เคยเห็นค่ะ ภาพนี้ออกจะโด่งดังมากทีเดียว
แตหนูดูแล้วเหมือนดูภาพถ่ายดาวเทียมเวลาดูข่าวการพยากรณ์อากาศ ท่าทางหนูคงไม่มีแววทางศิลปะเลยค่ะ
ดูแล้วรูปนี้ รู้สึกว่าทำไมอะไรดูวุ่นวายไปหมด ทำไมถึงต้องวางรูปของต้นไม้ใหญ่ (ใช่หรือเปล่าคะ หรือว่าเปลวไฟ) ไว้ทางซ้ายด้วย
กันยามาส
ขอปรบมือให้ทั้งสองท่านครับ
โอโฮ้! คราวนี้คุณพัชราก้าวหน้ามากครับ
ร้อยกรองที่เป็นดั่งร้อยแก้วนี้
ดุจอัญมณีที่บรรจงแทรกด้วยอักษร
ถึงแม้จะไม่ได้ว่าเป็นกลอน
อ่านแล้วถอนอัตตาวางตัวตน
กาลเวลาย่อมกลืนกินสรรพสัตว์
ด้วยกรรมซัดทุกชีวิตหาหนีได้
ต่อเมื่อแจ้งในคุณพระรัตนตรัย
จึงเตือนใจของตนให้พ้นทาง
ผมชอบใจมากครับในมุมมองธรรมะนี้
สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า
ภาพบางภาพมีความสวยแบบไม่สวยนะครับ คือไม่ใช่ความสวยแบบที่เราคิดว่าจะต้องอย่างนี้จึงสวยเป็นต้น อาจเรียกได้ว่า สวยแบบเฉพาะตน
แต่อาจารย์เก่งนะครับที่บอกว่า ดูแล้วสับสน ชีวิตเขาดูสับสน จริงๆเป็นอย่างนั้นครับ
เลยเอาเพลง Vincent Starry Starry night ของ Don Mclean มาลงประกอบภาพให้ครึมๆเล่น ดูความหมายแล้วอาจนึกอะไรดีๆได้
VINCENT (STARRY, STARRY NIGHT) LYRICSStarry, starry night.
Paint your palette blue and grey,
Look out on a summer's day,
With eyes that know the darkness in my soul.
Shadows on the hills,
Sketch the trees and the daffodils,
Catch the breeze and the winter chills,
In colors on the snowy linen land.
Now I understand what you tried to say to me,
How you suffered for your sanity,
How you tried to set them free.
They would not listen, they did not know how.
Perhaps they'll listen now.
Starry, starry night.
Flaming flowers that brightly blaze,
Swirling clouds in violet haze,
Reflect in Vincent's eyes of china blue.
Colors changing hue, morning field of amber grain,
Weathered faces lined in pain,
Are soothed beneath the artist's loving hand.
Now I understand what you tried to say to me,
How you suffered for your sanity,
How you tried to set them free.
They would not listen, they did not know how.
Perhaps they'll listen now.
For they could not love you,
But still your love was true.
And when no hope was left in sight
On that starry, starry night,
You took your life, as lovers often do.
But I could have told you, Vincent,
This world was never meant for one
As beautiful as you.
Starry, starry night.
Portraits hung in empty halls,
Frameless head on nameless walls,
With eyes that watch the world and can't forget.
Like the strangers that you've met,
The ragged men in the ragged clothes,
The silver thorn of bloody rose,
Lie crushed and broken on the virgin snow.
Now I think I know what you tried to say to me,
How you suffered for your sanity,
How you tried to set them free
They would not listen, they're not listening still.
Perhaps they never will...
อาจารย์คะ
ภาพนี้ เห็นครั้งแรก ว่า เน้นส่วนประกอบส่วนบนที่เป็นรูปวาดของเมฆและดาวต่างๆ ค่ะ ขณะที่รูปโบสถ์และบ้านหลังเล็กอยู่ในหุบเขา สีค่อนข้างทึมทึบไม่ร่าเริง
ดูไปสักพักในความรู้สึก เห็นสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่และน่าพิศมัย มีเดือนเพ็ญที่สุกกระจ่างกับหมู่ดาวเรียงราย มีเมฆเริงระบำจนเกิดเป็นเสียงเพลงอันไพเราะ หวานๆ ใสๆ เย็นสบาย กล่อมเมืองที่หลับไหลในความมืดเบื้องล่าง และรู้สึกเหมือนกับเป็นคนที่ตื่นขึ้นมาอย่างเงียบๆ และเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสงบจนได้รับรู้ถึงสิ่งวิเศษที่กำลังดำเนินไปค่ะ
อาจารย์คะ น่าแปลกนะคะ ย้อนกลับไปดูภาพแต่ละครั้งจะพบว่าภาพสว่างเรืองรองเพิ่มขึ้นอย่างกับว่าพระจันทร์เปล่งแสงมากขึ้น...ไม่ได้ตาฝาดนะคะ...ทำไมเป็นอย่างนั้นคะ เป็นเทคนิคของศิลปินหรือเปล่าคะ
หนูเห็นภาพนี้แล้วรู้สึกกลัวค่ะ
เหมือนกับจะสะท้อนความกลัวในใจมนุษย์ออกมา
และดูแล้วเหมือนไฟประลัยกัลป์ จะล้างโลกไงมะรู้ค่ะ
เหมือนไฟกิเลสในใจของคนเราที่พร้อมจะเผาผาญทุกสิ่งให้หมดสิ้นไปเพียงเพราะกิเลสของมนุษย์เท่านั้น
ปล. พอดีไฟล์ MP3 ที่ดาวน์โหลดมามันใหญ่ เลยแปลงเป็น wma ให้ และลดขนาดไฟล์ให้เล็กลง เพื่อไม่ให้เปลืองพื้นที่ ดังนั้นคุณภาพเสียงอาจจะลดลงไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะคะ ^__^
อาจารย์คะ ขอเพิ่มขยายความอีกหน่อยค่ะ ที่ว่ารู้สึกเหมือนกับเป็นคนที่ตื่นขึ้นมาอย่างเงียบๆ นั้นคือเหมือนกับเป็นตัวเองเป็นคนที่ตื่นขึ้นมาคนเดียวเงียบๆและจับตามองสวรรค์ขับกล่อมโลกที่หลับไหลนั้นตรงตำแหน่งข้างต้นสนนั้นเองอย่างกับว่าเป็นคนวาดค่ะ แปลกใจจังที่รู้สึกอย่างนั้นน่ะค่ะ..
