เมื่อผู้เขียนเผชิญไสยศาสตร์: สมัยทำงานที่ อ.สะเมิง เชียงใหม่ เราร่วมงานกับสมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย ขอเรียกว่า GGAT เชิญเยาวสตรีที่เป็นลูกสาวชาวบ้านมาเข้าร่วมงานค่าย ตามระเบียบทั่วไปก็ต้องทำหนังสือเชิญต่อพ่อแม่ของเยาวชนคนนั้น โดย GGAT จะใช้ซองจดหมายราชการที่มีชื่อที่อยู่หน่วยงานปรากฏบนซองทางซ้ายมือด้านบน..
หลังจากค่ายเยาวสตรีต้องปิดกลางคัน เพราะเกิดวิญญาณเจ้าพ่อมาสำแดงอิทธิฤทธิ จนค่ายแตก ต่างคนต่างกลับบ้านไป ไม่นานนักเราก็เผชิญความประหลาดหวาดเสียวอีกครั้ง วันหนึ่งเพื่อนที่อยู่ GGAT โทรศัพท์หาเราเสียงดังลั่นและตกอกตกใจมาก..เราออกมาอยู่ในเมืองเชียงใหม่พอดีก็ขับมอเตอร์ไซด์คู่ชีพไปหาเพื่อน เขายื่นซองจดหมายให้ดูแล้วก็ว่า..เอ้า... อ่านเอาเองนะ.. ผู้เขียนเปิดอ่านดูแล้วก็ตกใจ ฉงน ไม่เชื่อ.. ไม่จริง..ไม่ใช่..
สาระจดหมายกล่าวว่า.. ถึงท่านหมอ..คนที่แล้วตายไปแล้ว ขอให้ท่านหมอทำอีกคน พร้อมกันนี้ส่งวันเดือนปีเกิดมาให้ด้วยแล้ว นายคนนี้ชื่อ....
ชื่อที่ถูกระบุนั้นเป็นชื่อผู้นำชาวบ้านที่เราจัดตั้งขึ้นมาเพื่อทำงานที่หมู่บ้านหนึ่ง ผู้ที่ส่งจดหมายไปให้ก็คือผู้ใหญ่บ้านของบ้านที่ผู้นำของเราคนนั้นพักอาศัยนั่นเอง มันเป็นจดหมายที่ส่งโดยผู้ใหญ่บ้านถึงหมอไสยศาสตร์อีกอำเภอหนึ่งระบุให้ทำพิธีไสยศาสตร์ให้คนนี้ตายลงไป และยังรายงานอีกว่าคนที่แล้วที่ให้ทำพิธีไสยศาสตร์ให้ตายนั้นได้ตายไปแล้ว...
ท่านคงสงสัยละว่าจดหมายฉบับนี้มันมาอยู่ในมือเพื่อนได้อย่างไร..เป็นความผิดพลาดของผู้ส่งครับ เข้าใจว่าเขาเอาซองจดหมายที่ GGAT ส่งไปขออนุญาตผู้ใหญ่บ้านเพื่อจะเอาลูกหลานในหมู่บ้านไปเข้าค่ายนั้น มาใช้เป็นซองจดหมายส่งถึงหมอไสยศาสตร์ อาจเป็นเพราะชนบทไม่ค่อยมีซองจดหมายนั่นเอง และข้อผิดพลาดอีกประการคืออาจจะระบุที่อยู่ของหมอไสยศาสตร์ผิดจดหมายเลยตีกลับ แต่ไม่ระบุผู้ส่ง ไปรษณีย์จึงมาส่งคืนที่ GGAT ซึ่งมีโลโกติดอยู่บนหน้าซองนั่นเอง...
แล้วทำไงดี..เราตัดสินใจ หนึ่ง..ไปแจ้งความไว้ที่โรงพักอำเภอสะเมิงว่าเราพบจดหมายนี้และป้องกันไว้ก่อนว่าหากมีการตายขึ้นจริงในหมู่บ้านนั้นคนนั้นที่มีชื่อระบุในจดหมายก็ให้ตั้งสมมติฐานว่าผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ต้องสงสัยได้เลย..ตำรวจบันทึกประจำวันไว้..แล้ว สอง..เราเดินทางไปหมู่บ้านนั้นที่ผู้นำชาวบ้านเราอยู่สอบถามว่ามีชาวบ้านตายลงไปเมื่อเร็วๆนี้หรือไม่ พบว่ามีจริงๆ !!!??? และหมอก็ไม่ทราบสาเหตุการตายอย่างแน่ชัด..
