โสภณ เปียสนิท
นาย โสภณ เปียสนิท ตึ๋ง เปียสนิท

เมืองไทยในพุทธศักราช2564


โสภณ เปียสนิท

.....................................................

    หมู่บ้านริมท่าน้ำเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยตามกาลเวลา สมัยก่อนสร้างเขื่อน ยังมีเรือแพล่องไปตามลำน้ำแควใหญ่ บ้านเรือนหันหน้าลงน้ำกันเป็นส่วนมาก เพราะลำน้ำคือสายใยแห่งชีวิต ทั้งคนและสัตว์ เมื่อมีถนนลาดยางสายแรกตัดผ่านหลังบ้าน บ้านเรือนน้อยใหญ่ของชาวบ้านต่างก็หันหน้ากลับเข้าสู่ถนน หันหลังให้กับแม่น้ำแควใหญ่ทีละหลังสองหลัง เวลาล่วงเลยมาสามสิบกว่าปี บ้านเรือนส่วนมากหันหลังให้แม่น้ำ หันหน้าเข้าสู่ถนน

            สังคมค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป ตามหลักแห่งไตรลักษณ์ ไม่เที่ยง แปรปรวน มิใช่ตัวตน ที่ชายเขาห่างไกลออกไปจากหมู่บ้านไม่น้อย มีพระสงฆ์เข้าอาศัยใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายตามวิถีแห่งสมณะ มีญาติโยมเข้ามาหามาทำบุญท่านก็อยู่ต้อนรับเจรจาด้วย เจรจาเรื่องทั่วไปท่านก็นิ่งๆ สอบถามเรื่องธรรม และการปฏิบัติธรรมท่านก็สนใจกระตือรือร้นในการพูดคุยหาคำตอบให้กับเจ้าของคำถาม ชาวบ้านจึงรู้กันโดยทั่วไปว่า ท่านชอบสนทนาธรรม

            ผมแวะเวียนไปหาท่านเพื่อสนทนาธรรมตามวันว่างของตน สัปดาห์ที่ผ่านมาผมแวะเข้าไปกราบนมัสการท่านอีกครั้ง ถือโอกาสนำสิ่งของเล็กน้อยไปถวายท่าน และสนทนาธรรมกับท่านเหมือนเช่นเคย ท่านเดินอยู่ใต้ร่มไม้ตอนผมเข้าไปถึงบริเวณของท่าน “ท่านอาจารย์สบายดีนะครับ”

ผมถามท่านด้วยประโยคทั่วไป “ยังสบายดีตามอัตภาพนะโยม โยมไม่ได้มาตั้งนานเชียวนะ” “ครับท่าน ผมไปๆ มาๆ อยู่กับที่นี่และที่ทำงาน ก่อนเกษียณคงต้องไปกลับแบบนี้อีกสักปีหนึ่ง กันยาที่จะถึงนี้คงหมดหน้าที่แล้ว ไม่ต้องเดินทาง” พระอาจารย์พยักหน้ารับทราบ “ไปตามวาระนะโยม กลับมาอยู่บ้านเราก็ดีแล้ว” ท่านเจรจาขณะผมหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ไม้เก่าๆ

            นั่งลงเรียบร้อยแล้ว จึงพนมมือถามข่าวใหญ่ของหมู่บ้าน “ทราบข่าวว่า ช้างเหยียบคนตายที่หมู่บ้านเรา พระอาจารย์ทราบไหมครับ” ท่านยิ้มกว้าง “ไม่ทราบได้อย่างไรกันเล่าโยม ช้างเหยียบโยมหญิงแก่ๆ เลยชายป่านั่นไม่ถึงห้าร้อยเมตร อาตมาได้ยินเสียงช้างมารวมตัวกันร้องเสียงโหยหวนผิดปกติ แต่ไม่ได้ยินเสียงโยมร้องขอความช่วยเหลืออย่างใดเลย เจ้าหน้าที่กับชาวบ้านเข้ามาทางนี้ เพื่อไปค้นหาคนหาย อาตมาจึงพอทราบบ้างว่า ช้างเหยียบคนตายเข้าแล้ว ไม่น่าเลย อนิจจังทุกขังอนัตตา”

