หนังสือ The 60-Year Curriculum : New Models for Lifelong Learning in the Digital Economy (2020) Edited by Christopher J. Dede & John Richards บอกว่าหลักสูตรการศึกษาต้องยืดหยุ่น และสนองการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้คนที่มีความแตกต่างหลากหลาย
ผมใช้ Gen AI สามสำนักช่วยอ่านและสรุปประเด็นสำคัญให้ พบว่าทำได้ดีทั้ง เจมีไน, โคไพล็อต และ ASK AI (Chat GPT) ที่สรุปดีที่สุดคือ ASK AI รวมความแล้วสาระสำคัญคือ
ระหว่างเดินทางไปโกเบ วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗ บนการบินไทย TG 672 ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ ที่ดาวน์โหลดตัวอย่างฟรีมาใน Kindle ได้แนวความคิดว่า ในโลกยุคปั่นป่วนผันผวนจาก ๓ ปัจจัยคือ (๑) โลกาภิวัตน์ (๒) วิกฤติสิ่งแวดล้อม และ (๓) เอไอ คนเราต้องใช้ทั้งสามวิกฤติเป็นตัวป้อนให้เรียนรู้จากประสบการณ์ โดยต้องฝึกสร้างปัญญาใส่ตัวจากประสบการณ์ โดยฝึกสะท้อนคิดข้อสังเกตจากประสบการณ์สู่หลักการหรือทฤษฎี แล้วนำไปทดลองใช้ต่อเนื่อง ตามหลักการ Kolb’s Experiential Learning Cycle ที่อธิบายไว้ในหนังสือชุด “เรียนรู้ ‘ขั้นสูง’ จากประสบการณ์” ซึ่งหนังสือ The 60-Year Curriculum ก็เน้น “learning through reflection”
โปรดสังเกตว่า คนรุ่นผม คิดทำงานสร้างตัว ๓๐ ปี ในสถานทำงานที่เดียวหรือเพียงสองที่ เพื่อชีวิตวัยเกษียณที่มั่นคงหลังอายุ ๖๐ ปี แต่คนรุ่นมิลเลนเนี่ยม ต้องทำงาน ๖๐ ปี ผ่านงานหลายที่หลายบทบาท จึงจะได้ความมั่นคงในวัยเกษียณหลังอายุ ๘๐ ปี โดยต้องดำรงชีวิตไปจนถึงอายุ ๙๐ - ๑๐๐ ปี คิดๆ ดูก็น่าเห็นใจนะครับ
เพื่อผชิญความท้าทายนี้ หนังสือบอกว่า คนเราต้องฝึกทักษะเรียนรู้จาก ๓ แหล่งคือ (๑) จากหลักสูตรที่เป็นทางการ (๒) จากที่ทำงาน และ (๓) จากชีวิตประจำวัน ผมคิดต่อว่า ต้องเรียนรู้ในสัดส่วน 10 : 40 : 50 โดยใช้ทักษะเรียนรู้จากประสบการณ์ดังระบุข้างต้น
อ่านหนังสือใน Kindle ไปเรื่อยๆ ผมก็ได้ไอเดียว่า คนเราต้องเตฆรียมเรียนรู้เพื่อชีวิต ๓ ช่วง คือ (๑) เตรียมเข้าสู่งาน (๒) ระหว่างทำงาน (๓) ในวัยเกษียณ สถาบันการศึกษา โดยเฉพาะอุดมศึกษา ต้องพัฒนาชาลาปฏิบัติการของตน เพื่อเข้าไปรับใช้สังคม หรือรับใช้พลเมือง ๓ วัยนี้ ไม่ใช่มุ่งทำหน้าที่เพียงข้อ (๑) อย่างในอดีตจนถึงปัจจุบัน
เขาอ้างถึง OECD (2018) ที่กำหนดเป้าหมายการศึกษา ว่าเพื่อส่งเสริมให้เกิด Personal Well-being ที่เลยไปจากรายได้, ความมั่งคั่ง, การมีงานทำและมีรายได้ ไปสู่การมีโอกาสเข้าถึงการมีสุขภาพดีอย่างเท่าเทียมกัน การมีโอกาสมีส่วนร่วมในกิจการสาธารณะ (civic engagement), การได้มีกิจกรรมทางสังคม, การเรียนรู้, ความมั่นคง, ความพึงพอใจในชีวิต และการได้มีส่วนร่วมสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี
เขาย้ำแนวทางของ โออีซีดี ว่าการศึกษาต้องหนุนให้พลเมืองบรรลุความเป็นพลเมืองผู้ก่อการ (ดี) (agentic citizen) ที่ไม่ใช่แค่มี S & K ที่เข้มแข็งเท่านั้น ยังต้องพัฒนา V&A เพื่อความเป็นผู้มีศีลธรรมจริยธรรมค่านิยมด้านดี และมีเจตคติเชิงบวก เอาไว้ทำหน้าที่พลเมืองผู้ก่อการด้วย
นี่คือเป้าหมาย ที่การศึกษาไทยส่วนที่เป็นทางการ ยังไม่ได้เอ่ยถึง โดยที่ โออีซีดี ประกาศมา ๖ ปีแล้ว
วิจารณ์ พานิช
๒๖ มี.ค. ๖๗
บนเครื่องบินการบินไทย TG 672 ไปโอซาก้า
ไม่มีความเห็น