นครนายก (27-28 สิงหาคม 2563)
คนเราทำงานหนักก็ต้องพักผ่อนค่ะ หลังจากเสร็จงานจากสระบุรี เราเลยแวะเที่ยวนครนายกเพราะเป็นทางกลับกรุงเทพฯ
เราเดินทางจากไปนครนายก ซึ่งระยะทางจากสระบุรีประมาณ 60 กม.กว่าๆ เราแวะเที่ยวระหว่างทาง แน่นอนตอนนี้ หากเราไปไหนเราต้องดูรีวิวซึ่งง่ายและสะดวกสุด ถึงแม้บางครั้งเราอาจจะรู้สึกผิดหวังบ้างเมื่อไปถึงสถานที่จริง แต่ก็ยังดี ที่เราได้ลดเวลาการหาข้อมูลท่องเที่ยว คุ้มกับเวลาอันน้อยนิดที่เรามีค่ะ
สถานที่แรกที่เราแวะคือซุ้มไผ่อุโมงค์ ทางเข้าของวัดจุฬาภรณ์วนาราม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากเพราะมีบรรยากาศคล้ายกับป่าไผ่อาราชิยาม่า ในเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โดยอุโมงค์ต้นไผ่นี้มีระยะทางถึง 500 เมตร ทำให้ร่มรื่นและเงียบสงบสามารถเดินถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศเหมือนญี่ปุ่นเลยค่ะ
สะพานไม้ ทุ่งนามุ้ย และมีร้านกาแฟ ให้นั่งเล่น
สถานที่ถัดไปที่เราแวะคือ สะพานทุ่งนามุ้ย อยู่ไม่ไกลจากซุ้มไผ่ค่ะ ถือเป็นจุดเช็คอินยอดฮิตแห่งใหม่ของจังหวัดนครนายก สะพานนามุ้ยเป็นสะพานไม้ทอดยาวคดเคี้ยวเข้าไปในทุ่งนากว้างกว่า 2 ไร่ ระยะทาง 150 เมตร เดินถ่ายรูปรับลมเย็นๆ บรรยากาศชิลล์ๆ พร้อมชมวิวนาข้าวกว้างเขียวขจีที่มีเนินเขาเล็กๆ เป็นฉากหลังและสูดรับอากาศจากลมที่โชยมาแสนปลอดโปร่ง นอกจากนี้บริเวณด้านหน้ายังมีร้านกาแฟเล็กๆ ขายเครื่องดื่มและสินค้าจากชุมชน แต่อากาศร้อนไปหน่อยค่ะ
บรรยากาศ โรงแรมโซเฟีย นครนายก
หลังจากนั้นเราแวะเช็คอินโรงแรมเพื่อไปละหมาดก่อนค่ะ เราพักที่ โซเฟีย รีสอร์ท นครนายก ค่ะ สวย สงบ บรรยากาศดีมากค่ะ
อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ ที่นครนายก เต็มไปด้วยอ่างเก็บน้ำค่ะ เยอะมาก
เราเช็คอินเสร็จเรามาดูดวงอาทิตย์ตกที่อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ
หลังจากนั้น ห่างกันไม่มากเราไปเขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งเป็นเขื่อนคอนกรีตที่ยาวที่สุดในโลก สร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือทางเกษตรกรรมการอุปโภคบริโภค บรรเทาอุทกภัยและยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดนครนายกอีกด้วย นักท่องเที่ยวนิยมมาชมวิวทิวทัศน์เหนือสันเขื่อนที่มีทัศนียภาพของอ่างเก็บน้ำกว้างใหญ่เคียงคู่กับภูเขาน้อยใหญ่ที่โผล่พ้นเหนือน้ำ แต่เราไม่เห็นดวงอาทิตย์ตกค่ะเพราะฟ้าไม่เปิด แต่ก็สวยไปอีกแบบค่ะ
เราโชคดีค่ะวันที่เราพักที่โซเฟียมีช้างป่าเข้ามาในรีสอร์ทตอนกลางดึกค่ะ มากินต้นหมากในรีสอร์ทเราปั่นจักรยานเล่น เห็นต้นหมากหักหลายต้น รอบสระน้ำ และข้างถนนแถมยังขี้ไว้เป็นหลักฐานอีกด้วยค่ะ
แก่งสามชั้น
เราออกจากที่พักประมาณ 8.30 น.ไปเที่ยวแก่งสามชั้นค่ะ ซึ่งเป็นหินสามชั้นเทลาดเอียงลงมาเป็นขั้นบันไดมีสายน้ำไหลเย็นตลอดทั้งปีเนื่องจากเป็นที่รับน้ำจากเขื่อนขุนด่านปราการชล มีซุ้มอาหาร มีที่ให้นั่งพักผ่อนเป็นของเอกชน เก็บค่าจอดรถ 20 บาทค่ะ
น้ำตกวังตะไคร้
น้ำตกวังตะไคร้หรืออุทยานวังตะไคร้อีกสถานที่ที่เราต้องแวะค่ะ เพราะถ้ามานครนายกต้องมาที่นี่ ด้วยบรรยากศร่มรื่นจากพันธุ์ไม้นานาชนิด มีสวนดอกไม้ให้เดินเล่นได้สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างสนุกสนานในลำธาร ซึ่งจะมีโขดหินน้อยใหญ่ให้นักเที่ยวหย่อนเท้าเล่นน้ำสบายๆ มีที่พักของอุทยานเยอะมาก
น้ำใส ไหลเรื่อยๆ ผ่านโขดหิน คือเสน่ห์ของน้ำตกวังตะไคร้
ก่อนกลับเราหาข้าวเที่ยงฮาลาลกินกันค่ะ เราก็เปิดรีวิวเหมือนเดิมค่ะ "ขุนด่านรีโค รีสอร์ท และข้าวหมกบ้านเขื่อน" ค่ะเป็นร้านอาหารฮาลาล ที่สวยบรรยากาศดี และรสชาดดีแห่งหนึ่งเลยค่ะ และด้านในมีให้บริการห้องพักด้วยนะค่ะ
ด้านหลัง จะเป็นที่พัก "ขุนด่านอีโค รีสอร์ท" ก็สวย สงบ เหมาะแก่การมาพักผ่อนค่ะ
นครนายก เป็นจังหวัดที่ถือว่าน่าเที่ยวมากจังหวัดหนึ่งเลยนะค่ะ เพราะใกล้กรุงเทพมาก ง่าย สะดวกในการเดินทาง แถมยังมีอะไรดีๆ ให้เราเที่ยวได้เยอะมากค่ะ ถ้าใครชอบแม่น้ำ ลำธาร ภูเขา มันคือ ใช่เลยค่ะ
ไม่มีความเห็น