วิ่งมหิดล ม.อ.๒๕๖๒


“สวัสดีครับน้อง วันนี้ผมขอวิ่งไปพร้อมๆกับน้องนะครับ” 

หูย..ผมนี่แทบไม่เชื่อหัวใจตัวเองเลย ว่าสามารถพูดแบบนี้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีหน้าตาและรูปร่างสะสวยทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ใจมันสั่นจนแทบจะหลุดออกมาจากอก

“ค่ะ ไปด้วยกันค่ะ” เธอตอบมาพลางยิ้มให้ แต่ผมใจละลายไปเรียบร้อย

ผมยกข้อมือด้านซ้ายขึ้นมาดู พบว่าหัวใจเต้นราวโซน ๔ ใจมันพองและเต้นเร็วทั้งๆที่ยังไม่ได้ออกวิ่ง เพราะตั้งแต่มีเมียมากว่า ๒๐ ปี ยังไม่เคยเด็ดเดี่ยวแบบนี้มาก่อนเลย

...............................

๑๕ กย ๖๒ คือวันที่คณะแพทย์จัดงานวิ่งใหญ่ 

หึหึ เรียกชื่องานวิ่งเสียเหมือนวันพระเลยนะ ชาวพุทธเรามีวันพระธรรมดา กับวันพระใหญ่ คณะแพทย์ของผมก็มีการจัดงานวิ่งธรรมดา กับงานวิ่งใหญ่เหมือนกัน

งานวิ่งธรรมดาก็จัดประปราย วิ่งขึ้นตึก วิ่งวันวิสาขบูชา วิ่งวันพยาบาลสากลโลก ส่วนงานวิ่งใหญ่ เท่าที่เห็นประจำก็งานวิ่งมหิดล ซึ่งปีนี้จัดเป็นปีที่ ๒๑ เข้าไปแล้ว ส่วนงานวิ่งเพื่อกัญชา และวิ่งข้ามจังหวัดเชื่อมมหาสมุทรนั้นจัดว่าเป็นงานจร ผมขอไม่นับ

วันนี้ผมลงระยะมินิอีกเช่นเคย ไปไกลกว่านี้ไม่ได้ เมียยังไม่โอเค

ห่างหายจากการวิ่งไป ๒ สัปดาห์ เพราะอากาศภายนอกมันแสนจะชั่วร้าย ฝุ่นควันไฟที่ลอยข้ามทะเลมาจากอินโดนีเชีย มันนำเอาพีเอ็ม ๒.๕ มามากเกินกว่าที่จะทำให้วิ่งได้อย่างปลอดภัย ผมจึงมีความสุขอยู่กับการกินหมอนทอง ชะนี และขนมไหว้พระจันทร์อยู่แต่ในบ้านอย่างสุขใจแทน

เช้าวันนี้จึงไม่อยากจะวิ่งเร็วจนเกินไป เพราะอ่อนซ้อม

“วันนี้ผมขอวิ่งไปพร้อมๆกับน้องนะครับ” นี่จึงเป็นที่มาของการวิ่งประกบสาวในวันนี้ น้องคนสวยเธอเป็น pacer ที่ผมจะติดส้อยหอยตามไปด้วยทั้งเช้านี้

“แปร๊ดดดดดดดด” เสียงแตรกระป๋องแผดลั่น

“พ่อว่าคนไข้จะตื่นมั้ย” น้องจ้าถามผมช่วงที่เค้าปล่อยตัวกลุ่มที่วิ่งฮาล์ฟมาราธอน

“น่าจะตื่นนะลูก เค้าคงตื่นตั้งแต่พวกเราเริ่มงานแล้วล่ะ” นั่นผมหมายถึงเสียงจากลำโพงที่ดังกระหึ่มตั้งแต่ช่วงตี ๕

“เอาเหอะ นานๆที” ผมนึกในใจ ทั้งๆที่สงสัยมานานแล้ว ว่าทำไม การปล่อยตัวนักวิ่ง จึงต้องใช้เสียงแตรกระป๋องส่งเสียงดังเสียขนาดนั้น ทำไมต้องปลุกคนทึ่กำลังนอน ทำไมต้องให้นักวิ่งต้องอุดหูเวลาวิ่งผ่านเสียงแตรจากคนเปิดงาน มันทำลายประสาทหูมากๆ มันเป็นแบบนี้ทั้งประเทศไหมผมก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยไปวิ่งที่อื่น อยากรู้นัก ที่โตเกียว เยอรมัน บอสตัน จะปล่อยตัวด้วยเสียงแบบนี้บ้างไหม

ผมเป็นนักวิ่งปลายแถวครับ แบบว่าในช่วงปล่อยตัวออกนั้น ผมมักจะถูกเบียดอยู่หลังๆ ดังนั้น หลังจากเสียงแตรกระป๋องดังขึ้นมา กว่าจะได้วิ่งจริงๆก็ต้องแหวกฝูงชนร่วมเดินไปราวกว่าร้อยเมตร 

