หลังจากเดินทางไปแอบดูนางพญาเสือโคร่ง ณ ขุนช่างเคี่ยน ว่า บานหรือยังไม่บาน ในต้นสัปดาห์ พอปลายสัปดาห์ คือ วันศุกร์ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๖ ก็มีโครงการแอบดูต่อไป ครานี้จะไปดูที่ ขุนวาง หรือ ศูนย์พัฒนาเกษตรหลวงเชียงใหม่ ขุนวาง อีกฟากหนึ่งของดอยอินทนนท์ ซึ่งทางขึ้นมีอยู่ ๒ ทางหลัก คือ
ด้านหน้าดอยอินทนนท์ คือ ทางอำเภอจอมทอง ถนนกว้าง ความชันน้อย
และอีกทางคือ ด้านหลังดอยอินทนนท์ คือ ทางอำเภอแม่วาง ซึ่งทางแคบ ถนนเลียบภูเขา ผ่านหมู่บ้านในนิทานหลายหมู่บ้าน ความชันระดับปานกลาง โค้งหักศอก หักกันหลายรอบ บางช่วงของถนน ไม่มีไหล่ทาง ถนนคอนกรีตแคบ ๆ รถเล็ก ๆ สวนได้ แต่รถใหญ่สวนมา ต้องระวัง
ผมเดินทางออกจากบ้านเวลา ราวเที่ยงตรง ใช้เส้นทางถนนเลี่ยงเมืองสันป่าตองหางดง แวะเติมน้ำมันให้เต็มถัง (ไว้ก่อน) และอาหารกลางวัน ขนมนมเนย ซึ่งตั้งใจว่า จะไปนั่งทานที่ขุนวางเลย
เมื่อเลี้ยวขวาเข้า ต.บ้านกาด ซึ่งเป็นตำบลปากทางเข้าอำเภอแม่วาง ก็ขี่รถตรงไปเรื่อย ๆ จากทางราบ สู่ ถนนขึ้นเขา ผ่านที่ล่องแพอันลื่อชื่อ ต.แม่วิน ผ่านปากทางขึ้นวัดหลวงขุนวิน นับจากนี้ไปความคุ้นเคยก็เริ่มน้อยลง เพราะเคยมาแล้ว แต่ก็เมื่อหลายปีก่อนมาก แค่อยากรู้ว่า ถนนดีกว่าเดิม หรือ แย่กว่าเดิมเท่านั้น ถือว่าเป็นการเสี่ยงอย่างหนึ่ง
ถนนราดยาง สลับ ถนนคอนกรีต เริ่มแคบและชัน ระยะทางจากหมู่บ้านหนึ่งสู่หมู่บ้านเริ่มนานขึ้น สิ่งที่ต้องระมัดระวัง คือ เมื่อเห็นทางข้างหน้า เป็นโค้งหักศอก ต้องตบเกียร์ต่ำ เร่งเครื่องรถมากขึ้น และไม่ควรตามรถยนต์ที่ขาดประสบการณ์ในเส้นทางนี้ เนื่องจากรถเครื่องเป็น Wave i 120 cc เท่านั้น แรงไม่เยอะ เวลาเข้าโค้งต้องเร่งให้สุด ห้ามคลายมือ ค่อยหักรถขึ้นไป อย่าให้ข้ามเลน เดี๋ยวเจอรถลงมาสวนและชนได้ บางระยะ เจอรถยนต์อย่างว่า หยุดรถข้างทาง เอาน้ำมากระดกรอเลย รอให้รถคันนั้นไปไกล ๆ ก่อน แล้วค่อยขี่ต่อไป เราไม่รีบ 555
ความอันตราย นอกจากเจอรถขาดประสบการณ์แล้ว ถ้าสวนกับรถบรรทุก รถขนผลิตภัณฑ์ของโครงการหลวง อันนี้ต้องระวัง เพราะไหล่ทางบนเขามันไม่มี มันเป็นร่องลึก ตกไปล่ะ ขึ้นไม่ได้เอา
แต่บรรยากาศ เวลาลมปะทะหน้าสิ เหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง เยียวยาความรู้สึกเป็นอย่างมาก
เส้นทางที่จะใกล้ถึงศูนย์พัฒนาเกษตรหลวงเชียงใหม่ ขุนวาง จะเป็นป่าสน ทางขึ้นแคบ ถนนราดยาง แต่ชันยาว ประมาณ ๒ - ๓ กิโลเมตร เร่งเครื่องยาว แรงห้ามตก ไม่งั้นรถไหลลง
ถึงแล้ว ทางเข้าอยู่ทางขวามือ ส่วนฝั่งซ้าย มีลานจอดรถที่เก็บค่าธรรมเนียมโดย อบต.ขุนวาง ฝั่งตะวันตกมีกาดพื้นถิ่นให้คนเมืองใหญ่ได้เดินจับจ่าย ผลไม้เมืองหนาว เป็นต้น
ผมยืนกินข้าวเหนียว หมูปิ้ง ลูกชิ้นยักษ์ก่อนเข้าไป เวลาบ่ายสามโมงกว่า ๆ แล้ว ใช้เวลา ๒ ชั่วโมงกว่า ๆ ไม่นับเวลาพักรถ แวะซื้อของ เติมน้ำมัน จำนวนความไกล เกือบ ๘๐ กิโลเมตรจากบ้านมา