คุณจันทร์รัตน์ครับ
ผมว่าอีกหน่อยคงเริ่มวาดรูปได้แล้วครับ
คงเป็นเพราะคุณใช้ความรู้สึกดูภาพ ไม่ใช่ใช้ความคิด นี่เป็นสิ่งที่ผมพยายามย้ำอยู่เสมอ
รู้สึก และ ดู จากสิ่งที่ เห็น ไม่ใช่สิ่งที่ คิด
สิ่งที่ศิลปินถ่ายทอดมานั้น อาจเหมือนกับสิ่งที่คุณจันทร์รัตน์บรรยาย
ในความรู้สึกทั้งปวงของเขา ในขณะเขียนภาพ เขามองเห็นชีวิตส่วนหนึ่งที่อยู่ในเงามืด สลัว แม้จะอยู่ในร่มเงาศาสนา ก็ยิ่งเห็นชีวิตที่ทนทุกข์ยาก ความผิดหวัง เจ็บปวด ทุกอย่างบิดม้วน งอเหมือนชีวิตที่ปวดร้าว จนกลายเป็นพลัง เขาเขียนต้นไม้ใหญ่เหมือนเปลวไฟลุกขึ้นจนแทบจะขึ้นไปไหม้ฟ้า
ทว่าบนฟากฟ้านั้น สวรรค์เหมือนมีตา ด้วยประกายดาราน้อยใหญ่ หมุนวนเป็นพลังแห่งความดีงาม เปล่งประกายให้แสงแห่งความสุข ให้ความหวังในชีวิตแก่มวลมนุษย์ให้ดำรงอยู่สืบไป
Now I think I know what you tried to say to me,
How you suffered for your sanity,
How you tried to set them free
They would not listen, they're not listening still.
Perhaps they never will...
หนูสุฤตา
ภาพนี้กลัวจริงด้วยครับ แต่น่ากลัวในจิตใจลึกๆของมนุษย์ ที่สิ้นหวังและเปล่าเปลี่ยว
สวัสดีคุณ Bright Lily ครับ
วันหลังจะเล่าเรื่องภาพดอกทานตะวันของเขาให้ฟังครับ ว่าแต่ชอบภาพไหนครับ?
ภาพดอกทานตะวัน 12 ดอก หรือ14 ดอก มีของจริงของปลอมด้วยครับ เรื่องนี้ต้องขยายๆ เอาขนาดบิ้กจัมโบ้เลยครับ
สวัสดีและยินดีต้อนรับคุณ K-jira ครับ
ดูภาพแล้วรู้สึกอึดอัดไปหมด รู้สึกมองหา ความสงบแม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพก็ยังดี เหมิอนชีวิตคนในยุคปัจจุบัน ถ้าเรายังอยู่ในนั้นเราก็จะมองไม่ออก ว่าที่แท้มันวุ่นวายเช่นนี้หนอ ต้องออกมายืนดูจากข้างนอกถึงจะเห็น
ขอบคุณมากค่ะอาจารย์
ถ้าจะวิเคราะห์ภาพ(ไม่ทราบว่าการดูภาพเขาทำกันไหมคะ)..เป็นครั้งแรกของการดูภาพแล้วอยากวิเคราะห์ขออนุญาตบอกสิ่งที่คิดค่ะ ...วิเคราะห์ว่า
ภาพนี้มีหลากอารมณ์ และเป็นความขัดแย้งของอารมณ์เหล่านั้นไม่ใช่การคล้อยตาม
เหมือนกับศิลปินกำลังบอกเล่าว่าเขาได้รู้ความจริงของอำนาจบางอย่าง เป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของความจริงคือความสุขแท้หรือสวรรค์ แต่ การจะขึ้นไปสัมผัสสวรรค์นั้น กลับถูกครอบงำด้วยอำนาจจากโบสถ์ว่า มีเพียงเส้นทางเดียวที่จะทำได้คือผ่านทางยอดแหลมของโบสถ์ เพราะดูจากรูปยอดแหลมของโบสถ์เท่านั้นที่สูงขึ้นไปถึงสวรรค์
