มิตตามิตตชาดก


อาการของผู้เป็นมิตรและมิใช่มิตร

มิตตามิตตชาดก

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๙ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑

๗. มิตตามิตตชาดก (จากพระไตรปิฎก ลำดับเรื่องที่ ๑๙๗)

ว่าด้วยอาการของผู้เป็นมิตรและมิใช่มิตร

             (ฤๅษีโพธิสัตว์บอกเหตุแก่ดาบสทั้งหลายว่า)

             [๙๓] บุคคลเห็นคนผู้เป็นศัตรูกันแล้วย่อมไม่ยิ้มแย้ม ไม่ชื่นชมศัตรูนั้น เมื่อสบตากันก็เบือนหน้าไปทางอื่น และประพฤติตรงกันข้าม

             [๙๔] อาการทั้งหลายปรากฏที่ศัตรู บัณฑิตเห็นแล้ว ฟังแล้วซึ่งอาการเหล่านั้น พึงรู้ได้ว่า ผู้นี้เป็นศัตรูของเรา

มิตตามิตตชาดกที่ ๗ จบ

----------------------

คำอธิบายเพิ่มเติมนำมาจากบางส่วนของอรรถกถา 

มิตตามิตตชาดก

ว่าด้วย อาการของผู้เป็นมิตรและมิใช่มิตร

               พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ กรุงสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
               ภิกษุรูปหนึ่งถือเอาเศษผ้าผืนหนึ่งด้วยความวิสาสะที่พระอุปัชฌายะวางไว้ด้วยคิดว่า เมื่อเราถือเอาแล้ว พระอุปัชฌายะของเราจะไม่โกรธ แล้วทำเป็นถุงใส่รองเท้า ภายหลังจึงบอกพระอุปัชฌายะ. ครั้นพระอุปัชฌายะถามภิกษุนั้นว่า เพราะเหตุใด ท่านจึงถือเอา. เมื่อภิกษุนั้นตอบว่า ถือเอาโดยวิสาสะของพระคุณท่าน ด้วยคิดว่า เมื่อเราถือเอาแล้ว พระอุปัชฌายะจักไม่โกรธขอรับ. พระอุปัชฌายะจึงกล่าวว่า ชื่อว่าวิสาสะของคุณกับของผมเป็นอย่างไร แล้วโกรธลุกขึ้นตบ.
               การกระทำของพระอุปัชฌายะนั้นได้ปรากฏในพวกภิกษุ.
               อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันในโรงธรรมว่า อาวุโสทั้งหลาย ได้ยินมาว่า ภิกษุหนุ่มรูปโน้นได้ถือเอาเศษผ้าของพระอุปัชฌายะโดยวิสาสะ แล้วทำเป็นถุงใส่รองเท้า ครั้นพระอุปัชฌายะถามว่า ชื่อว่าวิสาสะของคุณกับของผมเป็นอย่างไร แล้วโกรธลุกขึ้นตบ. พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นไม่มีวิสาสะกับสัทธิวิหาริกของตน มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนก็ไม่มีวิสาสะเหมือนกัน แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า.
               ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ แคว้นกาสี ครั้นเจริญวัยออกบวชเป็นฤๅษี ยังอภิญญาและสมาบัติไห้เกิด เป็นครูประจำคณะอาศัยอยู่ ณ หิมวันตประเทศ. ในหมู่ฤๅษีนั้น มีดาบสรูปหนึ่งไม่เชื่อคำพระโพธิสัตว์ เลี้ยงลูกช้างกำพร้าไว้เชือกหนึ่ง. ครั้นลูกช้างเติบใหญ่ขึ้นได้ฆ่าดาบสนั้นเสีย แล้วหนีเข้าป่าไป. หมู่ฤๅษี ครั้นทำการฌาปนกิจศพดาบสนั้นเสร็จแล้ว จึงเข้าไปล้อมถามพระโพธิสัตว์ว่า พระคุณเจ้าขอรับ ความเป็นมิตรหรือความเป็นศัตรู จะสามารถรู้ได้ด้วยเหตุอะไร.
               พระโพธิสัตว์ เมื่อจะบอกว่าด้วยเหตุนี้ๆ จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า :-
               ศัตรูเห็นเข้าแล้ว ไม่ยิ้มแย้ม ไม่แสดงความยินดีตอบ สบตากันแล้วเบือนหน้าหนีไม่แลดู ประพฤติตรงกันข้ามเสมอ.
               อาการเหล่านี้มีปรากฏอยู่ในศัตรู เป็นเครื่องให้บัณฑิตเห็นและได้ฟังแล้ว พึงรู้ได้ว่าศัตรู.
               พระโพธิสัตว์ ครั้นบอกเหตุแห่งความเป็นมิตร และเป็นศัตรูกันอย่างนี้แล้ว จึงเจริญพรหมวิหาร เข้าถึงพรหมโลก.
               พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
               ดาบสผู้เลี้ยงช้างในครั้งนั้น ได้เป็น สัทธิวิหาริก ในครั้งนี้
               ช้างได้เป็น พระอุปัชฌายะ
               หมู่บริษัทได้เป็น พุทธบริษัท
               ส่วนครูประจำคณะ คือ เราตถาคต.

------------------------

 

หมายเลขบันทึก: 717959เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2024 04:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 เมษายน 2024 04:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท