...........
2-3 ปีที่ผ่านมา ผมมีความรู้สึกครับว่า...วัดธรรมบูชานั้น เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อน
...........
ผมมองสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทั้งด้านถาวรวัตถุ และจิตใจ..ในมุมที่ผมรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ
……….....
วัดธรรมบูชา ในความรู้สึกของผม ตลอดระยะเวลาที่ผมเข้าออก ณ วัดแห่งนี้ แม้นว่าอาจจะไม่บ่อยนัก แต่ผมรู้สึกได้ครับว่า ผมอยากมาสถานที่ที่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนมากกว่าสิ่งอื่นใด
............
ทำไมผมถึงอยากมาวัดธรรมบูชา ทั้ง ๆ ที่วัดแห่งนี้อยู่ไกลจากบ้านของผมเหลือเกิน ..
สิ่งที่ทำให้ผมอยากมาวัดธรรมบูชาแห่งนี้ ...ใช่ว่า วัดมีสิ่งก่อสร้างที่วิจิตรงดงาม มีโบสถ์ที่สวยงามเป็นสง่า หรือมีถาวรวัตถุ ที่ดึงดูดใจผม หรอกนะครับ
.............
แต่ผมมาที่นี่ ...#ตามกระแสแห่งความเมตตาของพระแท้ครับ ... ผมมาที่วัดแห่งนี้ทั้ง ๆ ที่ผมมีโอกาสไม่มากนักที่จะเสนอตัว ทำโน้นทำนี่ให้กับท่าน เนื่องด้วยเหตุและปัจจัยหลายต่อหลายด้าน
แต่สิ่งหนึ่งครับ..... ที่ผมเชื่อเสมอมา สิ่งนั้นก็คือ.....”#พลังแห่งความศรัทธาในพระพุทธศาสนา” นี่แหละครับ ที่เป็นตัวเหนี่ยวรั้งผม
..............
ข้อวัตรปฏิปทาของท่าน.. พระผู้ประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีงาม... พระผู้อุทิศตนและสนับสนุนกิจกรรมทางพระพุทธศาสนามาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน.. พระผู้ยึดมั่นในคำสอนขององค์พระศาสดา... พระผู้มีข้อวัตรปฏิปทาที่ว่า “#ทำแล้วไม่พูด..ดีกว่าพูดแล้วไม่ทำ “
..............
ผมรู้สึกเช่นนั้น ครับ
..............
คำพูดและการกระทำนี้เองครับ ที่เป็นสิ่งสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด ที่ใครต่อใครหลายคนคิดไม่ถึงครับ ....
...............................
เวลาที่ผ่านไปนั้น.... ไม่เคยย้อนกลับมาได้ฉันใด ....
คำพูดและการกระทำก็เช่นนั้นครับ....เมื่อพูดหรือกระทำลงไปแล้ว..จึงเป็นดั่ง #อนุสรณ์ชีวิตที่ถูกจารึกไว้ในสังสารวัฏตลอดกาล
ไม่มีความเห็น