เมื่อวานนี้ตอนบ่ายแก่ๆ ผู้วิจัยได้รับโทรศัพท์จากคณะกรรมการเครือข่ายออมบุญฯ แจ้งให้ทราบว่าในวันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม 2549 ซึ่งตรงกับวันประชุมประจำเดือนของเครือข่ายฯออมบุญพอดี จะมีแขกพิเศษจาก สปสช. มาเยี่ยมที่เครือข่ายฯ 2 ท่าน คือ คุณหมอประทีป และ คุณอรจิตร์
คณะกรรมการบอกว่าเพิ่งทราบเรื่องเมื่อสักครู่นี้ เนื่องจากเพิ่งได้รับการประสานงานจากทีมสภาจังหวัด แต่ก็ได้รับทราบข้อมูลไม่มากนัก ทราบแต่เพียงว่าใครจะเป็นผู้พามา มากันกี่โมง
ดังนั้น จึงมีคำถามตามมาจากคณะกรรมการพอสมควร เช่น ใครจะมาบ้าง? มากันกี่คน? มากี่โมงถึงกี่โมง? มาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร? จะให้ทางเครือข่ายออมบุญประสานงานเรื่องอะไรบ้าง? ฯลฯ
ผู้วิจัยได้แต่หัวเราะ เพราะ ตัวเองก็ไม่ทราบเหมือนกัน ก็เลยแนะนำให้คณะกรรมการโทรกลับไปถามคนที่โทรมาประสานงาน ปรากฎว่าคณะกรรมการโทรกลับมาหาผู้วิจัยอีกครั้ง พร้อมกับบอกว่าโทรศัพท์ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้วิจัยจึงได้บอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ควรที่จะปรึกษาหารือกับเหล่าคณะกรรมการว่าจะทำอย่างไร เพราะ มีข้อมูลเพียงเท่านี้
ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ชุมชนจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้วิจัยรู้สึกและสัมผัสได้ก็คือ ความเอื่อเฟื้อเผื่อแผ่ ความมีนำใจ ความมีอัธยาศัยไมตรีของชาวบ้านยังคงมีอยู่อีกมาก คำถามต่างๆที่คณะกรรมการตั้งขึ้นมานั้นล้วนแต่เป็นคำถามที่ต้องคำตอบเพื่อการประเมินและการเตรียมการต้อนรับทั้งสิ้น น่าเสียดายที่คนให้ข้อมูลน่าจะแจ้งข้อมูลให้ทราบมากกว่านี้ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่เป็นไร ผู้วิจัยเชื่อว่าผู้มาเยือนย่อมสัมผัสได้ถึงความมีนำใจ ความเป็นมิตรของชาวบ้านเหมือนอย่างเช่นที่ผู้วิจัยสัมผัสได้
อ.ยังขยันเขียนบันทึกเหมือนเดิมนะคะ