รัชดาวัลย์ วงษ์ชื่น(อิงจันทร์)
รัชดาวัลย์ วงษ์ชื่น(อิงจันทร์) ครูตาล วงษ์ชื่น

พระมหาชนกแห่งแผ่นดิน ยิ่งอ่านยิ่งถวิลหา


           ทั้ง ๆ ที่ชอบอ่านงานเขียนของอัศศิริ   ธรรมโชติ นักเขียนเรื่องสั้น เจ้าของรางวัลซีไรท์ปี พ.ศ. 2524 แต่เพิ่งได้ทราบวันนี้เองว่า ท่านเป็นคนหัวหินและเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนไกลกังวลหัวหิน เคยอ่านหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มแรกของท่านชื่อปก "ขุนทอง เจ้าจะกลับมาเมื่อฟ้าสาง" หนังสือเล่มที่ทำให้ท่านได้รับรางวัลซีไรท์ในปี พ.ศ. 2524 และผลงานอื่น ๆ อีกหลายต่อหลายเล่ม  ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ปี 2543 ยืนยันคุณภาพงานอันทรงคุณค่าของท่านได้เป็นอย่างดี

       วันหนึ่ง ฉันได้อ่านบทความของท่านโดยบังเอิญเมื่อ...ฉันหยิบ "วารสารวัฒนธรรมไทยเล่มเก่า ๆ ในห้องสมุดโรงเรียน เจอบทความของท่านที่เล่าถึงในหลวง  อ่านแล้วงดงามในความรู้สึก ในฐานะที่ฉันเองก็เป็นคนหัวหิน(โดยทะเบียนสมรสและสำมโนครัว) รู้สึกผูกพันกับพระราชวังไกลกังวล จึงขออนุญาตนำบทความที่ได้อ่าน นำภาษาดอกไม้ของบทความมาแต่งแต้มไว้ที่ เพื่อเป็นความรู้  แก่รุ่นลูก ๆ หลาน ๆ อ่านแล้วต้องคอยบอกตัวเองไว้ว่า 

  • บ้านชายทะเลหัวหินเมื่อฤดูร้อนหนึ่ง  ขณะที่ผมยังเป็นเด็กเล็ก   อยู่จำได้ว่า  ป้ามาพาผมออกจากบ้าน ตั้งแต่เช้า  “ไปรับในหลวงกัน” ป้าบอกผมสั้นๆ ป้านุ่งโจงกระเบน  ใส่เสื้อขาวสะอาดแต่งคล้ายทุกครั้งเมื่อไปวัด จูงมือผมที่อยู่ในชุดนักเรียนเดินตามไปต้อย ๆ บนถนนสายหนึ่ง เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟของอำเภอ
  •  ทั้งป้าและผมต่างถือธงชาติกระดาษอันเล็ก ๆ ติดมืออยู่ เมื่อขบวนรถไฟพระที่นั่งเคลื่อนเข้าสู่ตัวสถานีอำเภอหัวหินนั้น  ผมได้เห็นธงสีแดง  ขาว น้ำเงิน  โบกสะบัดปลิวไหวอยู่เหนือผู้คนเป็นอันมาก  ที่ต่างก็มารอเฝ้าฯ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ระหว่างสองข้างทางที่ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ผ่าน
  •  ป้าได้กระซิบบอกกับผมสั้น ๆ  อีกครั้งว่า  “นั่นในหลวงของเรา  กราบท่านซะสิลูก” ผมกับป้ากราบลง 
             เนื่องจากว่าเกือบทุกปีในฤดูร้อนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ  จะเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ  ณ  พระราชวังไกลกังวล หัวหิน ป้ากับผมและชาวบ้านหัวหินทั้งหลายจึงมักจะโชคดี อยู่เสมอที่ได้เข้าเฝ้ารับเสด็จ... คนหัวหินจึงใกล้ชิดผูกพันและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดมาอยู่เสมอ 
  • โรงเรียนวังไกลกังวลที่ผมเรียนอยู่  เป็นโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์  ที่ตั้งอยู่ติดกับพระราชวังไกลกังวล  โรงเรียนที่นี่มีตราพระมหามงกุฎมีรัศมีประทับอยู่บนปกสมุดทุกเล่มของโรงเรียน  เช่นเดียวกับเข็มกลัดที่อกเสื้อของเด็กนักเรียนที่มี ตัวอักษรปักคำว่า ว.ก. สีประจำของโรงเรียนนั้น  คือ  สีน้ำเงิน  แดง  เหลือง  สีเหลือง  ได้แก่  สีประจำรัชกาลที่พระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ทรงพระราชสมภพ ก็คือ วันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม 
  •  ในทุกปีที่เสด็จแปรพระราชฐาน  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้นักเรียนวังไกลกังวลเข้าเฝ้าอยู่เสมอ  เพื่อพระราชทานรางวัลแก่นักเรียนดีเด่น พร้อมกับ ที่ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่เด็กนักเรียนทุกคนด้วย  พระบรมราโชวาทพระราชทานส่วนใหญ่จะเป็นเรื่อง ของคุณธรรม ความขยันหมั่นเพียร และความซื่อสัตย์สุจริต 
  • นอกจากนี้แล้วโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่มากกว่าพันโครงการที่ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งขึ้นในทั่วภูมิภาคของประเทศทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็มีจุดเริ่มต้นไปจากพระราชวังแห่งน
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ปัจจุบัน  ทรงได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงงานอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย ดังจะเห็นได้ว่านับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติมาเป็นเวลากว่า ๖๐ ปี  จนกระทั่งถึงพระชนมพรรษา ๘๑ พรรษานี้ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปในทุกหนทุกแห่งทั่วทั้งแผ่นดินนี้  ก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นภูเขาทุกลูก ป่าทุกป่า แม่น้ำลำคลองทุกสาย และหมู่บ้านทุกแห่ง ล้วนแต่ได้เคยเสด็จฯ มาแล้วเกือบทั้งสิ้น
  • พระเจ้าอยู่หัวทรงเยี่ยมเยียนราษฎรของพระองค์  เพื่อทรงรับทราบถึงทุกข์สุขความเป็นอยู่  ตลอดจนสภาพการทำมา หากินของพสกนิกรในทุกหมู่เหล่าและพระราชทานความช่วยเหลือ และนี่ก็คือ  ที่มาของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อประโยชน์สุขของราษฎรที่มีอยู่มากมายดังที่กล่าว รวมทั้งพระราชทานแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงไว้ให้แก่ราษฎรทั้งหลายดังที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน
  • เศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวปรัชญาที่สอนให้รู้จักประมาณตน พร้อมกับที่รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลก  รู้จักอดทน อดออม ขยันหมั่นเพียร รอบคอบ และซื่อสัตย์สุจริต อันจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้น เพื่อมิให้เกิดผิดพลาดในภายหลัง แนวทางดังว่านี้ก็คือคติธรรมที่มีพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงยึดถือและได้ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่างแก่ พสกนิกรอย่างต่อเนื่องมาตลอดนั่นเอง
  •  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชจริยวัตร อันประเสริฐ  อยู่ในหลักธรรมแห่งพระพุทธศาสนาที่ว่าด้วย พรหมวิหาร ๔ และทศพิธราชธรรม 
  •  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นผู้ที่ทรงถึงพร้อมด้วยบารมี  ๑๐  ประการของพระโพธิสัตว์  อันได้แก่  เนกขัมมะ  วิริยะ เมตตา  อธิษฐาน  ปัญญา  ศีล  ขันติ  อุเบกขา  สัจจะ  และทาน  ซึ่งเป็น “หัวใจของพระเจ้าสิบชาติ”
  • “พระมหาชนก”  คือชาดกเรื่องหนึ่งในมหานิบาตชาดกเรื่อง  “พระเจ้าสิบชาติ”  หรือว่า  “ทศชาติ”  ที่ว่าด้วยคติธรรม ของวิริยะหรือว่าผลของความเพียรพยายามโดยเฉพาะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงค้นเรื่องพระมหาชนก ในพระไตรปิฎกและทรงดัดแปลงเพื่อให้เหมาะสมกับสังคมปัจจุบันออกเป็นพระราชนิพนธ์ปรากฏอยู่  รวมทั้งที่เป็นฉบับการ์ตูนด้วย...
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น  นอกจากว่าจะเป็นผู้ทรงศีลอันหมายถึงบุคคลผู้สำรวมกาย  วาจาสุจริต  เป็น   แบบอย่างของบุคคลทั่วไปแล้ว  ในด้านของความเพียรหรือว่าวิริยะ  สำหรับการทรงงานเพื่อราษฎรของพระองค์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นแนวทางที่เป็นไปตามคติธรรมของพระมหาชนก ดังที่กล่าวนี้ทุกประการ 
  • โครงการต่าง ๆ ตามแนวทางพระราชดำริพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวจึงล้วนแต่ตั้งอยู่บนหลักของคุณธรรม  อันว่าด้วยความหมั่นเพียรและความซื่อสัตย์สุจริตทั้งปวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้จึงเปรียบหนึ่ง ดั่งหนึ่ง

พระมหาชนกแห่งแผ่นดิน

       ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ  
        นายอัศศิริ  ธรรมโชติ 
        ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลปประจำปีพ.ศ. ๒๕๔๓ 

       เก็บความและภาพจากวารสารวัฒนธรรมไทย 

            ฉบับประจำเดือนธันวาคม 2551 

หมายเลขบันทึก: 658753เขียนเมื่อ 16 ธันวาคม 2018 00:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 ธันวาคม 2018 00:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท