มหาวิทยาลัยที่อเมริกากำลังจะเปิดสอนเทอมใบไม้ร่วง (fall semester) ประมาณกลางสิงหาคม บางแห่งประกาศว่าจะออนไลน์ไปแล้ว บางแห่งยังไม่ได้ตัดสินใจ สุดท้ายอาจารย์หลายคนอาจจะต้องสอนออนไลน์และในชั้นเรียนไปพร้อมๆ กัน กลายเป็น multimodal teaching ทางทีมงาน AACSB จึงได้นำเรื่องนี้มาจัดเสวนาผ่านเว็บ ในหัวข้อ AACSB Online Learning Affinity Group webinar: Multimodal Teaching: Preparing to Teach Simultaneously in a Face-to-Face + Virtual Classroom โดยมีวิทยากร 3 ท่าน ผ่าน 3 มุมมอง
วิทยากรท่านแรกมาเล่าในมุมมองผู้บริหารการศึกษาครับ ว่าความพร้อมสำหรับการสอนในเทอมฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นเทอมแรกของปีการศึกษานั้นประกอบด้วยสามส่วนสำคัญคือ
ทีนี้มาดูองค์ประกอบของห้องเรียนที่ต้องผสมผสานกันนะครับ มีประมาณนี้
Essential |
Instructional |
Exceptional |
Welcoming |
Curating |
Performing |
ส่วนแรก (Essential) คือสิ่งที่ต้องมี เราจะทำให้ผู้เรียนเข้าใจว่ากำลังจะเรียนอะไรได้อย่างไรในทั้งสองรูปแบบ สร้างความคุ้นเคยกับผู้เรียน อันนี้คือการสร้างบรรยากาศเบื้องต้นเลย ไม่ได้มีส่วนเนื้อหาการเรียนรู้ ส่วนที่สอง (Instructional) คือการออกแบบการเรียนแล้วครับ ตรงนี้มีประเด็นสำคัญที่คำว่า Curating โดยท่านวิทยากรอธิบายว่าอาจารย์ส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยทำหน้าที่ curate (คัดสรรเนื้อหา) และรู้สึกผิดถ้าไม่ใช้เวลาในชั่วโมงสอนในการ “บรรยาย” โดยท่านย้ำว่าเราควรตระหนักว่าการ “บรรยาย” ในชั้นเรียนออนไลน์แบบเรียลไทม์ ไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพเท่าไร หน้าที่ของอาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชา ควรเป็นการแสดงความเชี่ยวชาญนั้นในให้ผู้เรียนได้ดู เช่นตัวท่านเองเป็นนักปรัชญา สิ่งที่ควรทำในห้องเรียนไม่ใช่บรรยายเรื่องปรัชญา แต่ควรแสดงการคิด วิเคราะห์ การแก้ปัญหาในเชิงปรัชญาร่วมกับนักศึกษา หรืออาจารย์ด้านการบริหาร ควรแสดงวิธีการแก้ไขปัญหาทางธุรกิจองค์กรให้ผู้เรียน ประเด็นนี้น่าสนใจมากครับ จากประสบการณ์ส่วนตัวเลยนะครับ เรื่อง “ความรู้สึกผิด” นี้ผมเคยสัมผัสทั้งจากเพื่อนอาจารย์ผู้สอนและนักเรียน คืออาจารย์เองก็คิดว่าตัวเองต้องบรรยาย ถ้าไม่บรรยายแล้วจะทำอะไรล่ะ? ส่วนนักเรียนเอง ถ้าอาจารย์ไม่บรรยายก็คิดว่าอาจารย์ไม่ได้สอน (อย่างผมเคยใช้วิธีเอาวิดีโอการสอนจากยูทูบมาวางใน LMS แล้วก็ใช้เวลาในห้องคอมพิวเตอร์ให้เขาดู และลองทำแบบฝึกหัดที่เตรียมเอาไว้แบบว่าต่อยอดจากวิดีโอในยูทูบ ส่วนหน้าที่ผมคือเดินดูครับ) ปรากฏฎว่าผู้เรียนบางคนไม่พอใจเพราะผมไม่ได้ “สอน” ซะงั้น
สำหรับส่วนสุดท้ายคือ Exceptional หรือส่วนที่พิเศษออกมาจากการออกแบบวิชาทั่วไป เช่นชั้นเรียนจะมีกิจกรรมอะไร ก็ต้องวางแผนให้ดี อันนี้ก็คงแล้วแต่จินตนาการของผู้สอนและความพร้อมขององค์กรเลยละครับ
นี่คือวิทยากรท่านสุดท้าย แต่ผมขอเอามาไว้ตรงกลางนะครับ เพราะเรื่องที่เล่าส่วนใหญ่เป็นการเตรียมตัวจากการคาดการณ์ คือต้องตัองบอกเลยว่าการสอนแบบ multimodal นี้ ไม่เคยมีงานวิจัยมาก่อน เพราะงานวิจัยในแวดวงการศึกษาเป็นการวัดประสิทธิภาพการสอนในรูปแบบต่างๆ เช่นสอนออนไลน์ สอนในชั้นเรียน เราออกแบบหรือสอดแทรกกิจกรรมอะไรแล้วมีผลอย่างไร หรือเป็นการเปรียบเทียบทั้งสองรูปแบบการสอนในกลุ่มผู้เรียนคนละกลุ่มกัน ส่วนการที่ต้องสอนคนสองกลุ่มในเวลาเดียวกันนั้นยังไม่มี ยิ่งเพิ่มข้อจำกัดเรื่อง social distancing เข้าไปอีกยิ่งถือเป็นเรื่องที่ใหม่มาก
ข้อคิดที่วิทยากรฝากไว้มีดังนี้ครับ
ก่อนเริ่มเทอม
ในขณะที่สอนจริง
ข้อแนะนำทั่วไป
สำหรับผมแล้วถือว่าท่านนี้คือไฮไลต์ท์เลยครับ เพราะเอางานวิจัยหัวข้อ “Student perceptions of remote participation in a synchronous class” Michelle Darnell and Tawnya Means ตั้งคำถามว่า เราสามารถสอนเด็กปริญญาตรีจาก 2 รูปแบบพร้อมกันได้ไหม? คือจริงๆ แล้วถือเป็นงานวิจัยที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์ที่เรากำลังจะเจอจริงๆ
การออกแบบห้องเรียนเพื่อการทดลองเป็นอย่างนี้ครับ มีผู้เรียนทั้งหมด 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน มีโต๊ะทั้งหมด 4 ตัว ให้เด็ก 2 กลุ่มนั่งโต๊ะเดียวกัน บนโต๊ะจะมีคอมพิวเตอร์และไมโครโฟน (อันนี้ไม่ได้บอกว่าสองกลุ่มบนโต๊ะแชร์กันยังไงนะครับ) และโต๊ะผู้สอนอยู่กลางห้อง แต่ส่วนใหญ่ผู้สอนก็เดินไปเดินมาตลอด
วิธีการจัดการเรียนการสอนคือในทุกสัปดาห์จะมี 1 คนที่ต้องไปเรียนจากตึกอื่นไกลจากห้องเรียนจริง และเพื่อช่วยให้ผู้เรียนเหล่านี้รู้สึกเหมือนอยู่ในห้อง ทีมงานได้ตั้งกล้องถ่ายทอด 4 ตัวไว้ทุกมุมห้อง ถ่ายทอดออกไปข้างนอก โดยจะสลับกล้องที่เห็นผู้เรียนผู้สอนชัดที่สุด ณ เวลาหนึ่งตลอด
เมื่อหมดภาคการศึกษา ผู้วิจัยก็สำรวจความคิดเห็นผู้เรียน โดยทุกคนในชั้นได้เรียนทั้งสองนแบบสลับกันไปมาละครับ ให้เปรียบเทียบว่าแบบไหนดีกว่ากัน และนี่คือผลการสำรวจครับ
จะเห็นได้จากผลสำรวจนะครับว่าส่วนใหญ่แล้วผู้เรียนโอเคกันการสอนในห้องมากกว่าในชั้นเรียนเสมือนจริง รู้สึกว่าสามารถสื่อสารกับเพื่อนได้ดีกว่า รู้สึกว่าทุกคนในทีมลงแรงเท่ากัน ในขณะที่ประสบการณ์จากห้องเรียนเสมือนจริงนั้น ลดโอกาสในการแสดงความคิดเห็นไปมาก
ผลการศึกษาเล็กๆ นี้บอกอะไรเราได้บ้าง?
อย่างแรกเลยคือ การศึกษาครั้งนี้เกิดขึ้นที่ Warrington College of Business ที่ UF และใช้อุปกรณ์มหาวิทยาลัยที่มีความพร้อม (เป็นมหาวิทยาลัยระดับ Research 1 university หรือ ระดับ R1) ไม่ได้หวังให้ทุกคนซื้อเน็ต หาคอมพิวเตอร์เรียนเองแบบที่เราต้องเจอกัน
ถัดมาคือผู้สอนจะต้องให้ความสำคัญกับผู้เรียนออนไลน์มากกว่าผู้เรียนในชั้น เพราะโอกาสที่ถูกจำกัดทางกายภาพคือสอนไปต้องคอยถามคอยกระตุ้นผู้เรียนทางบ้านตลอดนั้นเอง อันนี้ต้องฝึกเลยครับ เพราะไม่น่าจะเป็นอะไรที่เราคุ้นกัน
สุดท้ายคือเราต้องเตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยี และฝึกทำงานหลายอย่างไปพร้อมกัน ...
ถามว่ายากไหม ตอบว่ายากจริงๆ ครับ
ไม่มีความเห็น