เขารู้สึกถึงความหดหู่ไม่มีอำนาจที่จะจัดการที่จะบอกเล่าให้ใครรับรู้ ทั้งความจริงและทั้งเส้นทางสู่ความจริง ขณะเดียวกับเขาก็มีอำนาจ "ท้าทาย" อยู่ภายใน ที่สะท้อนออกมาจากต้นสนที่พยายามเสียดขึ้นสูงแข่งกับโบสถ์ คล้ายๆกับจะบอกเล่าว่า เพียงแต่เราก้าวออกจากสิ่งที่เป็นอยู่ ขึ้นมายังจุดที่เขายืน สวรรค์ก็อยู่ไม่ไกล ฟ้าก็ต่ำเหมือนจะเอื้อมถึง และเส้นทางที่จะทำได้คือการจะต้องมีความท้าทายจากภายในบุคคล
ต้นสนคือสัญลักษณ์ของความท้าทายภายในที่เขาพยายามบอก เพราะเขาเน้นให้เด่นและอยู่เกือบกลางภาพ
ในอีกอารมณ์หนึ่งคือถึงเขาจะหดหู่ เขาเองก็มีความหวัง โดยเขาใช้แสงเรืองรองของพระจันทร์และหมู่ดาวเป็นเหมือนสิ่งที่ปลอบประโลมใจซึ่งความหวังของเขาไม่มีจาง ดูจากพระจันทร์และหมู่ดาวที่สว่างและดวงใหญ่
อารมณ์ของเขามันต่อเนื่องและพลิกผันไปตามปลายภู่กันที่เขาสะท้อนผ่านกลุ่มเมฆ เป็นเหมือนอารมณ์ที่ขัดแย้งของเขา ว่าส่วนหนึ่งมีความกลัวว่า อำนาจของหมู่เมฆจะบดบังหมู่ดาว แต่ขณะเดียวกันในความหวาดกลัวนั้นกลับมีความตื่นเต้นค้นหาท้าทายอยู่
คิดว่าศิลปินถ่ายทอดความหม่นหมองในใจขณะเดียวกันก็มีความหวังมีความตื่นเต้นท้าทาย มีการต่อสู้และมีความจริงซ่อนให้ค้นหาค่ะ..เหมือนเขากำลังบันทึกประวัติศาสตร์เรื่องราวของตัวเองที่มีความขัดแย้งต่ออำนาจทั้งจากภายนอกและภายในตัวเองตลอดเวลาค่ะ
คลื่นเมฆ
ทะเลดาว
หาดความสับสน
สวัสดีค่ะ อาจารย์
ดูภาพครั้งแรก รู้สึกถึงความวุ่นวาย สับสน และทึมเทา
แต่เมื่อจ้องดูภาพนานๆ กลับมองเห็นความสดใส ความมีชีวิตชีวาของท้องฟ้าและหมู่ดาว
เหมือนว่าในความสับสน วุนวาย และหม่นหมองแสงแห่งความหวังก็ยังคงมีอยู่ และต้นไม้ก็เหมือนการกล้าที่จะยืนหยัดท้าทายสู่ความหวังบางทีอาจคล้ายๆการดำรงชีวิต ที่ว่าทุกสิ่งอย่างอยู่ที่เราเลือกมอง เลือกทำ
ว่าเราจะมองไปที่ความหม่นเศร้า หรือจับจ้องที่แสงแห่งความหวัง ความดีงาม
………………………………………………………………………
และเมื่อได้อ่านประวัติของผู้วาดภาพที่อาจารย์นำมาให้อ่าน
ก็น่านับถือในความมุ่งมั่นของเขาที่เชื่อมั่นในแนวทางของตัวเอง
ไม่ว่าจะต้องยาก ลำบากเพียงไร และในความมุ่งมั่นตั้งใจนั้น ก็ไม่ใช่เพื่อตัวเอง
แต่เป็นการก้าวสู่ความสำเร็จเพื่อแบ่งปันให้ผู้อื่นขอบคุณอาจารย์ที่นำมาบอกเล่าให้ฟังเพราะเคยดูแต่ภาพ ไม่เคยอ่านประวัติอย่างจริงจังค่ะอาจารย์จุดธูปเรียกหนูหรือค้า......(ทำเสียงเย็น ๆ ยานคาง ฮิ ๆ)
แปลกจังค่ะ ทำไมหนูถึงรู้สึกว่าอาจารย์จะให้หนูเข้ามาดูในนี้ก็ไม่ทราบ เข้ามาแล้วก็สะดุ้ง เจอจริง ๆ ด้วย
หนูเหาะเข้ามาเอาวิธีแปะเพลงมาฝากอาจารย์เฉย ๆ ค่ะ ตามคำบนบาน เอ๊ย คำวานของอาจารย์ เดี๋ยวก็ต้องกระโดดด้วยวิชาตัวเบาแบบซามูไรออกไปอีกแล้ว
อาจารย์ลองคลิก แก้ไข บันทึกหน้านี้นะคะ แล้วก็ไปที่ปุ่ม html แล้วก็กะให้เหมาะเหม็งว่า จะเอาคอนโซล Media Player อยู่ตรงประมาณไหน แล้วก็แปะคำสั่งนี้ลงไปเลย
