คณะเราออกจากทาคาชิโฮะด้วยความประทับใจแบบชุ่มฉ่ำ ได้ชมโตรกธารในช่องเขาทาคาชิโฮะที่ต้นไม้สวยแบบเขียวชอุ่มและแม่น้ำสีโคลน ได้ลิ้มรสอาหารขึ้นชื่อท้องถิ่น ได้แวะคารวะศาลเจ้าทาคาชิโฮะอันเป็นที่เคารพของคนญี่ปุ่นทั้งชาติเพราะนี่คือดินแดนแห่งจุดกำเนิดประเทศญี่ปุ่น
เดิมแผนของเราคือ คุณเฮเลน โชเฟอร์และไกด์ของเราจะพาไปชมความงามของจุดต่างๆบนเส้นทางเข้าสู่ภูเขาไฟอาโสะ บริเวณอันกว้างใหญ่นี้มีความสำคัญจนได้ขึ้นทะเบียนกับ UNESCO เป็น Aso UNESCO Global Geopark
(ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.aso-geopark.jp/en/a...)
http://www.aso.ne.jp/~volcano/eng/html/access.html
เรามาจากทาคาชิโฮะ ก็จะต้องวิ่งบนถนนสาย 325 แล้วตัดเข้าสู่บริเวณที่เขียนว่า Mt. Aso Park Road ซึ่งจะเข้าใกล้จุดยอดนิยมที่ใครๆต้องมาและมีการพัฒนาเป็นจุดท่องเที่ยวที่สะดวกมีพิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟอาโสะ มีจุดขึ้นกระเช้าRopeway ไปสู่ปล่องภูเขาไฟนากาดาเกะที่ยังคงคุกรุ่นอยู่
https://www.japan-guide.com/e/e4552.html
นอกจากนั้นบริเวณภูเขาไฟอาโสะที่มีวิวสวยงามไม่เหมือนที่ใด มีเมืองชนบทเล็กๆ มีวิวนาข้าว ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ชาวบ้านเลี้ยงวัว เลี้ยงม้าในทุ่งหญ้าเป็นภาพที่เราอยากเห็นและสัมผัสด้วยตนเองสักครั้ง
ทุ่งหญ้า Kasensurigahama
ภูเขาไฟ Komezuka ซึ่งดับแล้ว เป็นรูปกรวยคว่ำสวยงาม
https://kumamoto.guide/en/spots/detail/11968
https://japan-magazine.jnto.go.jp/en/1512_aso.html
By Sonata at Japanese Wikipedia, CC BY-SA 4.0,
https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=37373845
สำหรับแอ่งภูเขาไฟอาโสะนั้นมหึมาแทบจะเหนือจินตนาการค่ะ ขนาดของแอ่งคือมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 25 กิโลเมตร และมีเส้นรอบวงราว 100 กิโลเมตร ในแอ่งยังเป็นที่ตั้งกลุ่มยอดภูเขาไฟ 5 ยอด ได้แก่ Mt. Neko, Mt. Taka, Mt. Naka (หรือ Nakadake), Mt. Eboshi, และ Mt. Kishima
ยอดที่สามารถเข้าถึงได้คือ Nakadake ที่มีถนน มี ropeway พาขึ้นไปชม ซึ่งก่อนจะไปต้องตรวจสอบสภาพอากาศทิศทางลมเพื่อความปลอดภัยว่าจะสามารถเข้าไปชมได้หรือไม่ เพราะเป็นยอดที่ยังคงคุกรุ่น มีควันพวยพุ่งหากลมแรงจะพัดพาก๊าซ หรืออาจเกิดปะทุพ่นก๊าซพิษมากขึ้นมาแบบฉับพลัน
แอ่งยุบปากปล่องภูเขาไฟที่มีขนาดใหญ่มหึมานี้มีอยู่หลายแห่งในโลก แต่ที่แอ่งภูเขาไฟอาโสะนี้น่าทึ่งเพราะ พอเกิดการระเบิดเมื่อ 9หมื่น-3แสนปีมาแล้ว แอ่งที่ยุบลงมีความอยู่ตัว มั่นคงพอที่จะมีผู้คนไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในแอ่งที่ยุบตัวลงนี้ ทำการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ สร้างถนนหนทางอย่างดี รวมไปถึงสร้างทางรถไฟอีกด้วย ทำให้ผู้คนภายนอกพากันไปท่องเที่ยว มีที่พัก มีออนเซนมากมาย จัดว่าเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดคุมาโมโต้ และระดับเกาะคิวชูเลยค่ะ ไม่ใช่เรื่องที่จะพบเจอกันได้ง่ายๆนะคะ
