การพัฒนาตนเองส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพ การพัฒนาความคิดบวก การปรับเปลี่ยนมุมมองต่อสิ่งแวดล้อม หรือการสร้างแรงบันดาลใจเป็นต้นทำให้เรามีกำลังใจในการดำเนินชีวิตและการทำงาน
แต่ยังมีการพัฒนาตนเองอีกแบบหนึ่งคือเป็นการพัฒนาจากภายในก้นบึ้งของจิตใจเลยทีเดียวเรียกว่า เป็นการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ รู้จักขจัดของเสียและเอาของดีมาใช้ เป็นการเรียนรู้ในจิตของตนเองและสามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
การดูจิตไม่ใช่เป็นการดูจิตตรงๆ แต่เป็นการดูความรู้สึก อาจจะเรียกว่าเป็นความรู้สึกตัวก็ได้ อาการต่างๆทางจิตนั้นไม่ใช้ตาดู แต่ใช้ความรู้สึกในการรับรู้อาการต่างๆเหล่านั้นซึ่งได้แก่ ความสุข ความทุกข์ ความไม่พอใจ ความยินดี ความเครียด ความสบายใจ....เป็นต้น
ดูความรู้สึกแล้วได้อะไร ? ประการแรกคือถ้ากำลังอยู่ในความทุกข์ ความทุกข์นั้นจะดับลงชั่วคราว ประการที่สองคือได้รู้จักที่มาของทุกข์นั้น ประการที่สามถ้าความทุกข์นั้นมาอีกระยะเวลาในความทุกข์จะสั้นลง ประการที่สี่ถ้ากำลังมีความสุขก็จะสุขโดยไม่เพลิดเพลินมากเกินไป
ทำไมการดูความรู้สึกจึงดับทุกข์ได้ชั่วคราว ? เพราะขณะที่จิตเรากระทบกับสิ่งที่ไม่ดีอยู่นั้น ความทุกข์ครั้งแรกได้ดับลงไปแล้ว แต่ความทุกข์ครั้งที่ 2,3,4,5...เกิดจากความคิดซ้ำๆ การที่เรารู้ความทุกข์ที่กำลังเกิดขึ้นทำให้ความคิดดับลงชั่วคราว ทุกข์ก็ลดลงไปหน่อยนึง(แต่ก็ยังดีไม่ใช่หรือ) อาศัยที่รู้บ่อยๆทันทีที่คิดหรือรู้เท่าที่จะรู้ได้ ความทุกข์จะทุเลาลง เมื่อความทุกข์จางลงก็จะมีเวลาเปิดทางให้ปัญญาได้ทำงาน การแก้ปัญหาไม่ได้แก้ด้วยความหลงหรือความสะใจ แต่ต้องแก้ด้วยปัญญาเท่านั้นจึงจะได้ผลลัพท์ออกมาดี
การรู้สึกตัวหมั่นตรวจสอบอารมณ์ของจิตบ่อยๆ จึงเป็นการพัฒนาตนเองจากภายใน ให้คลายทุกข์ ลดความเครียด ตั้งสติได้เร็ว และไม่หลงเพลิดเพลินจนเสียการงานเสียหน้าที่ความรับผิดชอบชั่วดี
ไม่มีความเห็น