ผมเกิดแรงบันดาลใจ ให้เขียนบันทึกนี้ ในเช้าวันที่ ๑ ธค. ๔๙ ในงานมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ ระหว่างฟังการบรรยายพิเศษ เรื่อง "KM กับบริบทแห่งความเป็นไท" โดย ศาสตราภิชาน ไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ
ศ. ไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ ตั้งคำถามเรื่อง "จุดพอดี" ทำให้ผมเกิดความคิดว่ามีวิธีมอง "จุดพอดี" ๒ แบบ แบบแรก คือจุดพอดีระหว่างสภาพที่เป็นขั้วตรงกันข้าม ๒ สภาพ เช่น จุดพอดีระหว่างความรู้ตะวันตก กับภูมิปัญญาไทย โดยมองว่าสองสิ่งนี้เป็นขั้วตรงกันข้าม ในการจัดการความรู้ ต้อง capture, สร้าง และใช้ ความรู้สองแนวนี้อย่างพอดี
"จุดพอดี" อีกแบบหนึ่ง เป็นความพอดีที่ซับซ้อน เป็นความพอดีในส่วนผสม ในกาลเทศะ ในท่าทีต่อเรื่องราว หรือกิจกรรมต่างๆ ไม่มองความพอดีแบบความสมดุลอย่างแบบแรก แต่มองความพอดีในส่วนผสม หวังให้ส่วนผสมระหว่างสิ่งที่ดูเสมือนขั้วตรงข้าม พอดี ที่จะเกิดการเสริมพลัง (synergy) กัน
มุมมองแบบแรก หวังความพอดีแบบประนีประนอม ประนีประนอมระหว่างสองขั้วตรงกันข้าม แต่มุมมองแบบหลัง หวังความพอดีแบบไม่ประนีประนอม หวังปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่เป็นขั้วตรงกันข้ามนั้น แล้วเกิดคุณสมบัติใหม่ เป็นสิ่งหรือพลังที่ทรงพลังกว่าขั้วตรงข้ามสองสิ่งนั้น และในความเป็นจริง มักไม่ใช่ส่วนผสม ๒ สิ่ง มักมีส่วนผสมมากกว่า ๒ สิ่งหรือ ๒ ปัจจัย ในมุมมองต่อ "ความพอดี" แบบหลัง เราหวังส่วนผสมของหลากหลายปัจจัยที่ "พอดี" ที่จะเกิดสิ่งใหม่ หรือคุณสมบัติใหม่ ในลักษณะของ "การผุดบังเกิด" ของ "ภพภูมิใหม่" (new order)
วิจารณ์ พานิช
๙ ก.พ. ๕๐
ระหว่างนั่งรถกลับบ้านจากสนามบินสุวรรณภูมิ