น้องคนสวยเธอต้องวิ่งติดลูกโป่งสวรรค์ เธออยู่ด้านหน้า เธอไปแล้ว ผมเห็นเธออยู่ลิบๆ

“ผมจะต้องวิ่งไปให้ทันเธอ” มันคือความพยายามที่ฟรุ้งฟริ้งมาก ผมเพิ่มความเร็วมากกว่าปกติเล็กน้อยสายตาจับจ้องไปที่ลูกโป่งกลุ่มนั้น  นั่นจึงทำให้ใน ๒ กิโลเมตรแรกของการวิ่งเช้าวันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมมองนาฬิกาที่สั่นบอกสถิติ ๗ นาทีนิดๆ อยู่ที่ข้อมือ ซึ่งมันไม่ใช่สปีดปกติของผมที่ส่วนใหญ่จะเป็นเลข ๘ นาทีเศษ

สักพักหนึ่ง น้องคนสวยผู้รักษาเวลาเพซ ๘๐ นาที อยู่ข้างหน้าผมนิดเดียว ผมเลือกที่จะรักษาระยะและความเร็วของตัวเองไว้ตรงนี้ ยังไม่คิดจะแซง การวิ่งอยู่ข้างหลังเธอนี่มันคือดี เพลิดเพลิน และสุขใจ

ดูสิ ผมยาวสลวยผูกรัดไว้ที่โคน มันเหมือนพวงหางกระรอก พริ้วไปพริ้วมาตามจังหวะการวิ่ง รูปร่างท่าทางและจังหวะในการวิ่งของเธอมันดูสมดุล 

แต่ครั้นผ่านระยะ ๒ กิโลเมตรไปได้ไม่นาน ช่วงเวลาที่กำลังเพลินกับการมองน่องสวยๆเรียวๆคู่นั่นอยู่ จู่ๆผมก็เห็นขนหน้าแข้งยุบยับมาสลับที่ในลานสายตา ตกใจเพราะนึกว่าความฝันที่สับสน จึงยกสายตาขึ้นเล็กน้อย

ผมพบว่ามีน้องผู้ชายคนหนึ่งมาวิ่งตามหลังเธอ อยู่ด้านหน้าผมนี่เอง รู้สึกหงุดหงิดในใจเล็กน้อย “มันจะวิ่งใกล้น้องคนสวยไปขนาดนั้นทำไมวะ” ผมบ่นในใจ

ไม่เป็นไร ผมพยายามเบี่ยงขวา ไอ้น้องคนนั้นมันก็เบี่ยงขวา ครั้นเมื่อผมเบี่ยงซ้าย มันก็เบี่ยงซ้าย มันบังเอิญจนผมรู้สึกว่าเค้าอาจจะมีตาอยู่ที่ด้านหลังอีกดวงหนึ่ง

กลายเป็นว่า ผมต้องวิ่งดูน่องขนดก สลับไปมากับเรียวน่องผุดผ่องอยู่อย่างนั้นอีกราวกิโลเมตรกว่าๆ จึงตัดสินใจวิ่งขึ้นไปประกบด้านข้างแทน

“น้องวิ่งเก่งจัง นี่วิ่งมานานเท่าไหร่แล้วครับ” ผมพยายามรักษาจังหวะการพูดของตัวเองไม่ให้สั่นเพราะความหอบ มันจะทำให้ดูไม่ดี

“ไม่นานค่ะ ความจริงวันนี้อยากไปวิ่งฮาล์ฟ แต่เค้าขอให้มาเป็นเพซเซอร์ค่ะ แล้วพี่ล่ะคะ วิ่งนานรึยัง” 

“สี่ห้าปีครับ ขยับไปฮาล์ฟไม่ไหว หัวใจมันสั่นระริก” ผมยกข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้หัวใจผมเต้นราว ๑๔๐ เศษ แต่แม่เจ้า! มันฟินมาก บอกเลย

ถึงตอนนี้ผมคิดว่า คงคิดไม่ผิดที่วิ่งตามน้องคนสวยคนนี้ เพราะสังเกตได้ว่า เวลามีคนแซงเราไป ก็มักจะมีคนเหลียวกลับมามองดูหน้าน้องอยู่หลายคน โดยเฉพาะนักวิ่งผู้ชาย ผมรู้สึกว่าตัวเองเท่มาก

“วิ่งนี่ดีนะครับ มันทำให้รูปร่างดี น่องสวย ต้นขาสวย” ผมเปรยออกมา

“แล้วพี่คิดว่ายังไงล่ะคะ” เธอหันมาตอบและยิ้มให้

“ดีครับดี ฮ่าฮ่า” แอบยกนาฬิกาดูอีกครั้ง หัวใจเต้นกระฉูดไป ๑๕๐ ไม่ได้เหนื่อย แต่เขิน รู้สึกว่าตัวเองหน้าแดง

มันฟินจริงๆนะ จะบอกให้

เส้นทางวิ่งในวันนี้คือการวิ่งขึ้นทิศเหนือขนานไปกับแนวเขาคอหงส์ เค้าจัดให้วิ่งทางฝั่งขวา ซึ่งผมคิดว่าดี เพราะถนนด้านนี้ส่วนใหญ่เป็นสถานที่ราชการ การปิดถนนแทบจะไม่มีซอยที่อยู่อาศัยของชาวบ้านถูกปิดเลย ถ้าจะมีใครสักกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการวิ่งก็น่าจะเป็นทหารที่ต้องเข้าออกค่าย หรือไม่ก็คนมาเล่นกอล์ฟ

