การบริหารเพื่อการจัดการความรู้
(Management for Knowledge Management)
ปัจจุบันเป็นยุคเศรษฐกิจแห่งองค์ความรู้ (Knowledge Economy) องค์กรทั้งภาคเอกชนและภาครัฐจึงจำเป็นต้องแข่งขันกันด้วยความรู้และคนที่มีคุณภาพในองค์กร
Peter Drucker
ได้เขียนในหนังสือ Post – Capitalist ใน
ปี 1993 ว่า
“ Knowledge is the new basis of
competition in a post - capitalist society.
“ นั่นหมายความว่า
ในยุคของการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและการแข่งขันที่รุนแรง
การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงจะเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อความอยู่รอด
หรือเพื่อการรักษาความเป็นเลิศให้ยั่งยืน
การจัดการความรู้ (Knowledge Management) คือ
การจัดการที่ว่าด้วยการนำเอาความรู้
และความเข้าใจถึงการทำงานร่วมกันของปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องกันในองค์กรมาเก็บรวบรวมและเรียบเรียงให้เป็นประโยชน์ในการสร้างคุณค่า
เพื่อความแตกต่างและพัฒนาระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
(HR Focus, 2000) โดยความรู้เกี่ยวกับปัจจัยต่างๆที่กล่าวไว้นั้นอาจได้แก่
วิธีการทำงานร่วมกันภายในองค์กร ความเข้าใจถึงความสัมพันธ์และความรู้
ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าขององค์กร
และยังรวมไปถึงการจัดการทรัพยากรบุคคลในองค์กร
การจัดการความรู้ หรือ Knowledge Management มีความซับซ้อน
และไม่ใช่เป็นเพียงการเก็บรวบรวมข้อมูลในองค์กรเท่านั้น
ทั้งนี้เพื่อให้การจัดการความรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิผลแล้ว
การบริหารเพื่อการจัดการความรู้
ควรประกอบด้วยองค์ประกอบหลักๆ ดังนี้ คือ
1. บุคลากร
องค์ประกอบที่สำคัญอันดับแรกในการจัดการความรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
จะต้องมีบุคลากรที่มีคุณภาพ (Gamble & Blackwell, 2001)
หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า บุคลากรที่มีความรู้ (Knowledge
Worker)
ทั้งนี้บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการนำการจัดการความรู้มาทำการปฏิบัติ จะต้องมีความสามารถในการสื่อสารถึงสิ่งที่ตนเองปฏิบัติ รวมถึงกลไกของการปฏิบัติงาน ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยนำเข้า (Input) กระบวนการ (Process) และผลลัพธ์ของการปฏิบัติงาน (Output)นั้นๆ มาแปรเปลี่ยนเป็นคำอธิบายที่ผู้ส่งข้อมูลและผู้รับข้อมูล สามารถเข้าถึงเนื้องานและคุณภาพของงาน รวมไปถึงความรู้ที่มีต่องานที่ได้ทำได้อย่างชัดเจน
ดังนั้น
องค์กรจึงควรมีวิธีในการเลือกสรรและพัฒนาคุณภาพของบุคลากรให้สามารถสื่อความรู้สึกและความเข้าใจกระบวนการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และยังต้องสามารถพัฒนาคุณภาพและทักษะของบุคลากร
ในการยอมรับและแปลความหมายของข้อมูลที่ส่งมาได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นแล้วสมรรถนะหรือความสามารถ(Competency)
ที่สำคัญของบุคลากรที่จะช่วยให้กลยุทธ์การจัดการความรู้ประสบความสำเร็จและใช้ได้ทั่วทั้งองค์กร
ควรประกอบด้วย ความสามารถ 5 ประการ คือ
1. ความสามารถในการเรียนรู้
2. ความสามารถในการคิดทำสิ่งใหม่ๆ
3. ความร่วมมือร่วมใจกับผู้อื่น
4. ความสามารถคิดเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ
5. ความอ่อนน้อมถ่อมตน
อย่างไรก็ดี ความท้าทายอย่างหนึ่งของการจัดการองค์ประกอบนี้คือ
การให้คนที่มีความรู้ความสามารถนั้นเต็มใจที่จะถ่ายทอดความรู้ไปสู่ระบบหรือบุคคลอื่น
ดังนั้นองค์กรต้องมีวิธีการจูงใจหรือกระตุ้น
ให้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถได้ถ่ายทอดความรู้ความสามารถมาสู่บุคคลอื่นในองค์กร
นอกจากนี้จากผลการวิจัยพบว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญกับพฤติกรรมการถ่ายทอดความรู้ คือ การที่บุคคลมีทัศนคติที่ดีต่อการถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่น (Block & Kim, 2002)
บทบาทของผู้บริหารจัดการความรู้
จึงจำเป็นต้องพัฒนาให้บุคลากรในองค์กรมีทัศนคติทางบวกในการแบ่งปันความรู้ด้วย
2.
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology)
องค์กรจะต้องมีเครื่องมือที่จะช่วยให้การสื่อสารข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
มีระบบฐานข้อมูลที่มีคุณภาพและง่ายแก่การใช้งาน หรือมี Information
Technology
รูปแบบต่างๆมาช่วยสนับสนุนให้การกระจายความรู้เป็นไปโดยง่าย
และสะดวกแก่บุคลากร
3.
ผู้นำแห่งการเรียนรู้ (Learning Leader) Senge (1990)
ได้กล่าวว่า ภาวะผู้นำ
คือส่วนสำคัญในองค์กรแห่งการเรียนรู้ และองค์กร
แห่งการเรียนรู้จำเป็นที่ต้องมีผู้นำที่เป็นผู้สนับสนุน
และผู้ให้การศึกษาหรือความรู้ในองค์กร
ทั้งนี้ยังต้องสนใจและพัฒนาความรู้ของตนเอง
พร้อมที่จะนำการเปลี่ยนแปลงต่างๆให้เกิดขึ้น
และพร้อมที่จะนำเอาหลักการการจัดการความรู้มาปฏิบัติ
เพราะถ้าไม่มีผู้นำที่จะต้องยอมรับ และให้ความสำคัญในหลักการนี้แล้ว
การปฏิบัติก็ย่อมเป็นไปไม่ได้
4.
ระบบการจัดการ (Management System)
เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญมากในการนำเอา Knowledge
Management
มาปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพ
ระบบการจัดการนี้จะต้องทำการปลูกฝังให้บุคลากรได้รับรู้ถึงความสำคัญในการนำเอา Knowledge Management มาปฏิบัติ มีหลักเกณฑ์การตัดสิน และประเมินคุณภาพบุคลากรที่ชัดเจนและสอดคล้องกับความเป็นจริง มีจรรยาบรรณในการรวบรวม เรียบเรียง และสื่อสารข้อมูล เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปได้สะดวก สามารถเสนอข้อมูล เพื่อแสดงถึงความโปร่งใส มีวัฒนธรรมในองค์กรที่ส่งเสริมให้บุคลากรอยากที่จะเอื้ออำนวยความสะดวก ในการการรับและส่งข้อมูลที่สำคัญให้แก่กันและกันให้มากขึ้น และเพื่อส่งเสริมให้เกิดกระบวนการถ่ายทอดและจัดการความรู้ในองค์กร
ระบบการจัดการขององค์กรต้องมีลักษณะสำคัญพื้นฐาน 6 ประการ คือ
1. ฝ่ายบริหารระดับสูงให้การสนับสนุนอย่างชัดเจน
2. มีวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน
3. วัตถุประสงค์มีความหมาย
4. ระดับความไว้เนื้อเชื่อใจสูง
5. ภาวะผู้นำภายในทีมงานดี
6. การแบ่งปันผลตอบแทนและรางวัล
นอกจากนั้นยังรวมถึงการจัดการทรัพยากรบุคคลที่เอื้อต่อการจัดการ
และถ่ายทอดความรู้ เช่น การสรรหาและคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพ
มีความรู้ความสามารถที่จะนำมาใช้ในองค์การและถ่ายทอดต่อไป
การจัดระบบการฝึกอบรมพัฒนา เพื่อเพิ่มทักษะ ความรู้ในงานให้มากขึ้น
เพื่อให้มีความพร้อมเกี่ยวกับความรู้กระบวนการทำงาน (Hansen, Nohria,
& Tierney 1999)
หรือการจัดระบบพี่เลี้ยงที่จะเอื้ออำนวยให้มีการถ่ายทอดประสบกาณ์จากพี่เลี้ยงสู่บุคลากรใหม่ขององค์กร
นอกจากนี้วัฒนธรรมขององค์กรและความไว้เนื้อเชื่อใจกันของสมาชิกในองค์กร จะเป็นปัจจัยเสริมการจัดการความรู้เป็นอย่างมาก
เมื่อมองโดยภาพรวม องค์ประกอบทั้ง 4
ที่ได้กล่าวข้างต้นจะสามารถนำมาเชื่อมโยงกัน ดังภาพที่ 1
ตามแผนภาพดังกล่าวข้างต้น
จะเห็นได้ว่า ทั้ง 4 องค์ประกอบมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันหมด
โดยองค์การจะต้องมีบุคลากรที่มีคุณภาพและมีทักษะในการเรียนรู้
มีผู้นำที่พร้อมจะให้การสนับสนุน มีระบบการทำงานร่วมกัน
และมีเครื่องมือ Information Technology
ที่จะช่วยในการจัดเก็บและshare ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดการความรู้จึงเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพงาน
พัฒนาบุคลากรขององค์กรให้เป็นบุคคลเรียนรู้
และพัฒนาองค์กรก้าวสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
การจัดการความรู้จึงเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่ผู้บริหาร /
ผู้ปฏิบัติการควรให้ความสนใจ
เพื่อการบูรณาการเครื่องมือดังกล่าวสู่การปฏิบัติต่อไป
เอกสารอ้างอิง
1. บดินทร์ วิจารณ์. การจัดการความรู้ สู่ปัญญาปฏิบัติ. บริษัท
เอ็กซ์เปอร์เน็ท จำกัด. พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2547. หน้า
9
2. ฐิติพร ชมพูคำ. การบริหารเพื่อจัดการความรู้.
วารสารจุฬาลงกรณ์ธุรกิจปริทัศน์ ปีที่ 27 ฉบับที่ 103 มกราคม – มีนาคม
2548. หน้า 21 – 29.
3. วิจารณ์ พานิช. การจัดการความรู้คืออะไร ไม่ทำ – ไม่รู้.
การจัดการความรู้ เพื่อคุณภาพที่สมดุล.
สถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล.
พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2547
4. บุญดี บุญญากิจ และคณะ การจัดการความรู้จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ
บริษัท จิรวัฒน์ เอ็กซเพลส จำกัด พิมพ์ครั้งที่ 2 พฤษภาคม 2548 หน้า
16
5. Knowledge Management Strategies in Action at CKO Summit.
Knowledge
Management Review 3(6) :11
อ.อุไรวรรณ อยู่ชา ผอ.ศูนย์พัฒนาบุคลากร Thaiskillplus
บรรยายในหลักสูตร HRD มืออาชีพ ได้เยี่ยมมาก ๆ ซึ่งอาจารย์
ได้โยงให้เห็นภาพรวมงานของ HRD ทั้งหมด จูงใจและจุดประกาย
ให้ HRD ต้องพัฒนาตนเอง และพูดถึง KM ได้ตรงกับสิ่งที่คุณศรีวิภา
เขียนไว้เลยค่ะ นั่นคืออาจารย์ เน้นเรื่องทัศนคติ และ ความมุ่งมั่นตั้งใจ
ของบุคลากรที่อยากจะถ่ายทอดผู้อื่นก่อนค่ะ ดังนั้น สิ่งที่คุณศรีวิภา
เขียน จึงเป็นสิ่งที่มี่ประโยชน์จริง ๆ ค่ะ