เดินผ่านป้อมยามเข้ามา เราจะเห็นสวนหย่อมขนาดใหญ่ด้านซ้ายมือ ฤดูนี้ก็ต้องเห็นต้นไม้ที่มีดอกสีชมพู คือ นางพญาเสือโคร่ง เริ่มบานแล้ว
ต้นนี้อยู่ปากทางเดิน บานแฉ่งเลย
นี้ก็อีกต้นหนึ่ง อีกฝั่งหนึ่ง
จากตรงนี้ ไปจะเดินตรงไปเรื่อย ๆ ผ่านต้นนางพญาเสือโคร่ง ๒ ข้างทาง ปากทางนี่ บานแล้ว แต่เป้าหมายของเรา คือ อุโมงค์ซากุระ อันลือชื่อ จะไปดูว่า บานหรือยัง เดินไปอีกสัก ๑ กิโลเมตร
ยังไม่บาน แต่แสงเงานี่ เร้าใจพอสมควร คนก็ถือว่า ไม่เยอะ เป้าหมายของพวกเขา คือ ดอกสีชมพู
แต่เป้าหมายของผม คือ ทุกช็อต หันมองไปช้า ๆ มุมไหนเข้าสู่สมอง ก็จะหยุดเก็บภาพทันที ไม่รีบ ๆ อย่างที่บอก ละเมียดละไมที่สุด ขึ้นมายาก ต้องเอาให้คุ้ม
แสงยามบ่าย ทำให้ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสวยงามนัก
เดินมาได้สักระยะ สังเกตเห็นว่า นางพญาเสือโคร่งต้นนี้ ดอกยังโตเต็มที่ สียังเป็นสีชมพูจาง ๆ อยู่ แต่ก็สวยไปอีกแบบ
ตรงนี้เขาทำเป็น “เนินพบรัก” ปลูกดอกทานตะวันไว้บริเวณใต้ต้นนางพญาเสือโคร่ง สีเหลืองไปกับสีชมพูได้ดี
ที่สำคัญ ดอกนางพญาเสือโคร่ง ตรงจุดนี้ บานเต็มที่แล้ว
ถึงตรงนี้ ก็จะมีจุดเลี้ยวซ้าย กับ จุดตรงไป ซึ่งจะมีนางพญาเสือโคร่งเป็นแนวยาวอยู่ แต่ถ้าจะวกกลับต้องเลี้ยวซ้าย ถ้าตรงไป ต้องเดินกลับทางเดิมอย่างเดียว
มีศาลาให้นั่งพัก มีห้องน้ำใกล้ ๆ ให้นักท่องเที่ยวทำธุระได้
เมื่อนั่งในศาลา มองย้อนกลับไปตรงสามแยก ก็จะเห็นภาพนี้
ดอกไม้ละลานตาไปหมด
ข้าง ๆ ศาลา มีบ่อพักน้ำ สำหรับห้องน้ำ และแปลงเกษตรใกล้ ๆ แต่ภาพที่ออกมา คือ น้ำนิ่งจากสะท้อนสีของฟ้าให้เห็น สวยมาก
มาจากจุดเลี้ยวซ้าย มองย้อนกลับจะเห็นนางพญาเสือโคร่งต้นชมพูจาง ๆ ทำการผสมสีกับต้นสีชมพูที่เบ่งบานเต็มที่อยู่
เขาทำตัวอักษร “หนาวนี้ที่ขุนวาง” เอาไว้ตรงหลังศาลา ฉากงาม คือ เขา
แล้วแสงเริ่มทำมุมลดลง พระอาทิตย์เริ่มคล้อย นาฬิกาในมือถือบอกว่า ๑๖.๐๐ น. แล้ว ต้องเดินกลับแล้วล่ะ อย่าลืมว่า ผมอยู่อีกฟากหนึ่งของดอยอินทนนท์ อยู่บนพื้นที่สูงจากระดับทะเล และต้องขี่รถกลับไปบ้าน อีก ๘๐ กิโลเมตร ฤดูหนาวแบบนี้ มืดไว้ใช้ได้ทีเดียว
ลงมาจากขุนวาง ถึงพื้นราบ ราว ๆ หกโมงเย็น ๆ กว่า ผ่าน “กิ่วแลป่าเป้า” ก็ได้เห็นแสงสุดท้ายที่สุดท้ายจริง ๆ ณ ทุ่งนา
… ภารกิจสำเร็จ …
เก็บภาพได้เป็นร้อยภาพ
สัมผัสอากาศที่เย็นสบาย
มองผ่านหมู่บ้านในนิทาน
นางพญาเสือโคร่งยังบานไม่หมด
และ
ได้กลับมาอยู่ตัวเองอีกครั้ง
นั่นสำคัญกว่าอย่างอื่น
โลกมันวุ่นวาย เพราะใจของเราวุ่นไปกับมันเอง
บางทีการเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม ก็เหมือนเยียวยาความรู้สึกนั้น
ขอบคุณตัวเองที่สามารถเลือกเส้นทางเดินชีวิตของตัวเองได้
ขอบคุณพ่อแม่ที่ดูแลมาอย่างดีเสมอ
บุญรักษา ทุกท่าน ;)…
..
..
ป.ล. ไป-กลับ ราว ๑๖๐ กิโลเมตร ใช้เงินไป ๒๕๐ บาท
..
ขอบคุณครับ พี่แก้ว ;)…
ภาพสุดท้ายสวยมากค่ะ สวยทุกภาพค่ะ
ขอบคุณมากครับ ท่านอาจารย์ GD ;)…
โลกยังสวยงามเสมอ ครับ ;)…
ชอบครับ…เนินพบรัก….
ผมยังไม่พบครับ ท่าน ผอ. 555