<embed name="movie1" src=http://ตำแหน่งที่เก็บเพลงStarry Starry Night width="180" height="64" bgcolor="ffffff" autoplay="true" cache="true" enablejavascript="true" controller="true">
แต่ถ้าอาจารย์จะให้คนเขาเลือกเปิดเพลงเอง โดยคลิกเอง แทนที่จะให้เพลงโหลดอัตโนมัติ อาจารย์ก็ต้องเปลี่ยน autoplay เป็น false นั่นเอง ค่ะ
ทั้งนี้ หนูยังไม่เคยลองทำแบบแปะลงไปในบันทึกเฉพาะเรื่องน่ะนะคะ ต้องออกตัวไว้ก่อน เคยแต่แปะไว้ในด้านข้างบล๊อก คือตรง "เกี่ยวกับบล๊อก"
ซึ่งตรงนั้น ต้องเข้าไปใน "แก้ไขบล๊อก" แล้วเอาคำสั่งเดียวกันนี้ไปแปะในช่องหน้าต่างที่เขาให้เขียนคำบรรยายเกี่ยวกับบล๊อกน่ะค่ะ
แต่ข้อเสียก็คือ เพลงนี้จะเล่นอัติโนมัติทุกครั้ง ในทุกบันทึกของบล๊อก "เรื่องเล่าอาจารย์" ไงคะ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องภาพของแวนโก๊ะนี้
จนกว่าอาจารย์จะไปเอาคำสั่งออกน่ะค่ะ
ถ้าไม่ mind ถือเสียว่าเป็น promotion เพลงประจำรายการ "เรื่องเล่าอาจารย์" ประจำอาทิตย์นี้ ก็work แน่นอนค่ะ วิธีนั้น ฮิ ๆ เพราะหนูเคยแปะเพลงแผ่เมตตามาแล้ว ให้คนได้รับบุญกุศลไปทั่วกันถ้าใครหลุดเข้าไปในบล๊อกหนู
แต่ที่เอาออกไปเพราะคนบ่นว่าแฮ้งค์ค่ะ คุณเอ๋นี่แหละ ไม่ใช่ใครอื่น ฮิ ๆ
ทางแก้ก็มี คือทำให้ autoplay เป็น false ไปเสีย ให้คนเลือกคลิกได้ตามอัธยาศัย
แต่ก็จะเสีย dramatic impact upon entrance ไป ตามจุดประสงค์ของผู้สร้างบันทึก
ก็แล้วแต่จะเลือกใช้ก็แล้วกันค่ะอาจารย์
ว่าแล้วซามูไรก็โค้งคำนับแล้วถอยหลังออกนอกประตูบานเลื่อนกลับออกไป....โครม (แหะ ๆ ซามูไรซุ่มซ่ามค่ะ)
สวัสดีค่ะอาจารย์,
ณัชร
ป.ล. อาจารย์จะเข้าไปสอนที่ศูนย์หรือเปล่าคะ? หนูขึ้นไปปฏิบัติด้วยค่ะรอบหน้า ดีใจจริงหนอ จะไปเป็นโยคีอีกแล้ว (รอบที่ ๓๕ ค่ะ ชิงตอบก่อน เผื่ออาจารย์ถามอีก)
ป.ล. เพลง "ดาวประดับใจ" นั้น เป็นชื่อเพลง "ซูบารุ" เวอร์ชั่นภาษาไทยไม่ใช่หรือคะอาจารย์ แหะๆ หนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่แน่ ๆ ภาษาไทยของคุณดอน สอนระเบียบ ที่หนูเคยได้ยินตอนเด็ก ๆ นั้น เนื้อหาไปคนละเรื่องกับ ซูบารุ ภาษาญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ
ว่าแล้วคันไม้คันมือ อยากเอาซูบารุมาแปะร่วมโปรโมชั่นกับอาจารย์รู้แล้วรู้รอด
หดหู่คับ หดหู่...แต่ปนสวยและสง่าอย่างไรไม่รู้
ไปกินขนมดีก่า
พยายามใช้ตัวรู้ดูภาพนี้แบบที่อาจารย์บอกค่ะ
.............................................
.....................................................
