ฉันและการเคลื่อนไหวทางการเมือง
ตั้งแต่ในวัยเด็กฉันได้รับอิทธิพลทางความคิดต่อสังคมและการเมืองผ่านพ่อ และแม่ และน่าจะมีสายเลือดของตาทวดที่เป็นอดีตเสรีไทย ทั้งหนังสือที่พ่อมีพ่ออ่าน ทั้งได้นั่งฟังพ่อพูดคุยกับสหายมวลมิตรของท่าน และทั้งสังเกตผ่านการกระทำ ฉันเรียกสิ่งเหล่านี่ว่า "การเรียนรู้" ...
ฉันลงสมัครเป็นกรรมการสภานักเรียน ตั้งแต่อยู่ ป.4 เรื่อยมาและได้เป็นประธานสภานักเรียนตอน ป.6 พอเข้าเรียนระดับมัธยม ฉันก็ยังคงลงสมัครเป็นกรรมการสภานักเรียนจนจบ ม.6 ด้วยตำแหน่งรองประธานสภานักเรียน มี รศ.ดร.สมชาย ชวนอุดม(สมัยนั้นเป็นเด็กชายสมชาย ชวนอุดม) เป็นประธานนักเรียน นึกย้อนไปกิจกรรมทางการเมืองตามแบบฉบับของเด็กและเยาวชนสมัยนั้น เน้นไปในกิจกรรมการพัฒนาเพื่อสังคม การรวมตัวเป็นพรรคการเมืองการกำหนดนโยบาย การหาเสียงเพื่อรับเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่ได้รับการปลูกฝังและบ่มเพาะ
จนเข้าระดับอุดมศึกษา แม้ว่าการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้จะน้อยลง เพราะสถาบันที่ศึกษานั้นแคบลง การเรียนและการศึกษาจึงมุ่งไปทางกิจกรรมการพัฒนาเพื่อสังคมและความเป็นจิตอาสามากกว่า
ฉันอ่านหนังสือและศึกษาแนวคิด นักเขียนมาตั้งแต่ชีวิตการเป็นนักอ่านเริ่มต้น อิทธิพลจากเพลงเพื่อชีวิตที่พ่อเปิดอยู่บ่อยๆ หนังสือที่มีอยู่เต็มบ้าน และหนังสือที่อ่านตั้งแต่ยังเยาว์ ก็จะเป็นหนังสือของท่านมหาตมะคานธี ท่านทะไลลามะ จิตร ภูมิศักดิ์ เหล่านี้ที่ถูกหยิบมาอ่านบ่อยๆ ตามประสาเด็กๆ
การอ่าน การฟัง หลายๆ รอบเชื่อว่า มันเกิด assimilation ในกระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นอัตโนมัติ
ฉันชอบการเคลื่อนไหวทางการเมืองในแนวสันติภาพอย่างทิเบตดั่งท่านทะไล ลามะการใช้ปัญญาเป็นเครื่องมือสำคัญต่อการนำไปสู่การกระเพื่อมและเปลี่ยนแปลงอย่างอินเดียภายใต้การนำของท่านมหาตมะคานที ความเข้มแข็งและมั่นคงอย่างท่านอองซานซูจี
ฉันเชื่อว่าคนรุ่นเด็กและเยาวชนเรียนรู้การเมืองได้ บ่มเพาะได้ และฉันก็รู้สึกดีใจที่ได้รับการบ่มเพาะมาในเบ้าของการมองการเมืองแบบสันติภาพไม่ Aggressive หรือก้าวร้าวต่อความมั่นคงของชาติ คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
อ่านแล้วดีมากครับ สันติภาพและสร้างสรรค์