วานซืน ร่วมประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด เนื่องจากรอบนี้คนน้อย เลยมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกันในที่ประชุมเยอะหน่อย
โดยเฉพาะปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศเด็กที่กระทำโดยผู้สูงวัย มีสถิติเพิ่มขึ้นอย่าน่าใจหาย
ถ้าเป็นเวทีอื่น คงไม่ง่ายที่จะกล่าวและยกเรื่องนี้มาอภิปราย
เพราะบ้านเราค่อนข้าง “หน้าบาง”
..............................................................................
การล่วงละเมิดทางเพศที่ผู้สูงอายุกระทำต่อเด็ก “แพะรับบาป”สำคัญมักจะโยนไปที่สื่อ เหมือนโยนให้คนนอก ซึ่งก็ดูง่ายดี สังคม ผู้คนในชุมชนที่เป็นคนใน ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
สื่อ มีส่วนนั่นก็จริง แต่ก็มีบริบท เงื่อนไข ตัวแปรหลายอย่างที่เราต้องวิเคราะห์ร่วมกันไป
ตรงนี้น่าจะมีงานวิจัย ทำฐานข้อมูลและวิเคราะห์ออกมาเป็นแนวทาง
โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอปางมะผ้า ซึ่งมีสถิติเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศสูงขึ้นแซงอำเภออื่นๆในจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ยอมรับความจริง แล้วช่วยกันแก้ปัญหา
ดีกว่าซุกขยะไว้ใต้พรม
..............................................................................
การล่วงละเมิดทางเพศที่ผู้สูงอายุกระทำต่อเด็ก เท่าที่ฟังในเวทีนี้ แม้จะอภิปรายกันไม่นาน แต่ก็เห็นได้ถึงความซับซ้อนและแนวโน้มความรุนแรงที่มีมากขึ้น
การเข้าสู่สังคมสูงวัยในเขตชนบทและกึ่งเมืองกึ่งชนบท ทำให้ผู้สูงอายุจำนวนมากต้องอยู่กับลูกหลาน ในขณะที่พ่อแม่เด็กไปทำงานนอกบ้าน หรือไปหางานต่างถิ่น
บริบททางสังคมที่เปลี่ยนไป เศรษฐกิจตกต่ำ บทบาททางสังคมที่พลิกผัน การขาดพื้นที่ทางสังคมที่ค้ำจุน ความรู้ที่เคยมีอยู่ไม่ตอบโจทย์ชีวิตปัจจุบัน มีผลทำให้ผู้สูงอายุชายมีความเปลี่ยวเหงา อ้างว้าง ความกดดัน อารมณ์แปรปรวนต่างๆ ประกอบกับระยะห่างทางสังคมและจิตวิญญาณระหว่างวัดกับผู้สูงอายุชาย สื่อกระตุ้นกามารมณ์เข้าถึงผู้สูงอายุและเด็กได้ง่าย ห้องหับที่ไม่แยกส่วนมิดชิด ความเจริญก้าวหน้าทางระบบสุขภาพ อาหารการกิน ปัจจัยส่งเสริมสุขภาพกายมีส่วนให้ผู้สูงอายุชายยังมีแรงขับทางเพศได้ยาวนาน ในขณะที่คู่ครองวัยชราส่วนใหญ่ไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว
เมื่อผู้สูงอายุชายในสภาวะดังกล่าวข้างต้นอยู่ใกล้ชิดหลานน้อย หลานสาว ตามลำพัง ก็มีโอกาสเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้
อันนี้ วิเคราะห์แบบเร็วๆ ไม่ได้ผ่านวิจัย เพื่อให้เห็นภาพกว้างๆ
ที่ประชุมเองเห็นไปทำนองนี้ด้วย
ตอนนี้ ที่ทำได้คือ จะมีหนังสือกำชับไปยังคณะกรรมการคุ้มครองเด็กระดับตำบลต่างๆ ให้เฝ้าระวังเรื่องนี้
แต่ก็อย่างว่า ลำพังคณะกรรมการอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีกิจกรรมและการติดตามประเมินลงตาม ซึ่งเราเองก็คงเลือกทำได้บางพื้นที่เพราะงบ-คน-จำกัด แต่น่าจะทำให้เห็นเป็นแบบอย่างแนวทางไปขยายผล
อยากให้เรื่องการล่วงละเมิดทางเพศที่ผู้สูงอายุกระทำต่อเด็ก ถูกสังคมหยิบยกมาพูดกันมากขึ้น
ไม่ใช่ในแบบโจมตี ติฉินนินทา หรือโลกสวยคอยจะไกล่เกลี่ยแบบเห็นแก่หน้า
แต่พูดในฐานะที่เราเห็นประโยชน์ต่อเด็กเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่เอาวงศ์ตระกูล หรือเอาชุมชนเป็นใหญ่ไปทุกเรื่อง
มิฉะนั้น ปัญหานี้ไม่มีทางจบ
และจะกลายเป็นขยะซุกใต้พรมที่มากขึ้นๆ
..............................................................................
เรามักติดภาพโรแมนติกตายตัวในอดีตว่า คนเฒ่าคนแก่เลี้ยงหลาน ต่างฝ่ายต่างเบิกบาน มีความสุข
ตรงนี้ ต้องเริ่มตั้งคำถาม กับวิธีคิดตรงนี้กันมากๆ
จากนั้นเปิดใจ เปิดการเรียนรู้ โลกเปลี่ยนทุกวัน หมั่นอัพเดทความรู้ให้เท่าทัน
หมั่นต้องคำถามกับแนวทางที่ขับเคลื่อนอยู่ ควบคู่ไปกับการตั้งคำถามกับชีวิตด้านนอก-ด้านในของตัวเอง
วิเคราะห์ด้วยเมตตา สติ และปัญญา แสวงหากัลยาณมิตร
จึงจะพอเห็นทางไปต่อ
ไม่มีความเห็น