            “ท่านอยู่ที่นี่ไม่กลัวหรือครับ ช้างมันไม่รู้พระรู้โยมหรอกครับ” ผมสอบถามเชิงทัศนคติของพระอาจารย์ ท่านกล่าวตอบแบบยิ้มๆ ว่า “กลัวซิโยม” เล่นเอาผมค่อนข้างงง “อ้าว กลัวทำไมเล่าครับ เขากล่าวกันว่า ช้างไม่ทำร้ายพระ เขาเป็นสัตว์แสนรู้” “ใครว่าเล่าโยม วันก่อนเพิ่งได้ข่าวว่า ช้างกระทืบพระขณะกลับจากบิณฑบาตจนบาตรกระจายที่ชลบุรี” “พระอาจารย์ก็เพ่งกระแสจิตขับไล่ให้วิ่งหนีไปซิครับ” ผมกล่าวทีเล่นทีจริง “เอ อาตมาไม่ถึงขนาดนั้น โดยส่วนมากแล้วจะวิ่งหนีเอานะโยม” ท่านอาจารย์ว่าพลางหัวเราะ

            ผมหัวเราะตามพระอาจารย์ไปด้วย “ขนาดพระอาจารย์ยังวิ่ง แล้วลูกศิษย์มิตับแลบกันไปหมดหรือครับ” ท่านอาจารย์เงียบไปสักครู่ แล้วกล่าวต่อ “เร่งเพียรภาวนาเข้านะ สถานการณ์ในบ้านเราไม่ค่อยดี” ท่านพูดสีหน้านิ่งๆ จนเราสังเกตไม่ออกว่าท่านมีความวิตกกังวลอยู่ด้วยหรือไม่ “อย่างไรครับท่าน” ผมพนมมือถามด้วยความเคารพ พระผู้ทรงศีล ทรงสมาธิ และทรงปัญญา ตามแนวทางของพระศาสนา

            “เมื่อคืนอาตมาฝันไปว่า มีคนแต่งตัวเรียบร้อยดี เหมือนชาวบ้านป่าเราๆ ธรรมดาๆ เดินมาจากทางภูเขาโน้น แวะเข้ามาคุยด้วย ในฝันสังเกตได้ว่าเป็นเวลาบ่ายๆ  ดูสีหน้าเขาเป็นกังวล อาตามจึงถามเขาว่า มาจากไหน เขาตอบว่า มาจากภูเขาโน้น จึงถามว่าจะไปไหน เขาบอกว่า จะมาระบายกับหลวงพ่อ อาตามาจึงถามว่า ระบายอะไร เขาว่า บ้านเมืองเราตอนนี้อาการหนัก เพราะคนเรามีกิเลสอยากได้นั่นนี่โน่น จนทำบ้านเมืองวุ่นไปหมด อาตมาก็เลยบอกว่า ให้เขาช่วยบ้านเมืองหน่อยซิ เขาบอกว่า เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ยากที่ใครจะช่วยได้” ฟังเขาพูดแล้วในฝันอาตามเศร้าใจมาก

            ชาวบ้านป่าคนนั้นดูว่าจะเข้าใจความรู้สึกอาตมา “ท่านอาจารย์ไม่ต้องเสียใจไปนะครับ อาจมีทางแก้ไขได้ หากชาวพุทธเรา หันกลับมานับถือพระศาสนา ช่วยกันทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา แผ่เมตตาให้แก่กันและกัน พร้อมใจกันเอาใจใส่ดูแลพระศาสนา รักษาวัฒนธรรมประเพณีที่มีมาแต่โบราณ ดูแลบุตรหลานให้การศึกษาควบคู่กับหลักธรรมไว้ต่อเนื่องต่อไป จะช่วยให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ต่อไปได้ครบ 5000 ปี ในแผ่นดินนี้ตามพุทธพยากรณ์”

            “อาตมาฟังคำกล่าวปลอบใจจากชายผู้นั้นแล้วรู้สึกมีความสุขเพิ่มมากขึ้น แต่ชายลึกลับจากภูเขานั้นยังกล่าวต่อว่า ขอให้ท่านสวดมนต์ภาวนาแผ่เมตตาเหมือนที่ทำมาแล้วอุทิศส่วนบุญกุศลแด่พวกกระผมด้วย อาตมาก็รับปากเขาว่า จะทำตามที่ขอนั้นทุกๆ วัน ไม่ต้องห่วง ชายลึกลับคนนั้นยิ้มน้อยๆ แล้วยกมือไหว้แล้วหันหลังกลับไปทางเดิม