เอาละซี..คุณครับ..ผู้เขียน งี้..เสียวสันหลังวาบๆ นึกในใจ “เราจะโดนบ้างหรือเปล่าวะเนี่ย..” ต่อไปเราจะไม่ให้วันเดือนปีเกิดกับใครแล้ว..กลัว..
พวกเราตัดสินใจบอกเรื่องทั้งหมดให้แก่ผู้นำเราแล้วให้เขาทำพิธีสะเดาะเคราะห์ตามประเพณีเมืองเหนือ...เขารอดตายครับจนถึงปัจจุบันนี้.. และที่ดงหลวงผู้เขียนก็ทราบว่ายังมีคนเล่นเรื่องเหล่านี้อยู่....ว๊าว....เสียว...
กลุ่มไทลาวเชื่อว่าโซ่เล่นของเหมือนพวกเขมรครับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากภาษาพูดเป็นกลุ่มเขมรและเมื่อก่อนคนไทลาวมักมองโซ่เป็นพลเมืองระดับรองลงไปจึงได้เชื่อเช่นนั้นและพยายามทำให้โซ่แปลกแยกไป
ความแปลกแยกอาจจะพยายามทำให้กลุ่มของตนเองมีสิ่งปกป้องตัวเอง ส่วนหนึ่งคือไสยศาสตร์ ก็น่าจะเป็นไปได้
คุณ
Aj Kae ครับ
|
คุณออตครับ
ขอบพระคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับคุณออต
น่ากลัวนะครับเรื่องแบบนนี้ผมเชื่อมีจริงแท้แน่นอนวิทยาศาสตร์ไม่เกี่ยวเลย
เป็นเรื่องที่ต้องใช้สติและความเมตตา จริงใจ ปรารถนาดี แสดงให้เห็นแก่เขาอย่างชัดเจนก็จะไม่มีใครทำอะไรเราได้
ที่ดงหลวงผมทราบมาว่า มีปอบเยอะ แต่ปอบจะไม่ทำคนที่สูงกว่า โโยเฉพาะพวกเราที่เข้าไปทำงานด้วยนั้น สูงกว่าเขา ชาวบ้านคนที่เชื่อเรื่องนี้กล่าวเช่นนั้นครับ
คนที่มาอยู่ดงหลวงมีแต่มาเอาเปรียบเราคนโซ่โง่แทนที่จะมาพัฒนากลับมาเหยียบให้จมดิน ข้าราชการ
ที่มาอยู่ดงหลวงก็ไม่เคยที่จะไปคลุกคลีกะคนในท้งถิ่น เด็กที่จบมาก็ไม่มีงานทำต้องไปออกทำงานต่างเมือง
คนที่พอมีฐานะก็จะเปิดกิจการของตัวเอง คนโซ่แท้ทำงานดีสุดก็เป็นลูกจ้างช้่วคราว หรือก็ นักการภารโรง
ขนาดลูกจ้างชั่วคราวก็ยังเข้าทำงานอยากเลยต้องมีเส้นและเงิน ลูกจ้างชั่วคราวก็มีแค่ 1-2 คนเท่านันนอกคนจากที่อืนหมดเลย นอกนั้น ญาติของข้าราชการคนอืนหมดเลย หรือไม่ก็เด็กเส้นจากทื่อืน เหมือนเราเป็นสุนักอะ เจ้าของกินเนื้อ คนโซ่เป็นสุนักมันได้กินกระดูกมันก็ดีใจตายแล้ว (ความรู้สึกที่มันออกมาจากข้างใน) คนที่จะเข้ามาพัฒนาเรา
ควรที่จะช้วยกันคิดกันทำกับเราไม่ใช้หรือ หรือว่ามีความคิดให้คนโซ่โง่นะดีแล้ว เราจะได้ตักตวงผลประโยนช์
ใช้ให้มันไปตัดไม้พะยุง ให้ข้าราชการในท้องถิ่น หรือไม่ก็ให้มาเป็นลูกน้องขายยาบ้าให้วัยรุ้นในหมู่บ้าน
เราที่เป็นคนในพื่นที่ ยืนมองดงหลวงเปรียนแปลงไปในทางที่ลบด้วยใจที่เจ็บปวด เราคนเดียว
ไม่สามรถแก้ไขอะไรได้ เพื่อนที่มีความคิดแบบเดียวกันพอไปทำงานที่เทศบาล ก็เปลียนไปเราก้ เข้าใจนะว่า
เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ถ้าค้านมากๆๆ อาจจะตกงาน เพื่อนอีกสามารถขึ้นมายืนบนแถวหน้าได้
