พระที่น่ากราบ
มาถึงวันนี้...สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมคิดว่า “การเป็นพระที่น่ากราบและกราบได้อย่างสนิทใจนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะครับ"
10 ปีที่ผ่านมา ที่ท่านใช้เวลาดูผม
ผมได้รับความเมตตาจากท่าน ทั้ง ๆ ที่ท่านไม่เคยรู้จักผมมาก่อน
10 ปีที่ผ่านมา ท่านให้ความเมตตาต่อตัวผมมาโดยตลอด ซึ่งใครหลาย ๆ คนมองและบอกกับผมว่า “น้องโชคดีจังที่ท่านเมตตา”
วันนี้ผมมานั่งคิดครับ ...ทำไมผมถึงมีวันนี้....
ผมกลับมามองที่ใจของตัวเอง “ใจของเรานี่แหละ! ที่มันเป็นใหญ่ เป็นประธาน และทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ”
วันที่ผมได้กราบท่านเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตัวผมเองก็ไม่เคยคิดครับว่า..ทำไมผมถึงกล้าคิด กล้าพูด ต่อหน้าท่าน ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยรู้จักท่าน ไม่เคยกราบท่านมาก่อนเลยในชีวิตและจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ...ผมมองต่อครับว่า ใจของเรานี่แหละที่มันไม่เคยเปลี่ยน... มันเคยเป็นอย่างไรมันก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเสมอ
ผมพูดด้วยความสัตย์จริงครับว่า...ตัวผมเองนั้นก็มิใช่คนดีเพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ผมยังคงมีกิเลส ยังคงมีความโลภ ความโกรธ ความหลง เหมือนกับคนทั่วไป แต่นับวัน สิ่งเหล่านี้ มันอาจเบาบางลงตามเหตุตามปัจจัย เหตุและผลนี่แหละที่มันเป็นของคู่กัน เราทำเหตุอย่างไร ผลออกมาย่อมเป็นเช่นนั้นเสมอ จะให้เลี่ยงเป็นอย่างอื่น อย่างไรเสียมันก็เลี่ยงไม่ได้
ผมมานั่งพิจารณาดูว่า...วันคืนที่ล่วงเลยผ่านไปนั้น...ใช่ว่าผมจะได้มากราบท่าน ได้ปรนนิบัติรับใช้ท่านบ่อย ปีหนึ่งหากจะนับครั้งแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะนับ ตรงกันข้ามช่วงเวลาดังกล่าวมันเหมือนเป็น ”โอกาสทองของชีวิต” ที่ใครหลายต่อหลายคนครับที่อาจคิดเหมือนผมว่า มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เรื่องเล่น ๆ กับการที่เราได้จะได้พบเจอ พ่อแม่ครูอาจารย์ พระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
“ถ้าเราดี เราต้องดีจากข้างใน ใครเห็นเขาก็ชื่นชมและศรัทธาเอง” คำ ๆ นี้มันก้องกังวานอยู่ในใจของผมเสมอมา ในวันที่ท่านเมตตาพูดต่อหน้าผม เพราะคำพูดประโยคนี้ ที่ท่านพูดออกมานั้น ทำให้ผมคิดและย้อนกลับมาดูที่ใจของผมเอง....และทุกๆคนนะครับที่ท่านเมตตา หากน้อมนำคำพูดประโยคนี้มา โยนิโสมนสิการ ด้วยตัวของตัวเอง
น้อมกราบสาธุ ๆ ๆ ครับ
ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงครับ
บุญย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม สาธุ สาธุ