เปลี่ยนแปลงชีวิตแต่ยังติดความคิดเดิม


เมื่อมีความคิดอะไรเกิดขึ้น ผมมักจะคิดถึง GTK เสมอ ส่วนหนึ่งเป็นคนชอบของแบบไทยๆ เพราะรับทราบมาว่า GTK เกิดขึ้นจากคนไทยที่มีความปรารถนาดีแบบให้เปล่า แต่ช่วงสามสี่ปีมานี้ผมไม่ได้แบ่งเวลาให้กับ GTK ดังนั้น เมื่อตรวจสอบบันทึกจะพบว่า บันทึกล่าสุดมีช่องว่างห่าง ๗ เดือน ถัดไปอีกบันทึกหนึ่งมีช่องว่างห่าง ๑ ปี การที่ไม่ได้เข้ามาบันทึก ไม่ใช่ว่า ไม่เกิดความคิดใดๆผุดขึ้น 

ดูเหมือนว่า "แม้จะมีความพยายามละทิ้งความเป็นตัวเองให้หมดไป อยากจะเฉยๆกับทุกๆเรื่องที่รับรู้ แต่ไม่สามารถหลุดจากกรงขังที่เราขังตัวเราเองเอาไว้" จากข้อความนี้ ดูเหมือนผมกำลังคิดว่า อดีตของผมเป็นสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งก็เป็นไปได้ และเรากำลังหา "สิ่งดีใหม่" เข้ามาแทนที่ตัวเราที่เป็นอยู่ สิ่งที่น่าเห็นใจคือ ยิ่งนานวันยิ่งไม่รู้ว่า "อะไรคือดี" เพราะมีความดีหลายชุดเหลือเกิน 

เช้านี้ หลังจากที่ผมเปิดประตูห้อง ผมยังคงเหลือบไปเห็นงาน ๒ ชิ้นที่ผมแปะไว้ข้างผนังห้อง ชิ้นแรกคือ งานของเด็กๆ กลุ่ม ๔ ชิ้นที่ ๒ คือ คำกลอนสอนใจ การมองทั่วไป ภาพใหญ่จะโดดเด่นกว่าภาพเล็ก แต่เช้านี้ เมื่อตรวจสอบการรับรู้ทางใจ พบว่า"คำกลอนโดดเด่นกว่าภาพ"...." เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา จงเลือกเอาส่วนที่ดีเขามีอยู่ เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย..." ด้านล่างเป็นลายมือพิมพ์ของในนาม พุทธทาส อินฺทปญฺโญ 

  เนื้อหาที่เรียบเรียงผ่านอักษรประดิษฐ์ ผมไม่รู้ว่าหลวงพ่อพุทธทาส ท่านเขียนขึ้นในอารมณ์แบบใด สถานการณ์และช่วงเวลาไหน คำถามเกิดขึ้นกับผมว่า "ดี-เลว เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงโดยธรรมชาติของมันหรือไม่" "ดีของคนๆหนึ่ง จะเท่ากับดีของอีกคนหรือไม่" และ "ดี-เลว เป็นสิ่งที่ปรากฏจากการตีความของมนุษย์เราหรือเปล่า" จึงเป็นที่มาของ "ดีคืออะไร เลวคืออะไร" ถ้าเราจะหา "สิ่งดีใหม่" เข้ามาแทน "สิ่งที่เราคิดว่ายังไม่ดีพอ" "สิ่งดีใหม่" จะถูกแทนที่ด้วย "สิ่งดีใหม่อื่นอีก" ถัดจากนั้นหรือไม่ ถ้าถูกแทนที่ไม่จบ ก็แสดงว่า สิ่งดีดังกล่าวไม่ได้ดีจริง

  ช่วงหลังมานี้ ผมไม่ได้ทุ่มเทกับงานประจำแบบ 100% เหมือนเก่าที่เข้างานก่อน ๗ โมง และเลิกงานหลัง ๑ ทุ่ม การที่ไม่ได้ทุ่มแบบนั้นเพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ซึ่งในช่วงชีวิตที่ผ่านมาก็ซ้ำรอยเสมอ จำนวนหนึ่งตระหนักว่า "ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก" และ "จงทำใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้ายังไม่หลุดจากตัวตนที่ตนมี" ดังนั้น ผมเริ่มเลิกงานตามเวลางาน แต่สิ่งที่ยังทำคือ การเข้างานก่อนเวลาเสมอๆ การเข้างานเลยเวลาที่กำหนดหรือก่อนกำหนดเวลาเล็กน้อย ผมจะรู้สึกรับไม่ได้กับตัวเอง หลังเลิกงานและช่วงเสาร์-อาทิตย์ ยกเว้นต้องรับผิดชอบงานภาคปกติในวันเสาร์ ผมจะปลีกตัวเองไปออกกำลังกายบนที่ดินของแม่ยายด้วยการทำร่องปลูกผัก ปลูกต้นไม้ 