ยังไม่ทันได้ก้าวเดิน ร่างนั้นก็จางหายไปทันที จนอาตมาแปลกใจว่า เป็นไปได้อย่างไร ตื่นขึ้นมาเวลาราวตีสี่เศษนิดๆ รู้สึกเหมือนกับว่ามีคนมาคุยกันอย่างจริงๆ จังๆ แปลกแท้ กึ่งฝันกึ่งจริงอย่างไรชอบกล” พระอาจารย์เล่าเรื่อยๆ สบายๆ

            ผมฟังเรื่องนิมิตฝันของท่านอาจารย์แล้วรู้สึกสอดคล้องกับเหตุการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน ว่าหมู่บ้านเกือบทุกหมู่บ้านมีปัญหาเรื่องยาเสพติด คนในหมู่บ้านที่ติดยาอย่างหนักจนเสียสติ ลงมือลักขโมย ทุบตีบุพการีของตน เพื่อนบ้าน จนเกิดความเดือดร้อนกันไปทั่ว แถมเยาวชนคนรุ่นใหม่ก็มีแนวโน้มว่าจะก้าวตามหลังคนเหล่านี้จำนวนมากขึ้นเรื่อย การศึกษาถูกลิดรอน การพระศาสนาถูกลิดรอน มองเห็นความเสื่อมรอคอยอยู่ข้างหน้า เพราะประเทศของเรากำลังตัดรอนการส่งเสริมการดูแลจิตใจเยาวชนด้วยคุณธรรม ตัดรอนการศึกษาหาความรู้เพื่อไปเป็นอาชีพในอนาคต

            “เรื่องมันน่าเศร้านะครับ แล้วเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไรดีครับท่านอาจารย์” ผมถามความเห็นของพระอาจารย์ พระอาจารย์นิ่งคิดสักครู่ เหมือนไตร่ตรองหลักธรรม

“โดยภาพรวมแล้วแก้ยาก จึงอยากให้โยมทำใจไว้ก่อนเป็นเบื้องต้น หลังจากนั้นค่อยๆ คิดช่วยสังคม บ้านเมืองต่อไป เอาเท่าที่ได้นะ อย่าคิดแก้ไขทั้งหมด เพราะเราไม่อยู่ในฐานะที่จะแก้ไขทั้งหมดได้ และที่สำคัญยิ่ง ต้องทำใจว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม” คำของพระอาจารย์สะกิดจิตใจได้ดี เพราะหากเราคิดเพื่อหาทางแก้ไข เหมือนเราเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดนั้น มันจะหนักเกินไป เหมือนภูเขาไว้ทั้งลูกย่อมเป็นไปมิได้

            “ท่านอาจารย์ครับ พระอาจารย์บางรูปแนะนำกระผมให้มองกลับเข้ามาด้านใน แก้ไขที่ตัวเราเอง ให้ทุกคนทั้งพระทั้งโยมปฏิบัติธรรมตามหลักที่ถูกต้องตามคำสั่งสองของพระศาสดาแค่นั้นก็พอแล้ว แก้ปัญหาได้แล้ว ปฏิบัติให้ถูกก็แล้วกัน” ผมนำเอาคำของพระอาจารย์บางรูปที่ท่านเคยแนะนำมาเล่าให้ท่านฟัง

พระอาจารย์ท่านตอบ “แบบนั้นมันก็ได้นี่ ถูกต้องแล้ว แต่ว่า มันขาดที่มาที่ไป การที่เราจะปฏิบัติได้ถูกต้อง ต้องค่อยๆ ก้าว เริ่มต้นศึกษาหาความรู้ แล้วค่อยๆ ปฏิบัติตามคำสั่งสอน ค่อยๆยกระดับจิตใจให้สูงขึ้นตามลำดับ จากการทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆมากขึ้นตามลำดับ จากศึกษาปริยัติไปสู่การปฏิบัติ จากค่อยๆ ทำทาน ค่อยๆ รักษาศีล ค่อยๆ เจริญภาวนา เรื่องแบบนี้ทำทีละมากๆ ไม่ได้หรอก”