สนุกจังเลยค่ะ อาจารย์ ดูรูปนี้ตอนแรกดูไม่ค่อยรู้เรื่องเลย แต่ดูไปนานๆรูปนี้สวยมากขึ้นเรื่อยๆ
สวัสดีครับ คุณลูกศิษย์ และคุณดาวตก ผีเสื้อ กระบี่
ยินดีต้อนรับทั้งสองท่านครับ จะเป็นเรียนศิลปะหรือเรียนกรรมฐานครับ อาจารย์จะได้เรียกค่ายกครูถูก
พอดีหนูณัชรพูดถึงเพลงนี้ จะเข้ากับภาพนี้หรือไม่ เพราะอาจารย์ตั้งชื่อบันทึกนี้มาจากชื่อเพลง "ดาวประดับใจ" ของคุณดอน สอนระเบียบ
เหม่อมองฟ้าคืนนี้
แสงดาวเรียงรายสวยเด่น
แต่ใจฉันคืนนี้ สุดแสนลำเค็ญหม่นหมาง
ค่ำคืนนั้นได้กอดกระซิบ แนบชิดเคียงข้าง
แต่คืนนี้เปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง ระทมอ่อนใจ
สุดเหงา ลมโชยมาหนาวสั่น
ยังคิดถึงคืน ยามแสนชื่นไม่หาย
ยากจะหา รักใดแทนนั้นได้
สุขนั้นลอยไป เลือนลางลับตา
มอง ดวงดาวริบหรี่
ดั่งใจฉันยามนี้อับแสง สิ้นแววส่องมา
ใจ ยังปรารถนา รอเธอมา เป็นดาวหัวใจ
สุดเหงา ลมโชยมาหนาวสั่น
ยังคิดถึงคืน ยามแสนชื่นไม่หาย
ยากจะหา รักใดแทนนั้นได้
สุขนั้นลอยไป เลือนลางลับตา
มอง ดวงดาวริบหรี่
ดั่งใจฉันยามนี้อับแสง สิ้นแววส่องมา
ใจ ยังปรารถนา รอเธอมา เป็นดาวหัวใจ
ใจ ยังปรารถนา รอเธอมา ชุบชีวิตใหม่...
จริงๆอาจารย์ก็ชอบเพลงนี้ เคยร้องกับวงดนตรีของมหาวิทยาลัยมาแล้ว(ยิ้มอายๆ แต่แฝงอวดตัวเล็กน้อย) ใครๆฟังแล้ว ต่างร้องบอกว่า เหมือนต้นฉบับ แต่เป็นดอน สอนกรรมฐาน ครับ
คุณจันทรัตน์ครับ
ข่าวด่วน!
หนูณัชรและหมอนิดครับ
อาจารย์พยายามเอาภาษา html ที่หนูให้มาแล้วผสมกับLink URL ของหมอ ผลปรากฏว่า....บ่ได้ครับ
อาจารย์เลยสงสัยว่าต้องมีอันหนึ่งอันใดผิด ของหมอนิด ของหนูณัชรหรือวิธีของอาจารย์ (ตามประสาผู้ใหญ่ที่ดี คือโทษเด็กไว้ก่อน)
แล้วหนูณัชร ทีหลังห้ามทำเสียงยานคางแกล้งเป็นผีเข้ามาในบันทึกของอาจารย์ เพราะเดี๋ยวจะโดนข้าวเหนียวเสกกับน้ำพริกหนุ่มของอาจารย์ซัดเข้าให้
เอ!? ...ทั้งเด็กดอยและเด็กน้อยมาจากไหนกันนี่
มาถึงก็ออกจากรู ก็เลยงงซิ ความจริงภาพของ Van Gogh ห้ามดูตามทิศทางของรอยฝีแปรงไปทุกรอย เพราะรุนแรงมาก จะเกิดอาการติ้วๆๆๆๆอย่างว่าครับ
แล้วกัน อย่าเพิ่งไปกินขนม มาขยายความเรื่องหดหู่แต่ปนสวยสง่าให้ฟังใหม่ ถ้าเข้าท่า อาจารย์จะให้ขนมเปี๊ยะบ้านอาจารย์นะ นะ นะ
คุณ Bright Lily
ผมจะเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ เพราะไอ้ 12 หรือ14 ดอกทานตะวันนี่แหละ มีมีมูลค่าถึงพันกว่าล้านเหรียญทีเดียวครับ
ผมเคยไปภูเก็ต คลื่นแรง อากาศดี ฝนดี แดดดี สีจัดจ้าน สาวมาดเท่เปรี้ยวจัด จึงไม่แปลกที่งานศิลป์แถวนั้นจะสีสรรสดจ้าน
และเชื่อว่าคุณมีแววทางศิลปะแน่นอน ดูจากภาพถ่ายก็รู้ว่าเป็นสาวมั่นมาดเซอร์ครับ
ขอโทษ คุณแรมทาง สายน้ำพระจันทร์ ครับ(คิดชื่อเก๋ๆนี้ได้อย่างไรนี่)
ที่บังอาจข้ามคอมเม้นส์คุณไป บางทีก็เป็นอย่างนี้แหละครับ เหมือนครูตรวจการบ้าน ไม่ได้หยิบตามรายชื่อ แต่เห็นอะไรสะดุดตาสะดุดใจ อาจว่าไปก่อนครับ
คลื่นเมฆ
ทะเลดาว
หาดความสับสน
สรุปเป็นป้ายคำของภาพนี้ได้เลย
สวัสดี รอบสอง คุณพัชราครับ
จับแก่นภาพได้ดีครับ ลองพรรณาเป็นธรรมของชีวิตคนได้นะครับ
คุณหมอนิด
สวัสดีค่ะ อาจารย์,
ดึก ๆ อย่างนี้ ปกติจะหิว กำลังคิดว่าจะแกล้งอาจารย์อีกดีไหม เผื่อจะได้ข้าวเหนียวเสกกับน้ำพริกหนุ่มรองท้อง ฮิ ๆ
จะแวะมาบอกเฉย ๆ น่ะค่ะว่า การแปะเพลงด้วยคำสั่ง embed นั้น มันมักจะใช้ไม่ได้กับไฟล์ที่ลงท้ายด้วย ram เพราะนั่นต้องเล่นด้วยโปรแกรม Real Player น่ะค่ะ อันนั้นที่เคยเจอน่ะนะคะ
อาจารย์ลองทดลองแปะด้วยลิ้งค์เพลงอื่นที่เป็นเอ็มพีสามดูก่อนดีไหมคะ ว่ามันจะใช้ได้ไหม นี่เป็นวิธีลองแก้อันแรก
ตกลงอาจารย์ใช้วิธีใส่ในบัันทึก หรือ ในส่วน "เกี่ยวกับบล๊อก" ล่ะคะ?