มีจิตสำนึกรักดงหลวง แต่ก็เปลียนดงหลวงไม่ได้แถมโดนสารพัด ต้องออกจากงาน แล้วไปสอบเป็นครู
แล้วก็ต้องหันหลังกับจิตสำนึกที่ตั้งไวว่าเรียนจบจะมาพัฒนา ดงหลวง ให้จริญขึ้นเธอบอกว่าคนดงหลวงไม่กล้าคิดเองและไม่เข้าใจว่า เนื้อนั้นกินอร่อยกว่ากระดูก ที่คนต่างถิ่นหยิบยื่นให้กลัวว่าขัดใจแล้วอาจจะอดได้กินกระดูก
มีแต่รับแนวความคิดที่คนต่างถิ่นคิดว่าถูกว่าควรและเป็นประโยนช์ต่อคนต่างถิ่น คนในหมู่บ้านที่เคยไปอยู่ที่อืน
มีความคิดที่แตกต่างก็ห้าม (เวรกรรมของดงหลวงแท้เลย) ข้าราชการแต่ละคนเคยเห้นมีไครมั่ง ที่คลุกคลีกะ
คนดงหลวงมัง มีแต่มาประจำการตามหน้าที่อยู่ไครอยู่มันแล้วก็หาช่องทางย้ายกลับ หรือมัยก็ตั้งรกรากที่ดงหลวง
หาผลประโยนช์กับชาวดงหลวง คนโง่หลอกใช้ง่ายหลอกให้ทำอะไรก็ทำ แต่โดยลึกๆๆแล้วคนดงหลวงไม่ได้โง่นะทุกสังคมต้องมีคนโง่และคนฉลาดปะปนกันไป นิสัยของคนโซ่ คือจะให้เกียจกับเพื่อนต่างถิ่นเสมอ จริงใจและเปิดใจ
มีความเป็นกันเองกับเพื่อนต่างถิ่นจนลืมคิดไปว่าคนที่เราคิดว่าเพื่อนนะจริงใจเหรือนเราหรือเปล่า มีบางคนบอกว่า
ลงไปคลุกคลีกะคนโซ๋ เห็นแต่ความเห็นแก่ตัว และเห็นแก่ได้แก่กิน มีแต่จะให้ซื้อเหล้าเลี้ยง ก็ให็คุณซื้อเหล้าเลี้ยงละ ไปเป็นหมู ให้หาม ก็หามสิ การลงไปคือต้องลงไปคลุกคลีชีนำแนวความคิดที่ดี่ การพึ่งตนเอง สร้างเสริมรายได้
ให้กับคนในท้องถิ่น ชวนกันทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ จุดหมุ่งหมายที่คนในท้องถิ่นต้องการคือการมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เราเคยหวังว่าข้าราชการที่ย้ายมาประจำที่บ้านเราคือคนที่จะมาช้วยเรามาสอนให้เราฉลาดขึ้นมาทำงานเพื่อพวกเราทุกคนแต่แล้วก็ต้องผิดหวัง ครูสอนเด็กปฐม ก็มัยยอมสอนเด็กพากันตั้งวง กินเหล้า วงไฟ จนเด็กไปบอกพ่อแม่ จนต้องมีการประท้วงเมือ 10 ปีที่แล้ว บางคนบอกว่าคุยกันไม่รู้เรื่องพูดกันคนละภาษา ปอบก็เยอะ
จะบอกเลยนะว่าคนดงหลวงพูดและฟังภาษาไทยได้ทุกคนและบางคนดีด้วย ถ้าดงหลวงมีปอบที่อืนก็มีเช่นกันถ้าปอบมันเก่งจริงมันคงไปกินพวกที่กินบ้านกินเมืองไปนานแล้ว สุดทายนี้เราหวังว่าคงมีไครสักคนใจดีและจริงใจที่จะมาพัมนาบ้านเรา ถึงจะนานเราไรเราก็จะรอ
ถึง "เลือดดงหลวงแท้ โซ่ตัวจริง" ผมยินดีต้อนรับครับ เคารพในความเห็นท่านครับ แนะนำตัวหน่อยครับว่าเป็น "วงศ์กะโซ่" หรือ "เชื้อคำฮด" อยู่ตำบลพังแดง หรือหนองแคน หรือดงหลวง อยู่บ้านเลื่อนเจริญหรือครับ อยากพบตัวเป็นๆกันจังเลยครับจะได้แลกเปลี่ยนกันเต็มที่หน่อยครับ ขอบคุณครับ