            “อีกประการหนึ่ง การที่เราจะมีพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้แต่ละองค์นั้นมากจากการค่อยๆ เรียนค่อยสอนกันไปตามลำดับ สังเกตดูจากประวัติของพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วนั้น ท่านก็เริ่มปฏิบัติมาทีละเล็กทีละน้อยเหมือนกัน หลวงปู่ หลวงพ่อ หลวงตาแต่ละรูปต้องผ่านความเป็นเด็กวัด เป็นผ้าขาว เป็นเณรน้อยศึกษากับครูบาอาจารย์เก่าๆ แก่ๆ มาก่อนทั้งนั้น ส่วนบางรูปบางองค์อาจไม่ต้องศึกษาอะไรมาก่อนเลยก็พบหนทางแห่งมรรคผลอย่างรวดเร็วนั้น ก็เป็นผลแห่งการปฏิบัติมาแต่ชาติปางก่อน ดังนั้นหากเราต้องการให้พระศาสนายั่งยืนในประเทศนี้ ก็ต้องช่วยกัน จัดให้มีการศึกษา จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม แก่เยาวชนคนรุ่นหลังเป็นลำดับไป”

            พระอาจารย์ท่านมองการณ์ไกลฉายภาพการพัฒนาพระศาสนาได้อย่างชัดเจน จนผมเกิดความสงสัยคำสอนที่แตกต่างกันระหว่างพระอาจารย์ทั้งสองรูป รูปหนึ่งมุ่งมั่นในทุกคนทำให้ถูกปฏิบัติให้ถูก ท่านก็สั่งสอนศิษย์ของท่านอย่างนี้ไปโดยตลอด แต่ส่วนอีกรูปหนึ่งกลับมองว่า การจัดการศึกษา จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมแก่การศึกษาเพื่อที่จะสั่งสอนบุตรหลานผู้สืบทอดพระศาสนาให้ได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ จากโรงเรียน จากวัด จากบุคลากรรอบตัว พ่อแม่ผู้ปกครอง ไปสู่วัดวาอารามตามลำดับ

            พระอาจารย์ท่านตอบคำถามในใจนี้ว่า “เรื่องของแนวความคิด แนวคำสอนที่ต่างกันนั้น อาจเป็นเพราะว่า ความคิด ตามวาสนาเก่าของแต่ละรูปแต่ละองค์ส่วนหนึ่ง รูปที่มีประสบการณ์มาเฉพาะองค์เป็นอย่างไร ท่านเดินมาอย่างไร ท่านก็สอนตามนั้น ส่วนบางรูปท่านบำเพ็ญบารมีมาแบบปัจเจกภูมิ บรรลุธรรมแบบเฉพาะตน ท่านก็สอนตามนั้น ส่วนบางรูปบำเพ็ญมาแบบพุทธภูมิ ท่านก็จะมีความสามารถในการสั่งสอน สอนเป็นขั้นเป็นตอน สอนจากง่ายไปหายาก สอนลาดลุ่มลึกไปตามลำดับ ตัวอย่างเช่น การสอนตามแบบอนุปุพพิกถา ท่านสอนเรื่องทานก่อน แล้วค่อยสอนเรื่องศีล แล้วค่อยสอนเรื่องสวรรค์ เรื่องโทษของกาม และอานิสงส์ของการออกจากกาม แบบนี้เป็นต้น”

            ตรองตามความคิดของท่านอาจารย์ก็น่าจะเป็นความจริงเช่นนั้น จากประสบการณ์ที่ได้รับความรู้มาจากครูอาจารย์ท่านต่างๆ ท่านมีบารมีทางด้านใด ท่านก็จะสอนทางด้านนั้น รำลึกถึงคำสอนของหลวงปู่ที่เคารพศรัทธารูปหนึ่งท่านสอนว่า “ผลการปฏิบัติไปทางไหน ไปถึงไหน ก็ให้ดูครูอาจารย์ของท่านเหล่านั้นนั่นแหละ” ท่านว่าอย่างนั้น   

หมายเลขบันทึก: 688602เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2021 09:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 มกราคม 2021 10:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท