ภาคเรียนที่ ๑/๖๔ ได้รับการมอบหมายจากอธิการบดีและคณะกรรมการอำนวยการโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น ให้เป็น “อาจารย์นิเทศก์" ทำหน้าที่ไปศึกษา สังเกต และดูแลนักศึกษาโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่นที่ถูกส่งไปโรงเรียนในเชียงใหม่ จำนวน ๖ โรง (นักศึกษา ๓๐ คน)
ทำให้ภาคเรียนที่ ๑/๖๔ จึงขอความอนุเคราะห์สาขาวิชา ยกเว้น การจัดตารางสอนในวันศุกร์ในภาคเรียนนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ดังที่กล่าวมา
…
…
เลือกไปนิเทศ “โรงเรียนเทศบาลวัดกู่คำ” เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกใหม่สำหรับการส่งนักศึกษาลงไปปฏิบัติการและฝึกฝนความเป็นครู ดังนั้น การลงไปในวันแรกที่นักศึกษาไปอยู่นั้น เพื่อทำความเข้าใจการให้ความรู้และฝึกฝนอย่างไรในชั้นปีที่ ๒ นี้บ้าง เนื่องจากแต่ละชั้นปีจะมีระดับการฝึกไม่เหมือนกัน แนวคิดเป็น “เบาไปหาหนัก”
..
..
“โรงเรียนเทศบาลวัดกู่คำ” สังกัด อบจ.เชียงใหม่ อยู่ข้างอาเขต (ขนส่งเชียงใหม่) เคยไปส่งคนโน้น คนนี้ แต่ไม่เคยมีโอกาสมาทำกิจกรรมใด ๆ ที่โรงเรียนนี้เลย ใช้เวลาขี่รถเครื่องจากบ้านไป ๑ ชั่วโมง
..
..
วันนี้ถึงโรงเรียน เวลา ๑๕.๐๐ น. ทางเข้าโรงเรียน อยู่หลังวัดกู่คำ
จอดรถเครื่องไว้ตรงประตูโรงเรียนเตี้ย ๆ มองไปก็เห็นอาคารเรียนอยู่ ๒ หลัง
..
..
แผนแรก คือ การขอเข้าพบ ผอ. ก่อน แต่ ผอ.ไม่อยู่ ออกไปธุระข้างนอกพอดี
บังเอิญคุณครูที่อยู่บนอาคารตะโกนถามมาว่ามาหาใคร แจ้งว่า มาหา ผอ. แต่ ผอ.ไม่อยู่ ให้ขึ้นมาบนอาคารนี้ได้เลย จึงกลายเป็นแผนสอง คือ คุยกับคุณครูที่ดูแลเด็ก ๆ แทน
..
…
สภาพแวดล้อมดูสะอาดสะอ้านมาก ๆ
คุณครูบอกว่า เด็กครูรัก(ษ์)ถิ่นกลับไปแล้ว มีรถสีขาวมารับไปได้สัก ๑ ชั่วโมงแล้ว อ้าว นั่นไง นี่แหละคือปัญหา เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขต่อไปในสัปดาห์หน้า ต้องอยู่ให้เท่ากับคุณครูเขาอยู่ ห้ามกลับก่อนเวลาโรงเรียนเลิก
ได้มีโอกาสนั่งคุยกับคุณครูที่เป็นหัวหน้าระดับชั้นอนุบาล คุณครูดูกระตือรือร้นมาก สัมผัสได้ว่า คุณครูท่านนี้ต้องสามารถฝึกฝนเด็กครูรัก(ษ์)ถิ่นได้เป็นอย่างดีแน่นอน
แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันหลายเรื่อง บางสิ่งบางอย่างถือเป็นการสะท้อนคิดที่มีประโยชน์มากสำหรับสถาบันการผลิตครู
เช่น
การผลิตครู ควรให้นักศึกษาครูลงโรงเรียนตั้งแต่ชั้นปีที่ ๑ เพื่อให้เขาได้มีโอกาสฝึกฝนและเกิดความตระหนักรู้ว่า วันหนึ่งเขาจะมาทำหน้าที่แบบนี้ เขาพอใจไหม เขาชอบไหม เขาตอบปัญหาของตัวเองได้ไหมว่า การที่เลือกมาเรียนครู อยากเป็นครูจริง ๆ หรือมาเป็นครูเพราะว่าได้รับทุน หรือ พ่อแม่อยากให้มา แค่นั้น
ซึ่งประเด็นนี้ ผมสนับสนุนมาโดยตลอด ตัวเองได้สอนวิชา “ความเป็นครู” เมื่อใด คอร์สนั้นจะต้องส่งเด็กลงไปโรงเรียนเสมอ ถือเป็นกิจกรรมหลัก เพราะเคยค้นพบบ่อยที่เขียนผ่านมาว่า เด็กบางคนไม่ได้อยากเป็นครู แต่พ่อแม่บังคับมา หรือ คิดว่าอาชีพครูมันง่าย ใคร ๆ ก็เป็นครูก็ได้ ดังนั้น จงลงไปหาคำตอบนั้นเอง
..
คุยกันเสร็จแล้วก็บันทึกภาพร่วมกัน เพื่อเก็บเป็นหลักฐานกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งก็ได้นักศึกษาฝึกสอน ปี ๕ ซึ่งเป็นรุ่นพี่เด็กครูรัก(ษ์)ถิ่นมาช่วยบันทึกภาพให้ และผมก็ฝากฝังให้ดูแลรุ่นน้องด้วย ครูจะได้สบายใจ
ผมจำหน้าเด็กปี ๕ ได้ แต่ผมจำไม่ได้ว่า ผมไปรู้จักเขาที่ไหน เมื่อไหร่
เด็กบอกว่า “อาจารย์ อย่าลืมซึ้อกล้วยทอดมาฝากหนูด้วย”
นั่นไง จำได้ล่ะ เด็กปฐมวัยกลุ่ม ผมเคยซื้อกล้วยทอดให้จริง ๆ 555
เด็กจำครูได้แม่นยำเสมอ แต่ครูผู้สอนเด็กมาเป็นร้อยเป็นพัน มักจะจำไม่ได้หมด
รู้สึกแก่ไปในทันที ;)…
..
ปัญหาที่เก็บได้ในวันแรก โรงเรียนแรกนี้
๑. การออกจากโรงเรียนก่อนโรงเรียนเลิก แจ้งให้ จนท.ประจำโครงการประสานรถให้ด้วยในสัปดาห์ถัดไป
๒. การสื่อสารจากทางโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น โดยคณะผลิตครู มาไม่ถึง หรือ มาแบบไม่เข้าใจ ทำให้คุณครูยังไม่ทราบบทบาทหน้าที่ของตัวเองว่า ต้องดูแลเด็กอย่างไร (อันนี้ส่วนตัว ทราบเลยว่าเกิดจากปัญหาใด และใคร)
..
สิ่งที่ต้องทำ หลังจากไปนิเทศ
๑. เก็บรูปภาพลงเป็นอัลบั้มในไลน์ของกลุ่มนักศึกษาโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น และ จนท.ที่ดูแลการเบิกจ่ายโครงการ ซึ่งรูปภาพดังกล่าว นอกจากเป็นการเตือนความจำ ก็ยังเป็นหลักฐานสำคัญในการเบิกจ่าย การเขียนรายงาน การเช็คชื่อว่า อาจารย์นิเทศได้ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายแล้วเน้อ
๒. เขียนบันทึกลง G2K เพื่อเก็บเรื่องราวและปัญหาที่เก็บได้ จะได้นำไปปรับปรุงหรือแก้ไขต่อไป ตามที่อธิการบดีคาดหวังเอาไว้ลึก ๆ
..
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม
บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)…
..
เดี๋ยวนี้เป็นรูปแบบใหม่ที่ไม่มีmail แจ้งเตือน 555
สงสัย admin กำลังปรับปรุงอยู่น่ะครับ ท่านประธาน ;)…
ขอบพระคุณมากครับ ;)…
“ความรู้จากห้องเรียน” ไม่สำคัญเท่า “การลงมาสัมผัสด้วยตนเองที่โรงเรียน”
เป็นจริงตามนั้นครับ และเช่นเดียวกัน ผมก็เชื่อว่า “ไม่มีที่ใดปราศจากความรู้และการเรียนรู้ เว้นเสียแต่เราไม่เปิดใจที่จะเรียนรู้”
ขอบพระคุณครับ
ขอบคุณมากครับ คุณแผ่นดิน ;)…
ขอเสนอให้อาจารย์ช่วยย้ำว่า การที่นักศึกษาครูรัก(ษ์)ถิ่นไปฝึกที่โรงเรียน ต้องการให้ได้เรียนรู้อะไรบ้าง เพื่อประโยชน์อะไรของเขาในอนาคต และพื่อประโยชน์อะไรของนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลที่เขาจะไปทำงาน ชื่นชมการทำงานและบันทึกของอาจารย์ครับ
รับทราบครับ อาจารย์หมอ
นั่นคงเป็นหน้าที่ผมโดยตรงที่เฝ้าดูการเติบโตของพวกเขาให้ถูกทาง
ขอบพระคุณที่อาจารย์หมอให้เกียรติเข้ามาในบันทึกนี้ครับ ;)…