จริงๆแล้วเป็นความปรารถนาของคนที่ยืนเคียงข้างผมและมั่นใจว่าผมคือคนที่ใช่สำหรับเขา เราเริ่มต้นด้วยการจ้างไถสวนยางออก หลังจากราคายางตกต่ำ ขุดบ่อน้ำเพื่อเก็บน้ำ ให้ลูกพี่ลูกน้องเลี้ยงปลาหารายได้เลี้ยงตัวเขาเอง แต่เราสองคนไม่กล้าพอที่จะเลี้ยงปลาเลี้ยงไก่ เธออยากได้ขนำ (บ้านผมเรียก "ขนำ" ว่า "ห้าง") ผมจึงลงมือดำเนินการเริ่มต้นด้วยการเคลียร์ที่ดิน ขุดหลุมเองเพื่อลงเสา ผมซื้อเสาสำเร็จมา สุดท้ายไม่มีเวลาจึงต้องจ้างช่าง และได้เฉพาะโครงสร้างมา ซึ่งชีวิตที่จับปากกามาตั้งแต่เล็กๆ ไม่เคยทำงานหนักและไม่ได้ให้เวลากับการออกกำลังกาย จากนั้นมาใช้กำลังช่วงอายุเลย ๔๐ ขุดหลุมบ้าง ทำร่องปลูกผักบ้าง ฯลฯ ทำเอามือขาอ่อนแรงถึงกับยกจอบไม่ขึ้นหลายครั้งทีเดียว อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่น หน้าฝนที่ผ่านมา น้ำท่วมขัง ต้นไม้ตายเรียบ ผักปลูกไม่ได้ แต่ดีหน่อย ฝรั่งและมะนาวที่ปลูกไว้ไม่ตาย รอบนี้เราหาต้นไม้มาปลูกใหม่ และเริ่มขุดร่องเพื่อปลูกผักกันอีกครั้ง ปุ๋ยที่เราใส่เป็นขี้ไก่และขี้วัว

หยุดสองวันที่ผ่านมา (เสาร์มีงานประจำ) เรายังคงลงไปในสวนอุดมการณ์ และได้งานตามที่กำหนดไว้หน่อยหนึ่ง ๑) ทำค้างเพื่อกันแดดเปรี้ยงๆ (ปรากฏว่าเมื่อวานฝนตก) ๒) ทำร่องลงผัก ๓) ปรับแต่งหลุมเพื่อลงเสา ๔) ปลูกแผงเหล็กแบบบ้านๆ เพื่อทำฐานรองเสา ผมมีความเพลิดเพลินและเวลาไม่พอกับการทำงานในสวน แต่ในใจก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่า เราเคยใฝ่ฝันที่จะเขียนงานวิชาการที่ร่ำเรียนมาเพื่อเป็นมรดกสู่สังคม แต่เรากลับให้เวลากับสิ่งใดกันแน่ เป็นไปได้ไหม "สิ่งที่เราปรารถนาจริง แต่เราไม่ได้มุ่งมั่นกับมัน สุดท้ายความปรารถนาก็ไม่สำเร็จ ความปรารถนาที่เราคิดว่าดี ถูกแทนที่ด้วยความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งก็ดีในแบบที่เรายังละทิ้งความห่วงหาจากที่ตัวเองเคยเป็นมาไม่ได้ เพียงเพราะความไม่เด็ดขาด" นี่คือตัวอย่างของความขัดแย้งในตน อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ลงมือทำอะไรต่อมิอะไร ผมมีความคิดสรุปจบผ่านมาเข้าเสมอๆว่า สุดท้ายเราก็ต้องจากสิ่งนี้ไปอีก และสิ่งนี้ก็ผุผังไปตามเวลา คนรุ่นถัดมาก็เริ่มทำอะไรๆถัดจากเราไป เหมือนอย่างที่เราก็เริ่มต้นใหม่จากการเคลียร์สวนยางเป็นสวนไม้สมรม ตกลงเราทำอะไร และเหลืออะไรเมื่อทุกอย่างถูกสรุปจบ เราอาจยืนมองกระดาษแผ่นน้อยที่ถูกพับเป็นถุงและปิดปากแน่น โดยในถุงกระดาษนั้น คือเรื่องราวในช่วงหนึ่งของเราและบุคคลแวดล้อม ตกลงคืออะไร? เราก็ยังคงหาความดีใหม่เข้ามาแทนการแสวงหาตัวตนอย่างไม่จบสิ้นต่อไป

หมายเลขบันทึก: 675514เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2020 10:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2020 10:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท