นักศึกษาปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี ศึกษาข้อมูลพฤติกรรมองค์กร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชาด้านบริหารธุรกิจ และเลือกที่จะมาสำรวจความคิดเห็นถึงปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการทุจริตภายในองค์กร หรือศึกษาทัศนคติหรือมุมมองการป้องกันและแก้ไขปัญหาการคอรัปชั่น .... นักศึกษาติดต่อมาว่าจะมาขอสัมภาษณ์ นัดหมายเพื่อมาเจอกันในบ่ายวันศุกร์ แล้วก็ได้พูดคุยกันสักแป๊บ .... คำถามที่นักศึกษาถาม อาจตอบไม่ตรงใจตรงประเด็นนัก และพูดไปค่อนข้างโน้มไปทาง “พูดมาก” ... จึงได้ขออนุญาตเล่าให้น้อง ๆ ฟังถึงเรื่อง “ความซื่อตรง” integrity ยกตัวอย่างภาพกว้างและภาพแคบ ตามประสบการณ์ของการเคยทำงานด้านนี้มาบ้าง จึงได้ถือโอกาสเล่าแนวคิดของการ “ตระหนักรู้” ต่อตนเอง และการจะซื่อตรง ไม่ทุจริต ไม่คอรัปชั่น ส่วนสำคัญ จะต้องเริ่มต้นที่ “ตัวเอง” เป็นสำคัญ
มหาวิทยาลัย มีกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ และแนวปฏิบัติ ที่เป็นการป้องกัน ตรวจสอบ และสร้างกลไกป้องกันการทุจริตมากมาย ทั้งกลไกที่ใช้ทั่วไปในหน่วยงานรัฐ และกลไกที่มหาวิทยาลัยสร้างขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร ด้วยอุดมคติว่า “ไม่มีการทุจริตในองค์กร” .... แต่กลไกสำคัญเหล่านั้น จะใช้ให้เกิดประโยชน์ ก็ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกของคนในองค์กร
โอ้โฮ โอ้โห อะไรเล่าคือ “สามัญสำนึก”
สามัญสำนึกที่ดีคืออะไร จับต้องได้ไหม เป็นนามธรรมมากไปหรือเปล่า?
แต่อุดมคตินั่นแหละ คือ ความจริง ความดี ความงาม ที่เราอยากไปให้ถึง
วันนี้ก็เป็นคู่สนทนาที่ไม่ดีเหมือนเดิม คือพูดมากจนลืมให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น ..... แล้วก็จากกันไป
พอแว๊บออกไปจากหน้าจอนี้ไปหน้า Facebook ก็เจอข้อความที่ท่าน ศาสตราจารย์ ดร.อุทิศ ศิริวรรณ Uthit Siriwan Post ภาพพร้อมข้อความ ไปอ่านเจอภาษิตอยู่ด้วย ก็น่าจะเชื่อมโยงกับเรื่องคอรัปชั่น เพราะหลายครั้ง การทุจริตอาจจะไม่สามารถเอาผิดผู้กระทำได้ ในทางคติ จึงหมายให้เห็นว่า “สเกน กมฺเมน ปญฺญายิสฺสถ” แปลความได้ว่า “ท่านทั้งหลายจักปรากฏด้วยกรรมของตน” อันหมายถึงว่า กระทำอะไร ก็รู้อยู่แก่ใจของตน ระคนไปด้วยสามัญแห่งสำนึก
ณ มอดินแดง
1 มีนาคม 2565
ไม่มีความเห็น