำงานที่หน่วยงานด้วย 1 คน หลังรับเวรข้าพเจ้าเตรียมความพร้อมทีมและ พาแขกผู้มาเยือนดูงาน พวกเราลงไปดูอุปกรณ์การแพทย์ฉุกเฉินในรถพยาบาลเพื่อเตรียมความพร้อมรถพยาบาลและอุปกรณ์ให้พร้อมใช้จำนวน 2 คัน เหมือนเช่นทุกวัน
ระหว่างนั้นทีมก็วิ่งมาที่รถพยาบาลอีกคันที่อยู่ข้างๆ บอกข้าพเจ้าว่า “พี่ครับ พวกเรา 3 คน จะไปออกเหตุ ใบเลื่อยบาดขา ที่ซอยราตรีครับ” ข้าพเจ้าหันไปถามว่า “เป็นเหตุอะไร มีใครไปบ้าง” ลูกน้องบอกว่า “เป็นเหตุใบเลื่อยบาดที่ขา พวกเราไปพวกเราไปเอง 3 คนไม่มีแพทย์ ผู้ป่วยคงไม่มีปัญหาอะไรครับ แค่เลื่อยบาดขาครับ”
ข้าพเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ กังวล เลื่อยบาดขา ทีม BLS จะรับมือไหวไหม คงไม่ใช่แล้ว พวกเรามักประเมินสถานการณ์ต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นอันตรายกับผู้ป่วย จึงอาสาร่วมไปออกเหตุด้วยพร้อมโดยมีพาราเมดิกไปด้วย รวมเป็น 5 คน
ทีมขับรถพยาบาลเข้าไปในซอยราตรี ไปจนสุดซอย ถึงที่จุดเกิดเหตุภายในเวลา 10 นาที เป็นบ้านที่กำลังก่อสร้าง ยังไม่เสร็จ รอบบ้านมีกองทรายแผ่นไม้และเศษปูนแตกวางกระจัดกระจาย อาจเป็นอันตรายกับทีมหากไม่ระวัง ข้าพเจ้าบอกทีมใส่อุปกรณ์ป้องกันตนเองและเดินเข้าไปจุดเกิดเหตุด้วยความระมัดระวัง ดีที่เจ้าหน้าที่ทุกคนสวมรองเท้าหุ้มส้น จึงไม่ได้รับอันตรายจากเศษไม้เศษตะปูและทราย ณ จุดเกิดเหตุ พบ ประชาชน 2 คนนั่ง 1 คนนอน แน่นอนผู้ป่วยต้องนอนผู้ช่วยเหลือ 2 คนนั่งข้าง ๆ คนที่เป็นผู้ชายสูงวัยกว่านั่งแบบงงๆไม่รู้จะทำอะไร ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงอายุ 30 กว่านั่งข้างผู้ป่วย พบมีกะละมัง ผ้า น้ำในกะละมังเป็นสีแดงสด เหตุเกิดเมื่อ 30 นาทีที่แล้วก่อนพวกเราไปถึง ไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใคร จึงบอกผ่านนายจ้าง นายจ้างเป็นหมอ ผู้ช่วยเหลือจึงช่วยปฐมพยาบาลโดยการซับน้ำเลือดของผู้ป่วยมาล้างน้ำหลายครั้ง
พวกเราพบผู้ป่วย เป็นชายอายุประมาณ 40 ปี อยู่สภาพนอน หน้าขาวซีด ปากซีด มีบาดแผลถลกบริเวณต้นขาและต้นแขนข้างซ้าย แผลลึกเห็นกระดูก สาเหตุจากใบเลื่อยไฟฟ้าหลุดจากเดือยบินตรงมาทำอันตราย
แน่นอนผู้ป่วยรายนี้กำลังช็อคจากการเสียเลือดปริมาณมาก ข้าพเจ้ารีบบอกทีม Stop Bleed ห้ามเลือดด่วน ทำแบบ Pressure Dressing ไม่ได้พวกเราต้องรีบแล้ว
ข้าพเจ้ารีบเข้าประเมินผู้ป่วย ประเมินระดับความรู้สึกตัว โชคดีผู้ป่วยยังรู้สึกตัว ลืมตาเมื่อเรียก ประเมินและดูและทางเดินหายใจผู้ป่วยให้โล่งตรง ผู้ป่วยยังหายใจได้ แต่ช้า ชีพจรเต้นเร็ว มือเท้าเย็น เมื่อทีมห้ามเลือดเรียบร้อย ข้าพเจ้าได้ให้สารน้ำทดแทนและให้ทีมรีบยึดตรึงผู้ป่วยและขนย้ายไปขึ้นรถเพื่อนำส่งโรงบาลศรีนครินทร์ ระหว่างนำส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ให้ทีมใช้วิทยุแจ้งทีมแจ้งแพทย์อุบัติเหตุมารอรับที่ห้องฉุกเฉินก่อนพวกเราไปถึง
ข้าพเจ้าและทีมเฝ้าระวังอาการวัดสัญญาณชีพผู้ป่วยทุก 5 นาที ระหว่างเดินทาง อาการผู้ป่วยคงที่จนถึงโรงพยาบาล ทีมพวกเราได้ส่งมอบผู้ป่วยรายนี้ให้กับทีมแพทย์และพยาบาลในห้องฉุกเฉินรับไปรับผู้ป่วยไปดูแลต่อเนื่อง ผู้ป่วยรายนี้ ได้รับการผ่าตัดซ่อมแซมเส้นเลือดและบาดแผลฉกรรจ์ที่ต้นขาและแขนข้างซ้ายอาการทุเลาจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลกลับไปทำงานก่อสร้างต่อได้
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้เรียนรู้ว่า ความรู้ ความเข้าใจ ช่วยเหลือ เป็นเรื่องสำคัญของห่วงโซ่ชีวิตที่หน่วยกู้ชีพต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนกลุ่มทำงานก่อสร้าง คือ
การทำงานของทีมการแพทย์ฉุกเฉิน ทีมได้รับบทเรียนอะไร ข้าพเจ้าได้นำมาทบทวนการดูแลผู้ป่วยกับทีม บอกกับทีมว่าดีนะที่มีหัวหน้าไปด้วยถ้ามีเฉพาะพวกเราอาจจะรับมือไม่ไหว ผู้ป่วยไม่ปลอดภัยครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่พวกเราช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที แต่ยังพบปัญหาเรื่องของการแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือและการปฐมพยาบาล ณ จุดเกิดเหตุโดยผู้พบเห็นเหตุการณ์ อาจจะให้ข้อมูลยังทำไม่ครบ ไม่ถูกต้อง พวกเราอาจจะต้องเข้าไปช่วยเหลือให้ความรู้เรื่อง การแจ้งเหตุ การปฐมพยาบาลให้กับประชาชนกลุ่มนี้ในชุมชนกันต่อไปนะคะ
หาภาพที่สอดคล้องก่อน up ใหม่นะคะ
บันทึกนี้ใส่ภาพนี้ก่อนค่ะ อิอิ
ไม่มีความเห็น