สรุป รีวิว The Ruins: แดนร้างกระชากวิญญาณ (2008)

สรุป รีวิว The Ruins:  แดนร้างกระชากวิญญาณ (2008) ทริปพักร้อนท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของแม๊กซิโกกลับกลายเป็นนรกของหนุ่มสาวชาวอเมริกัน 4 คน เมื่อได้พบกับชายลึกลับที่ชวนไปเดินป่าค้นหาซากอารยธรรมมายาโบราณที่มีความอันตรายซ้อนเร้น

ดูคลิปรีวิวที่นี่ 

#เรื่องย่อ
แดนร้างกระชากวิญญาณ เล่าเรื่องราวของคู่รักชาวอเมริกัน 2 คู่ เดินทางไปท่องเที่ยวเม็กซิโก ในขณะที่กำลังนอนเล่นอยู่ตรงสระน้ำ ก็ได้พบกับชายคนหนึ่ง ที่อ้างว่ามากับพี่สาวที่เป็นนักโบราณคดีมาศึกษาปิรามิดโบราณของอารยธรรมมายาที่ถูกซ่อนเอาไว้ในป่าลึกและยังไม่มีใครได้ศึกษา และแน่นอนว่าเขาก็จะชวนคู่รัก 2 คู่นี้ให้ไปเที่ยวยังพีระมิดแห่งนั้น ซึ่งทุกคนก็ตอบตกลง สรุปทริปเดินทางไปยังซากเมืองโบราณนั้นมีทั้งหมด 6 คน

เมื่อ 6 คนเดินทางไปถึงพีระมิดอันลึกลับ ก็ได้พบกับชาวพื้นเมืองได้ออกมาห้ามไม่ให้ขึ้นไปด้านบน แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง 1 ใน 6 นั้น เผอิญไปเหยียบ พืชชนิดนึ่งที่มีลักษณะเป็นเถาเลื้อยมีดอกสีแดง แล้วยังไม่ทันจะพูดพร่ำทำเพลงอะไร ชาวพื้นเมืองก็เป่าหัวเขากระจุยทันที และนั่นก็ทำให้ทั้ง 5 คนที่เหลือต้องวิ่งหนีขึ้นไปบนพีระมิด

ทั้ง 5 คนจะต้องเผชิญกับพืชปริศนา ที่คอยจะทำร้ายทุกคน เข้าไปอยู่ในร่างกาย เกาะกินร่าง และทำให้ใครหลายคนหลอนประสาท ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถหนีลงมาด้านล่างได้เพราะชาวพื้นเมืองไม่ยอมให้ใครก็ตามที่แตะต้องพืชนั้นออกไปจากพื้นที่ เด็ดขาด

นักท่องเที่ยว 5 คนจะต้องเผชิญกับการอดอาหาร การต่อสู้กับ การได้รับบาดเจ็บจากพืชที่โจมตี หรือการลงไปในพีระมิดที่ต้องไปหาโทรศัพท์เพื่อใช้ขอความช่วยเหลือ ตั้ง 5 คนจะสามารถรอดจากภัยแอนเลวร้ายนี้ได้หรือไม่ ก็ต้องขอให้ไปติดตามรับชมได้ต่อทาง Netflix

#บทวิจารณ์ภาพยนตร์
The Ruins:  แดนร้างกระชากวิญญาณ ก็เป็นหนังแนวระทึกขวัญสยองขวัญที่ นำตัวเองเข้าไปอยู่ในพื้นที่อันตราย และติดอยู่ในที่นั้นไปไหนไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่า ภัยร้ายที่เกิดขึ้นนั้นล้วนแต่มาจากความอยากรู้อยากเห็น และความคึกคะนองของตัวเองแทบทั้งสิ้น ในหนังก็จะมีตัวละครที่ถามตัวเองเสมอว่าจะไปทำไม นั่นแหละประเด็นของหนัง