เพราะวิธีแรก หนูไม่มั่นใจ แต่วิธีหลัง ไม่น่าจะมีปัญหาค่ะ หนูตรวจสอบคำสั่งที่เอามาแปะให้อาจารย์อีกทีแล้ว ก็ถูกต้องดีน่ะค่ะ
สรุปว่าสงสัยต้องแปะเพลง ซูบารุ ฮิ ๆ แต่แย่จริง หนูมีแต่เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งจะว่าไปแล้ว ความหมายซาบซึ้ง "สอนกรรมฐาน" มากเลยล่ะค่ะ อาจารย์
แค่ประโยคแรกก็ใช่เลย เพราะแปลว่า "เมื่อปิดตาลง ก็มองไม่เห็นอะไร..."
แล้วท้าย ๆ ก็แปลว่า "วันใดหนอ...ที่จะมีใครเดินตามทางสายนี้ (เฉกเช่นฉัน)..."
แหม...เนื้อเพลงเป็นซาูมูไรผู้เสียสละความรักส่วนตัวเพื่อหน้าที่ความรับผิดชอบและอะไรที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางสายนั้นมากเลยล่ะค่ะ
คนไทยแปลเป็นเนื้อเพลงคนรักชวนกันดูดาวไปเสียแล้ว
ว่าแต่ว่า...อยากฟังอาจารย์ร้องน่ะสิคะ ฮิ ๆ
หนูมีหน่วยข่าวกรองรายงานว่าอาจารย์ร้องเพลงโบราณเพราะกว่านำเดินจงกรม
เพราะฉะนั้น หนูว่าอาจารย์ร้องเองแล้วอัพโหลดขึ้นไฟล์อัลบั้มใหม่อาจทำลิ้งค์ไปง่ายกว่านะคะ ฮิ ๆ
รับรองคราวนี้ลิ้งค์เพลงมาได้แน่ ๆ
คราวนี้ภาพแวนโก๊ะจะออกมาเป็นมู้ดไหนล่ะหนอ? (ไม่ขอเดา เดี๋ยวโดนข้าวเหนียวเสกอีก ฮิ ๆ)
สวัสดีค่ะ,
ณัชร
ป. ล. หนูส่งอีเมล์หาอาจารย์ด้วย อาจารย์ได้รับหรือเปล่าคะ เรื่องขอคำแนะนำพิพิธภัณฑ์ที่เชียงใหม่หาข้อมูล...?
สวัสดีหนูณัชร
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ อาจารย์พยายามจะแปะลงที่บันทีกดาวประดับใจนี่แหละ รอไปตัดต่อเพลงให้กระชับหน่อย แล้วค่อยมาลงใหม่
ว่าแต่อาจารย์อยากฟังเนื้อ ซูบารุ เอาเนื้อญี่ปุ่นเขียนภาษาอังกฤษแล้วแปลไทย นะครับ(งงไหม?)
จะมาเทียบกัน แล้วบางทีอาจจะเอาไปร้องทั้งสองเวอร์ชั่น อัดลงบล๊อกแบบหนูว่า ถ้าจะรุ่ง
ปล.ขอแก้ข่าว อาจารย์ไม่ใช่ร้องเพลงโบราณเพราะอย่างเดียวจ๊ะ เพลงสมัยใหม่อย่างเช่น I need somebody love ก็ใช่เล่นนะครับ น้องบี้นะ ลูกศิษย์
ขออนุญาตนำงานแปลเพลงที่เคยทำไว้มาลงนะครับ
แด่ Vincent Willem van Gogh จิตรกรชาวดัชท์ผู้ยิ่งใหญ่ข้ามยุคสมัย
และภาพ Starry Night ที่อาจไม่มีใครสามารถเข้าใจความหมาย
ในใจของผู้เขียนได้ตลอดกาล
-------------------------------------------------------------------
VINCENT ( Starry, Starry Night )
Artist : Don McLean : Year of 1971
คืนดวงดาวพร่างพราวฟ้า... แต่งแต้มจานสีเธอด้วยสีฟ้าสีเทา
เฝ้ามองทิวาวารแห่งคิมหันต์ฤดู
ด้วยดวงตาที่หยั่งรู้ความหม่นมัวในใจฉัน…
เงื้อมเงาทาบทาทิวเขา ขีดเขียนภาพทิวไม้และหมู่ต้นแดฟโฟดีล
สัมผัสสายลมรวยริน และความเยือกเย็นแห่งฤดูกาลเหน็บหนาว
จากมวลสีสันแต่งแต้ม...บนพื้นลินินขาวราวหิมะ...
และแล้วฉันพลันเข้าใจ... สิ่งใดที่เธอเพียรบอกฉัน
ยากเย็นเพียงไหนที่เธอสู้ฝ่าฟัน
และเหนื่อยยากเพียงใด เพื่อปลดปล่อยเหล่าผู้คน
ไม่มีใครรับรู้ ไม่เคยมีใครเข้าใจ…
หรืออาจบางที…ตอนนี้จะมีใครได้ยิน...
คืนดวงดาวพร่างพราวฟ้า... ดั่งดอกไม้เพลิงโชติช่วงสุกใส
หมู่เมฆหมุนคว้างกลางเงาหมอกม่วงหม่น...
สะท้อนในดวงตาสีครามของวินเซนต์
สีสันแปรเปลี่ยนความเข้มจาง ท้องทุ่งยามอรุณทอแสงดั่งอำพัน
ใบหน้าอันทุกข์ทน กร้านกรำทรมาน...
พลันได้รับการบรรเทา...ใต้มือเปี่ยมรักแห่งศิลปิน
บัดนี้ฉันจึงเข้าใจ... สิ่งใดที่เธอพร่ำบอกฉัน
และยากเย็นเพียงไหนที่เธอสู้ฝ่าฟัน
เหนื่อยยากเพียงใด เพื่อปลดปล่อยผู้คน
พวกเขาไม่เคยรับรู้… ไม่มีแม้ใครเข้าใจ..
หรืออาจบางที...ตอนนี้จะมีใครรับฟัง...
แม้พวกเขาไม่อาจรักเธอ... แต่รักเธอยังคงเที่ยงแท้เพียงนั้น
และเมื่อยามสิ้นไร้ความหวัง... โอ้ คืนแห่งดาราพร่าพราย...
เธอได้พลีใจกาย เช่นเหล่าผู้มีรักเคยกระทำ...
แต่วินเซนต์เอ๋ย... ฉันอาจบอกเธอได้เพียงว่า…
โลกนี้ไม่เคยคู่ควร... กับผู้งดงามเช่นเธอ...
คืนดวงดาวพร่างพราวฟ้า...
ภาพเหมือนแขวนไว้ในห้องโถงเวิ้งว้างว่างเปล่า
ใบหน้าในภาพไร้กรอบ... ติดผนังไว้โดยไร้นาม
กับดวงตาที่ยังเฝ้ามองสรรพสิ่งและไม่เคยลืมเลือน
เหมือนเหล่าคนจรพลัดถิ่นที่เธอเคยพบพาน...
คนยากไร้ในอาภรณ์คร่ำคร่า...
ดั่งหนามสีเงินของกุหลาบแดงสดใส...
ถูกขยี้แหลกลาญกลางผืนหิมะขาวสะอาด
บัดนี้ฉันคิดว่าเข้าใจ...สิ่งใดที่เธอเพียรบอกฉัน…
ยากเย็นเพียงไหนที่เธอสู้ฝ่าพัน…
เหน็ดเหนื่อยเพียงใด เพื่อปลดปล่อยเหล่าผู้คน
พวกเขาไม่เคยรับรู้... ยังคงไม่มีใครรับฟัง...
อาจบางที... พวกเขาไม่มีวันเข้าใจ...
..jerasak 21-July-2006..
ขอบคุณคุณjirasak มากครับ
ที่กรุณานำบทแปลที่ไพเราะห์และได้ความหมายลึกซึ้งและครอบคลุมมาลงให้
ทำให้บันทึกนี้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
อาจารยพิชัยครับ
ผมไม่เคยเห็นเลย จะศึกษาดูครับ น่าสนใจ
สวัสดีครับคุณหมอ
สวัสดีครับคุณดุ๊ก
ยินดีต้อนรับครับ
ผมเองเข้าไปดูในบันทึกของคุณด้วย อาชีพพยาบาลน่าสนใจมากครับ ยิ่งเป็นผู้ชายด้วย คงมีประสบการณ์ชีวิตมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆนะครับ
ด้วยความยินดีครับ อาจารย์พิชัย และคุณเต็มศักดิ์ ด้วย
"Vincent" เป็นหนึ่งในงานเพลงในดวงใจและในความคิดของผมถือเป็นผลงานเพลงที่ดีที่สุด
ของ Don McLean ด้วย ประวัติของเพลงมีความโดดเด่นจากการแต่งอุทิศ ให้กับภาพวาด
และเท่าที่ทราบมาก็มีเพลงนี้เท่านั้นที่แต่งให้กับภาพวาพ ในขณะที่ชีวประวัติของ แวนโก๊ะ
ผู้วาดภาพ The Starry Night ก็ถือเป็นเรื่องราวที่มีสีสันที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติจิตรกรทั้งหลาย
ผมมีหมายเหตุประกอบการแปลอยู่ด้วย ขอนำมาลงเพื่อความสมบูรณ์นะครับ
----
+หมายเหตุจากผู้ถอดความ+
1. Vincent Willem van Gogh (Mar 30,1853 - Jul 29,1890)
จิตรกรชาวดัชท์ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล กับผลงานที่สร้างอิทธิพลต่อศิลปะเอ็กซ์เพรสชั่นนิสต์-โมเดินท์อาร์ต
ยุคต่อมาอย่างมากมาย แวนโก๊ะ นับเป็นผู้มีพรสวรรค์ทางศิลปะระดับอัจฉริยะ แต่กลับมีปัญหาในการอยู่ร่วม
กับผู้คนทั่วไป ทำให้ไม่ได้รับการยอมรับในด้านส่วนตัว ต้องต่อสู้เพื่อเสนองานศิลปะ และทนทุกข์ทรมาน
จาก โรคทางจิตประสาท
ความเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจของเขาแสดงออกทางภาพเขียน ด้วยการใช้สีสันร้อนแรง การปัดพู่กันหยาบๆ
และรูปแบบลายเส้นที่มีลักษณะเฉพาะตัว อาจเพราะผลงานที่ล้ำยุคล้ำสมัย ทำให้ภาพเขียนกว่า 1500 ภาพของเขา
มีเพียงภาพเดียวที่นับว่า “ขายได้” ขณะผู้เขียนยังมีชีวิตอยู่ แวนโก๊ะตัดสินใจใช้ปืนสั้นจบชีวิตตัวเองลงขณะมีอายุ
ได้เพียง 37 ปี เนื่องจากเชื่อว่าผลงานศิลปะจะมีผู้ให้ความสนใจมากขึ้นหากศิลปินเสียชีวิตลง ชีวประวัติของเขา
นับเป็นโศกนาฏกรรมเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ศิลปะ
2. “The Starry Night” (Oil on canvas 73x92 cm. Saint-Remy : June,1889)
ภาพเขียนสีน้ำมันที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่งของแวนโก๊ะ เก็บรักษาไว้ที่ The Museum of Modern Art, New York
ปัจจุบันควรมีมูลค่านับ พันล้านบาท หากนำออกประมูล โดยปกติผลงานของ แวนโก๊ะ มักเขียนขึ้นใน เหตุการณ์-
สถานที่จริง แต่ภาพนี้กลับเขียนจากจินตนาการขณะพักรักษาตัวจากอาการทางจิตประสาท แวนโก๊ะไม่ได้บรรยาย
ถึงแนวคิดในผลงานชิ้นนี้ไว้มากนัก ทำให้ภาพได้รับการวิเคราะห์วิจารณ์อย่างกว้างขวางมาจนถึงปัจจุบัน
บางทีตอนนี้เขาอาจอยู่ในที่แห่งใดแห่งหนึ่ง เฝ้ามองโลกนี้ผ่านภาพเขียนของเขา และอาจไม่มีใครสามารถเข้าใจ
ความหมายที่แท้จริงของภาพ The Starry Night ในใจของเขาได้ตลอดกาล...
3. วลี "Silver thorn, bloody rose" ในเนื้อเพลง Vincent
“หนามสีเงิน กุหลาบสีแดง” น่าจะหมายถึง ความรัก ความหลัง ความหวัง ความฝัน (มั๊ง?) ใครรู้บ้างช่วยบอกที…
ผู้ประพันธ์เพลงเคยตอบคำถามถึงความหมายของประโยคนี้ไว้ว่า "Nothing in particular - it's just poetry"
หรือประมาณว่า "ไม่ได้หมายถึงอะไรเป็นพิเศษ - ก็แค่กลอนพาไป" (..จริงหรือ?..)
ขอบคุณ คุณ jerasak อีกครั้งครับ ที่นำรายละเอียดมาเพิ่มเติม เป็นกำไรให้ผู้อ่านบันทึกนี้
สำหรับผมเชื่อว่า อาการจิตประสาทที่หมอว่านั้น Van gogh เป็นๆหายๆครับ เพราะดูจากภาพเขียนแล้ว ต้องคนที่มีสติและสัมปชัญญะสมบูรณ์จึงจะเขียนรูปได้และเขียนได้ดีขนาดนี้(หมายถึงรายละเอียดของรูปทรงและการสื่อสารทางความคิดที่ศิลปินต้องการสื่อ) หลายๆรูปที่เขาเขียนในขณะอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น ส่งผลให้เห็นว่าเขาไม่ได้วิกลจริตเลย และหมอยังลงความเห็นว่าการที่เขาเขียนรูปนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาทางธรรมชาติ (คนเขียนรูปได้ต้องมีสติ สมาธิและแนวความคิด ซึ่งคนเสียสติไม่มี)
สำหรับเนื้อเพลงนี้ ผมชอบมาตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว ซาบซึ้งตรึงใจมากทั้งนักร้องร้องและเนื้อร้อง อย่างที่ว่า เป็นเพลงเดียวที่เขียนให้ศิลปินและภาพเขียน บางที่ Don อาจมีปัญญาและประสบการณ์คล้ายกัน จึงสามารถมองทะลุไปถึงชีวิตของ Van Gogh ได้ ยิ่งมาเห็นเนื้อร้องที่คุณมาลงให้ยิ่งซาบซึ้งยิ่งขึ้น
สำหรับข้อสาม อยากเปิดเป็นประเด็นที่มีผู้รู้ทางภาษาอังกฤษให้ความหมายจริงๆ ผมว่าคงไม่ใช่แค่กลอนพาไป
วานท่านผู้รู้ด้านภาษาอังกฤษแตกฉานมาช่วยขยายความหน่อยครับ ผมอยากรู้ต่อแต่ความรู้ทางภาษาน้อย