ได้รับเสื้อสุดสวย หรู ดูดี ในโอกาสที่คณะ ก้าวสู่ 30 ปี แห่งการสถาปนา คนส่งมอบคงหวังว่าจะใส่ในโอกาสต่าง ๆ วันนี้ “สวมแบบไม่ซัก” อารมณ์แบบตื่นเต้นในโอกาสอันดีงาม
จะว่าไปแล้วไม่รู้ว่าคณะจะดีใจกับการมีศิษย์เก่าอย่างผมหรือเปล่า????
โดยพื้นฐานเป้นคนหัวอ่อน ไม่เก่งอะไรเลยในทางวิชาการ ไม่มีประสบการณ์ในทางธุรกิจ เมื่อครั้งเรียนหนังสือ ก็งู ๆ ปลา ๆ ถูไถไปมาให้พบจบ หลายต่อหลายครั้งมองไม่ออกด้วยซ้ำถึงกรณีศึกษาในทางบริหารธุรกิจ มองไม่เห็นว่าสภาพแวดล้อมหรือเหตุการณ์แบบนี้ ควรจะใช้แนวคิด ทฤษฎีอะไรเข้าไปใช้เพื่อแก้ไขหรือพัฒนา วิชาหิน ๆ ยาก ๆ ของสาขา อาจารย์ผู้สอนก็แทบจะกุมขมับ ถ้าเป็นได้ท่านคงไล่ออกจากห้องหรือบอกว่า “ไปลาออกซะ”.... แล้วผมก็เรียนจบ ออกมาทำงาน และที่ตั้งคำถามข้างต้นว่า จะว่าไปแล้วไม่รู้ว่าคณะจะดีใจกับการมีศิษย์เก่าอย่างผมหรือเปล่า???? เป็นคำถามที่ผมก็ค้างคาใจมาตลอด เพียงแต่ก็ไม่เคยได้ตามหาคำตอบนั้น เพราะไม่รู้จะไปถามคณะอย่างไร เพราะยังไม่รู้ว่าแท้จริงคณะคือสถานที่หรือคณะคือผู้คน หากเป็นผู้คน ใครคือตัวแทนของคณะที่ผมพอจะถามได้?????? ผมเรียนจบบริหารธุรกิจ ด้านการตลาดมา แต่ผมแทบจะไม่ได้นำความรู้ในทางธุรกิจการตลาดมาใช้ประกอบการ ประกอบธุรกิจใด ๆ เลย แม้แต่เรื่องง่าย ๆ อย่างการลงทุนในมิติต่าง ๆ ก็ไม่มี อยากจะกลับไปอ่านดูหลักสูตร หรือปณิธานของคณะเหมือนกันว่าเป็นอย่างไร???? แต่ก็คิดอีกต่อว่า หากไปอ่าน แล้วเราไม่มีคุณสมบัติของปณิธานคณะในการผลิตบัณฑิตเลย จะว่าอย่างไร????
แต่อย่างไรเสีย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้จะได้ทำงาน ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ตรงตามวิชาชีพที่เรียนจบมา แต่ในหน้าที่ การงาน และชีวิต กว่าสิบปีที่ผ่านมาหลังเรียนจบ ก็ได้พยายามเอาแนวคิด ทฤษฎี มาประยุกต์ใช้ในงาน ในการพัฒนา ก็พอคุยได้บ้างว่า “เคยเรียน” กับครูบาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายมาอย่างโชกโชน และหากจะพอรำลึกนึกถึงความรู้ได้บ้าง ก็คิดว่าคงจะนำมาใช้และพัฒนาตนเองต่อไป
คณะครบรอบ 30 ปีแล้วนั้น จะว่าไป ก็คงเป็นวัยที่ก้าวข้ามจากวัยรุ่นตอนปลาย เข้าสู่วัยที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว มีครอบครัว มีความมั่นคงในเศรษฐสถานะ และที่สำคัญ ก็มีภาระที่ท้าทายรออยู่ข้างหน้าในการก้าวไปเป็นสถาบันชั้นนำด้านบริหารธุรกิจและการบัญชี ตามที่หลายคนมุ่งหวัง ศิษย์เก่าตัวเล็ก ๆ อย่างผม ก็คงได้คอยหนุนเสริมบ้างตามโอกาส และคอยชื่นชมความสำเร็จและความงดงามของคณะเป็นลำดับไป
พฤษภาคม 2565
ไม่มีความเห็น