พวกเขาก็ต้องเผชิญภัยและอุปสรรค์มากมายไม่ว่าจะเป็นพืชกินคนที่มันสร้างความอันตรายให้กับผู้คนในชุมชน มันมีชีวิตจิตใจ มันสามารถเลียนเสียงของอะไรก็ได้เพื่อล่อลวงเหยื่อของมันมาแล้วก็กิน มันอันตรายถึงขนาดที่ว่าไม่มีนกหรือแมลงบินมาที่เมืองแห่งนี้เลย แล้วก็ไม่มีใครไปสามารถจัดการกับมันได้ด้วย ต้องเผชิญกับอุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้นจากความประมาทเลินเล่อ ต้องรักษาแผลทั้งที่ไม่มียา ตั้องตัดขาเพื่อนป้องกันไม่ให้เน้าไปทั้งร่าง ด้วยรักษาตามความรู้ของนักศึกษาแพทย์เท่านั้น ต้องหาทางป้องกันไม่ให้พืชปีศาจผ่านเข้ามาร่างกายผ่านแผล จนต้องกรีดร่างแล้วดึงเอาพืชนั้นออกมา ต้องรักษาระดับจิตใจของกันและกันที่มันเตลิดเปิดเปิง ต้องป้องกันตนจากชาวพื้นเมืองที่ไม่ให้ลงมาจากพิรามิดด้วย ความระทึกขวัญของหนังก็อยู่ที่การจัดการต่งนั้นแหละที่มันมีเข้ามาเรื่อย ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ก็เรียกได้ว่ามีอุปสรรค์มากมายเหลือเกิน มันไม่ได้ดูใหญ่โต แต่เรากลับรู้สึกอันตราย

หนังพอมีสัญลักษณ์อยู่บ้างเช่น พืชปีศาจรูปร่างคล้ายใบกัญชา หนังอาจนำเสนอในเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับยาเสพติดประเภทนี้ก็เป็นได้ เพราะมันมีมิติของความหลอนประสาทด้วย และความดำมืดภายในพิรามิดมายาหมายความความไม่รู้ การไม่ได้ศึกษาในสถานที่ที่จะไป และไม่ได้เรียนรู้อันตรายที่จะเกิดขึ้นมาก่อน ก็เป็นได้ ส่วนการสื่อสารก็สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารกับคนในพื้นที่ หรือเครื่องมือสื่อสาร ขนาดพืชโบราณมันยังสามารถหาทางสื่อสารกับเหยื่อยโดยการเลียนเสียงเหยื่อเลย

ก็เอาเป็นว่า The Ruins: แดนร้างกระชากวิญญาณ ก็มีความบันเทิงไม่น้อง พอให้ลุ้นตามได้ สาว ๆ ในเรื่องก็แจ่มไม่น้อย ไอ้เรื่องความน่ารำคาญใจในพฤติกรรมของตัวละครก็มีตามธรรมเนียมของหนัง ส่วนความไม่สมเหตุสมผมนั้นก็มีไม่น้อย เช่นพืชทำไมมันไม่เลื้อยไปบนพิรามิดและเล่นงานคนซะเลย ทั้ง ๆ ที่มันทำได้ ไอ้คนพื้นเมืองมันก็ไม่มีตรรกะ มันไม่สนใจยิงทุกคนที่แตะต้องพืชแม้กระทั้งลูกหลานของพวกมันเอง และหนังพอจะจบก็ง่ายจนอะไรวะเนียทนอยู่ทำไมตั้งนาน จบแบบขับรถหนีออกไปง่าย ๆ เลน แล้วทำไมคนอเมริกันถึงไปกับคนแปลกหน้าหน้าง่ายจัง เป็นทำนองนี้หลายเรื่อง สิ่งเหล่านี้สร้างความสงสัยกับเราตลอดทั้งเลย หากใครอยากสัมผัสหนังสนองขวัญระทึกขวัญที่ดูง่าย ๆ เอาตัวรอดจากภัยร้าย ใช้ฉากไม่มาก ติดอยู่ในที่เดียวไปไหนไม่ได้ The Ruins:  แดนร้างกระชากวิญญาณ ก็พอจะรับชมได้ครับ

5.5/10
@วาทินศานติ์สันติ

#SuperReviewChannel
#TheRuins2008
#แดนร้างกระชากวิญญาณ2008