ที่จุดกลับตัว ผมรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย เพราะวิ่งกับสาวเพซเซอร์ ๘๐ นาทีนี่มันคือเร็วกว่าปกติของผม แต่เชื่อผมเถอะ ถึงเหนื่อยก็ยังคงกระชุ่มกระชวย

“ปกติน้องวิ่งคนเดียวเหรอครับ”  เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งว่าผม นี่คือทักษะการซักประวัติที่ผมเรียนมา เรื่องบางเรื่องเราจะไม่ถามตรงๆ

“วิ่งคนเดียวค่ะพี่ จะให้วิ่งกับใครล่ะคะ” คำตอบนี้ทำเอาผมตื่นเต้นอีกรอบ แต่กลิ่นเหม็นขยะบริเวณสามแยกเข้าสถานีตำรวจคอหงส์บริเวณที่ติดกับรั้ววิทยาลัยเทคนิคทำเอาผมหมดความโรแมนติกลงไปเยอะ สวรรค์คงไม่เป็นใจ

“พี่เหนื่อยไหมคะ” 

“ก็เหนื่อยครับ แต่ก็ยังคงสนุกอยู่ นานๆจะได้วิ่งคู่กับสาวสวยสักครั้ง” รู้สึกเกลียดตัวเอง ทำไมมันดูกะลิ้มกะเหลี่ยยังไงชอบกล หรือว่านี่คืออาการของชายเริ่มมีอายุกันแน่วะ แต่เอาเหอะ แก่ก็แก่ ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะอย่างไรเสีย คู่วิ่งของผมในขณะนี้ คือสาวสวยนี่นา จะไปแคร์อะไร

ล่วงเข้ามากิโลเมตรสุดท้าย ช่วงที่ต้องเลี้ยวเข้ามหาวิทยาลัย มีกลุ่มนักศึกษาแพทย์มาเล่นดนตรีให้นักวิ่งฟัง

“ในค่ำคืนที่ฟ้านั้นไม่มีดาว อยู่ตรงนี้ ฉันยังคงก้าวไป...”

หูย..เพลงคุณตูน เร้าใจชะมัด มันเรียกแรงเพิ่มขึ้นได้อย่างมากมาย ผมหวนกลับมานึกถึงช่วงตอนวิ่งขาออก น้องๆเธอบรรเลงเพลง “หมอกจางๆและควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้....” เพลงของพี่เบิร์ด แหม่..มันคนละอารมณ์กันเลย

จากจุดนี้ไป ผมเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ทิ้งน้องคนสวยไว้ข้างหลัง ชะรอยแถวนี้เริ่มมีคนเยอะ มีคนรู้จักและช่างภาพมากมาย ทั้งลูกหลานก็หลายคน บ้างก็นอนเกลือกอยู่บนถนนในฐานะช่างภาพอิสระบ้าง บางคนก็เพื่อนสนิทลูกสาวมาคอยถ่ายรูปหาเงินเข้ากระเป๋า การวิ่งคู่กระหนุงกระหนิงกับน้องคนสวยอาจจะกลายเป็นเรื่องเล่าขานไปในทางไม่ดี

“น้องมีไลน์ให้พี่มั้ย” ผมทิ้งท้ายก่อนจะดีดตัวออกห่างจากมา

เธอไม่ตอบ แต่เพียงการยิ้มให้และโบกมือบ๊ายบายก็ทำให้ผม 

...................

หึหึ ที่เล่ามานี้ล้วนเป็นเรื่องมโน มโนล้วนๆ มโนเพื่อให้เกิดแรงวิ่ง ผลจากการอ่อนซ้อมทำให้สมรรถภาพทาง..เอิ่ม..ทางการวิ่งด้อยลง ผมจึงใช้วิธีต่อแรงด้วยการวิ่งตามจังหวะของคนข้างหน้า ซึ่งเธอทั้ง ๔ คนคือ pacer ที่รักษาจังหวะการวิ่งได้อย่างดี มีการเชียร์อัพเพื่อนนักวิ่งตลอดเวลา 

ความสุขใจในวัยเกิน ๔๕ นิดๆ มันเกิดจากจินตนาการล้วนๆ การพูดคุย การวิ่งเคียงคู่กัน ล้วนเกิดจากการถามเองตอบเองในใจ น้องวิ่งส่วนน้อง ผมวิ่งส่วนผม ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว....

(เว้นช่วงไว้ ขอหอบก่อน)

ผมวิ่งตามเธอ เพราะแซงไม่ทัน

จบนะ

ธนพันธ์ ชูบุญร่วมงานวิ่งมหิดล ม.อ.

๑๕ กย ๖๒

คำสำคัญ (Tags): #วิ่ง#วิ่งมหิดล
หมายเลขบันทึก: 673144เขียนเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 16:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019 16:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท