ผมเคยฝันมาทั้งชีวิตครับว่า..
............................................
“หากเกิดมาชาติหน้าฉันใด...ก็ขอให้เกิดมาพบ"สัตบุรุษ" อยู่ท่ามกลาง"กัลยาณมิตร" ได้อยู่ใกล้ชิดพระพุทธศาสนา..ศึกษาธรรม ปฏิบัติและประพฤติธรรมจนเป็นนิสัย เป็นปัจจัยพาตัวเองไปสู่หนทางแห่งการหลุดพ้นในที่สุด”...
............................................
หากไม่ได้พบเจอในชาตินี้..ก็ขอให้เจอในชาติหน้า ชาติถัดไป และในทุก ๆ ชาติที่ผมได้เกิดมาบนโลกใบนี้ ..... ( หากผมยังไม่พบหนทางแห่งการพ้นทุกข์ตามรอยพระพุทธองค์)
ผมฝันเอาไว้อย่างนี้ จริง ๆ ครับ
ซึ่งมันอาจเป็นความฝันที่เกินจริง(ในความคิดของใครบางคน)
..แต่ผมไม่เคยท้อ...ที่จะฝันแบบนี้..
ตัวผมเอง..ใช่ว่าจะเป็นคนดีอะไรมากมาย
แต่ทำไมผมถึงวาดความฝันของผมไว้ขนาดนั้น…
ชาตินี้ ชีวิตนี้ของผม...ผมรับรู้ถึงปัจจัยที่นำพาผมให้มาเป็นอย่างนี้ ..อยู่เช่นนี้
ผมจึงยอมรับตัวเอง ยอมรับในวาสนาที่ตัวเองมี...ไม่ไขว่คว้าอะไรที่มันมากเกินตัว
สุดโต่งจนไม่มีโอกาสที่จะทำสิ่งที่ไขว่คว้าให้มัน..เป็นจริงได้
เมื่อยอมรับในสิ่งที่ผมเป็น...ใจของผมมันก็เบา..สบาย
อยู่อย่างที่เป็น... ทำเท่าที่ได้ .. ใช้ชีวิตไม่ให้หัวใจมันหดหู่และสิ้นหวัง..
ช่วงชีวิตที่ผ่านมานั้น..ผมพบเจอบุคคลที่ผมน้อมใจรับ... เคารพนับถือในตัวตนและจิตวิญญาณของเขา...ซึ่งมีไม่มากหรอกนะครับ
นั่นอาจเป็นเพราะว่า..โลกของผมมันไม่กว้าง... ผมจึงมีโอกาสพบเจอบุคคลเช่นนี้น้อย ..ต่างหาก!!....
7 ปีที่ล่วงเลยผ่านไป(หลังจากเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด)...ผมนั่งคิดและใคร่ครวญกับตัวเองครับว่า...มันเกิดอะไรขึ้นกับผม
ผมรับรู้ได้ถึง...สิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิต... เปลี่ยนมุมมองและวิธีคิดของผม
............................................
โลกมันกว้างเกินกว่า...ที่เราจะเข้าใจในทุกเรื่อง
โลกมันกว้างเกินกว่า...ที่เราจะทำได้ดั่งใจคิด
มันกว้าง...จนเราไม่อาจคาดเดาได้หมดทุกเรื่องครับว่า...มันต้องเป็นอย่างนั้น ..อยู่อย่างนี้
............................................
ผมจึงเลือกครับ ...เลือกที่จะคิด และลงมือทำ
และวันนี้สิ่งหนึ่งที่ผมคิดและลงมือทำ...นั่นก็คือ การได้เขียนบันทึกถึงบุคคลท่านหนึ่งครับ
บุคคลท่านนี้ที่หลายต่อหลายคน...รู้จักและเข้าถึงได้มากกว่าผม ได้เสวนาปราศรัย ปรับสาระทุกข์สุขดิบได้มากกว่าผม ...ผมไม่แปลกใจครับ..เพราะวิถีชีวิตของท่าน..อาชีพของท่าน...
..
อ.นายแพทย์ปกรณ์ อภิชนาพงศ์
แต่สำหรับผมแล้ว วันนี้.. ผมอยากบอกครับว่า
คำว่า “สัตบุรุษ” ที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนหน้านั้น
ผมได้พบ..ได้เจอ ความหมายของคำ ๆ นี้ แล้วครับ สิ่งที่ผมฝันไว้.. มันย่อโลกให้เล็กลงได้จริง
โลกที่มันกว้างใหญ่ใบนี้..
............................................
ผมถามตัวเอง และตอบด้วยใจของตัวเองครับว่า
...สัตบุรุษ...นั้น
ต้องเป็นเยี่ยงนี้ เป็นแบบนี้ เป็นอะไรประมาณนี้...และมันไม่ผิดหรอกนะครับ ที่ใครจะคิดเป็นอย่างอื่น แบบอื่น..ไม่ผิดครับที่เราจะมอง...
แต่สำหรับผมแล้ว..ผมสัมผัสได้ด้วยใจของตัวเองครับว่า....สัตบุรุษ..ต้องเป็นแบบนี้ครับ
“ธรรมที่อยู่ในตัวใครก็ตาม หากแสดงออกมาให้เห็นด้วยหัวใจแล้วละก็...เราสามารถสัมผัสได้ครับ”
..และวันนี้ผมกล้าที่จะยอมรับครับว่า...
ผมได้พบสัตบุรุษท่านหนึ่ง... ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผม
คำว่า ...สัตบุรุษ...ใครบางคนอาจไม่เข้าใจ
หากมองให้ง่ายขึ้น เราจะเข้าใจครับ...การที่เราได้สัมผัสใจของเขาครับ... “หัวใจที่อ่อนโยน”
หัวใจที่อ่อนโยน...เป็นหัวใจที่แฝงไปด้วยความมีเมตตา การให้โอกาสคน รู้จักแบ่งปัน เกื้อกูลสังคม ..และบุคคลท่านนี้ครับ..ที่มีในมุมที่ผมได้สัมผัส...
คิดแล้ว อดมีความสุขใจไม่ได้เลยครับว่า...ผมกำลังสัมผัสกับสิ่งที่ผมคาดหวังมาตลอดชีวิต และกว่า 7 ปีที่ผ่านมาผมกำลังพบเจอสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มากขึ้น .. การได้พบสัตบุรุษ อยู่ท่ามกลางกัลยาณมิตร..และมีโอกาสได้เข้าถึงพระธรรมจนเป็นนิสัย..
..
ขอขอบคุณ...ในโชคชะตา วาสนา และสิ่งมงคลที่นำพาชีวิตของผม...ให้มาพบกับ.. บุคคลท่านนี้ อ.นายแพทย์ปกรณ์ อภิชนาพงศ์ ...อาจารย์หมอ..ผู้มีหัวใจอันอ่อนโยน
แล้วคุณละ!!.. วันนี้คุณได้ถามใจของคุณเองแล้วหรือยังครับว่า...ความฝันของคุณนั้น...คุณฝันไว้อย่างไร?
ดีใจด้วยค่ะที่เจอคนดี
ผมมีค.เครียดสะสม เป็นโรคประสาท โรคทางสมองและจิตใจ มีเรื่องลบๆเข้ามาในสมองตลอดเวลา อยากให้ท่าาจารย์โทรมาเบอร์นี้นะครับ 083-4610907
ผมมีค.เครียดสะสม เป็นโรคประสาท โรคทางสมองและจิตใจ มีเรื่องลบๆเข้ามาในสมองตลอดเวลา อยากให้ท่าาจารย์โทรมาเบอร์นี้นะครับ 083-4610907