ยากลางบ้าน : ทางเลือกทางรอดในวิถีชนบท
บทความโดย
อาจารย์ ศุภฤกษ์ ภมรรัตนปัญญา
ยุคปัจจุบันเป็นยุคดิจิตอลแล้ว แต่ในด้านสุขภาพยังเป็นยุคชีวจิต ยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจกับปัญหาสุขภาพกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเรามีวิธีการรักษาโรค การดูแลสุขภาพด้วยรูปแบบใหม่ๆ แถมยังล้วนได้ผลอีกด้วย หนึ่งในนั้นคือการดูแลสุขภาพด้วยยาสมุนไพร มาเป็นยารักษาโรค แม้วิธีการนี้จะเป็นภูมิปัญญาไทยที่สั่งสมถ่ายทอดมานาน โดยผู้คนในยุคก่อนต่างก็ใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพและรักษาโรค ซึ่งอาศัยหมอพื้นบ้านในชุมชนเป็นผู้ให้การรักษา โดยหมอพื้นบ้านเหล่านี้ท่านจะมีความรู้ความสามารถในการปรุงยาและรู้สรรพคุณของสมุนไพรชนิดต่างๆเป็นอย่างดี แต่เมื่อโลกเจริญขึ้น มีการนำยาแผนปัจจุบันมาเป็นยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรค ยาสมุนไพรจึงลดบทบาทลงไปช่วงระยะหนึ่ง ทำให้ภูมิปัญญาเหล่านี้สูญหายไปจากหลายชุมชน ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก แต่ด้วยคุณค่าอันมากล้นของยาสมุนไพร ในปัจจุบันจึงมีความนิยมขึ้นมาอีกครั้ง ในการนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพและรักษาโรค และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น เนื่องจากมีองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยตำรับยาชนิดต่างๆ ซึ่งมีการนำมาใช้ในชุมชนชนบท โดยการนำของหมอพื้นบ้านประหมูบ้าน ซึ่งเรียกกันติดปากว่า “ ยากลางบ้าน “
ยากลางบ้าน หรือยาสมุนไพรในครัวเรือนนั้น เป็นการนำเอาวิถีการดำรงชีวิตของชาวบ้านในชนบท ที่นำเอายาสมุนไพรในป่าชุมชนและสมุนไพรในครัวเรือน มาใช้ในการบำบัดรักษาโรค โดยมีรูปแบบการนำมาใช้ในหลายทาง อาทิเช่น การนำมารับประทานเป็นอาหารในชีวิตประจำวัน หรือการนำมาปรุงเป็นยาเวลาป่วยไข้ ซึ่งเรียกได้ว่า ครอบคลุมทั้งในเรื่องการดูแลสุขภาพตนเองและสามารถใช้ในการรักษาโรคพื้นฐานของคนในครอบครัวและชุมชนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีตำรับยาอื่นๆ ที่หมอพื้นบ้านในชุมชนเรียนรู้สืบต่อกันมานำมาใช้รักษาโรคนั้น สมุนไพรบางตัวก็สูญหายหรือหายากในปัจจุบัน ก็อาจทำให้ยาตำรับเหล่านั้นหายไปจากการนำมาใช้ ก็จะเหลือแต่เพียงยาสมุนไพรพื้นฐานเท่านั้น ที่พอนำมาทุเลาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์แผนปัจจุบัน เป็นการนำหลักสาธารณสุขมูลฐานมาใช้ได้อย่างสมเหตุสมผลของการใช้สมุนไพรรักษาโรคหรือบรรเทาอาการ
ดังนั้นยาสมุนไพรในชุมชนยังเป็นสิ่งสำคัญที่สามามารถ นำมาดูแล รักษา เยียวยา คนในชุมชนได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วยให้คนในชุมชนตระหนักถึงความสำคัญและร่วมกันอนุรักษ์สมุนไพรไม่ให้สูญหายไปจากชุมชน รวมถึงช่วยกันสืบทอดตำรับยากลางบ้านให้ยังคงอยู่ไปตลอดกาล เพื่อชนรุ่นหลังในชุมชนได้นำมาใช้ในการดูแลรักษาตนเองและคนในครอบครัวต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพน่าเชื่อถือ และให้การยอมรับโดยทั่วไป
13 พย. 61