ข้อมูลบอกว่าในยุคโบราณที่ภูเขาไฟอาโสะเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ ต้องจินตนาการว่าบริเวณนี้คือที่ตั้งของอภิภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดกว่าภูเขาไฟใดๆในญี่ปุ่น ใหญ่กว่าภูเขาไฟฟูจิมากมาย ล่าสุดเมื่อสักเก้าหมื่นปีมาแล้วก็ระเบิดใหญ่ๆหลายครั้ง ใหญ่ขนาดที่ว่าส่งหินชิ้นใหญ่น้อยพุ่งปลิวไปไกลกันถึงเกาะเหนือสุดคือฮอกไกโดทีเดียวค่ะ
เล่ามาอย่างจริงจัง ราวกับได้ไปมาแล้วเลยค่ะ
เป็นที่น่าเสียดายที่พอเราออกจากทาคาชิโฮะ ฝนก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดตก และการขับรถลัดเลาะไปตามเส้นทางในแอ่งภูเขาไฟอาโสะในวันนี้จะยากยิ่งขึ้นเพราะจะมีหมอกลงมาหนาแน่นเป็นระยะๆ คุณเฮเลนให้เราตัดสินใจว่ายังอยากจะไปตามแผนอยู่หรือไม่ คณะเราก็สงสารเธอที่จะต้องเครียดกับการขับในสภาวะอากาศแบบนี้และเราเองก็คงเครียดไปกับเธอ และอากาศแบบนี้ไปถึงคงไม่ได้เห็นอะไร เราจึงตัดสินใจยกเลิกแผนเดิม
หมอกจากฝนที่พร่างพรายโปรยกันทั้งวัน ทัศนวิสัยแย่มาก
https://www.japan-guide.com/e/e4552.html
คุณเฮเลนเสนอพาไปสถานที่ที่น่าสนใจอยู่บนเส้นทางที่เราจะต้องกลับเข้าคุมาโมโต้ นั่นคือบนเส้นทางเลียบทางรถไฟสายท้องถิ่น Minami Aso ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของกลุ่มยอดภูเขาไฟในแอ่งอาโสะ ในแผนที่ด้านบนคือเส้นสีเหลือง
ที่เห็นวงรีสีฟ้ากระจายอยู่ใกล้ๆกับเส้นสีดำบ่งบอกว่าเป็นเส้นทางรถไฟ Minami Aso ก็คือบรรดาแหล่งต้นกำเนิดน้ำแร่คุณภาพยอดเยี่ยมที่ผุดออกมา ที่บริเวณนี้มีมากมายก็เพราะอานิสงค์ของการอยู่ในดินแดนภูเขาไฟนั่นเองค่ะ
เราไปแวะที่แหล่งน้ำผุด Shirakawa ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Shirakawa ในแผนที่คือด้านขวาล่าง
นี่เป็น 1 ใน 100 แหล่งกำเนิดน้ำผุด หรือ Fountainhead ที่มีคุณภาพสูงมีชื่อเสียงที่สุดแหล่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
แหล่งน้ำผุดชิราคาวานี้มีน้ำผุดขึ้นมามหาศาลอย่างน่าทึ่ง คือ 60 ตันต่อนาที ลักษณะของน้ำแร่ที่นี่ใสราวแก้วเจียรนัย มีความสะอาดด้วยผ่านการกรองหลายชั้นของดินและลาวาจากภูเขาไฟที่อยู่ในละแวกที่ทับถมซ้อนๆกันมานานนับหมื่นนับแสนปี
เมื่อมันผุดขึ้นมามากมายก็ก่อให้เกิดเป็นบ่อน้ำใหญ่ และบ่อน้ำก็ได้ขยายออกกลายเป็นลำธาร
น้ำจากลำธารที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำที่เติมเต็มไหลลงสู่แม่น้ำชื่อเดียวกัน คือ Shirakawa River แปลว่าแม่น้ำสีขาว แม่น้ำนี้มีต้นน้ำที่ไหลมาจากภูเขาไฟ Nekodake ซึ่งเป็น1 ใน 5 ยอดที่อยู่ในแอ่งภูเขาไฟอาโสะที่เล่าถึงข้างต้น จากนั้นแม่น้ำชิราคาวะนี้ก็ไหลเข้าสู่กลางเมืองคุมาโมโต้
น้ำสะอาด ดื่มได้ รสชาติดี เย็นเฉียบชื่นใจค่ะ
ใช้เวลาเพลิดเพลินกับธรรมชาติอยู่ที่นี่สักพัก เราก็เดินทางเข้าเมืองคุมาโมโต้ โดยขอให้คุณเฮเลนขับรถไปส่งเราถึงโรงแรม เป็นอันจบวันเปียกปอนที่ดีไปอีกแบบ
คิดว่าเราคงมีโอกาสกลับไปเที่ยวชมธรรมชาติในบริเวณของ Aso Global Geopark หรือ อาโสะอุทยานธรณีโลก และได้ไปกับไกด์ที่รอบรู้และมีน้ำใจเช่นคุณเฮเลนอีกสักครั้ง เมื่อโลกปลอดภัยจาก COVID-19.
ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ
คิดถึงพี่นุชจังค่ะ