เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว...ผมสังเกตเห็นชายคนหนึ่ง พเนจร ร่อนเร่ เริ่มสะสมสิ่งของ อาหาร ขนม
เสื้อผ้า ไม้กวาด ขยะ เสื่อปูนอนแหว่งๆ ฟูมแตกปรินุ่นทะลักขาดวิ่น
เอาพื้นทีี่หน้าบ้านเรือน ที่เจ้าของทิ้งร้างไว้ ยึดเป็นสมบัติส่วนตัว
เป็นที่กิน ที่นั่ง ที่นอน ที่อาบน้ำ ที่ขับถ่าย
......
บริเวณ 4 แยก หน้าสำนักงานผม เส้นทางในเมือง มหานครของอีสาน
คนผ่านไปมา คนมองไปมา
บางครั้งเมื่อเรามองทุกวันจนจำเจ สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่คุ้นตา ธรรมดา
ผมจึงไปถามคนแถวนั้นๆ ชายพเนจร มาอยู่นานเกือบ 2 เดือน
ไม่ถามต่อว่า คนแถวนั้นคิดกับเขาอย่างไง
.....
ผมติดต่อน้องที่เทศบาลนคร เครือข่ายทำงานผม ให้รถเทศบาลมารับ
และดำเนินการส่งต่อไปบ้านคนไร้บ้าน
บริเวณตรงนั้น...ว่างเปล่า...สะอาดสอ้าน...ผู้รู้สึกสบายใจ
แต่ชายไร้บ้าน...จะเป็นอย่างไง
บางครั้งบางที ที่เขาอยู่แบบนั้น เขาคงสุขใจ และพอใจก็เป็นได้
.....
บ่ายวันนี้...
ผมเดินเข้าตรอกใกล้สำนักงาน มารับป้ายไวนิลเตรียมประชุมพรุ่งนี้
ผมเห็นชายไร้บ้าน 2 คน คนหนึ่งนอนหลับสนิทตอนบ่าย 3 คนหนึ่งนั่งเหมือนเฝ้าเพื่อน
ใกล้ตัวมีขวดทินเนอร์
เขา 2 คน คงมีความสุขเหมือนจะหยิบดาวหยิบเดือนยามร้อนจัด
ผมถามน้องร้านไวนิล บอกว่า เขา 2 คน อยู่ได้ 2 เดือน
เร่ร่อนแถวนี้ ได้เงินจากการขอทาน เอามาซื้อเหล้า ทินเนอร์
ส่วนอาหารเก็บจากถังขยะ และผู้ใจบุญให้
ไม่น่าหวาดกลัว เพราะสภาพสู้เด็ก หญิง และคนชราไม่ได้แน่
ไม่ส่งเสียงโวยวาย คุ้มคลั่ง
มีแต่กลัวไฟไหม้ตึกรามบ้านช่อง จากการเผาขยะของเขา 2 คน
........
ผมขี้เกียจถามน้องร้านป้ายไวนิลอีกแล้วว่า...รู้สึกกับเขา 2 คน อย่างไง
......
ผมเดินออกจากร้านทำป้าย
ยกหูโทรศัพท์ติดต่อน้องสาวที่อยู่เทศบาลนครเช่าเดิม...
......
เสียงกระซิบดังก้องหู หลังจากน้องบอกว่า จะเอารถเทศบาลมารับ 2 หนุ่ม
"ชีวิตที่ดี ไม่ควรไปยุ่งกับคนอื่นมากนัก"
ประโยคเด็ดจากการอ่านหนังสือฮาวน์ทูเมื่อคืนนี้...
ยุ่งเถอะค่ะ ถ้าเป็นเรื่องดี