(29)
ฉลาด เป็นคนดี และมีความสุข
การอ่านสถานการณ์ หรืออ่านคนออก การบอกได้ว่าในสถานการณ์ชีวิตนั้นๆ อะไรเป็นประเด็นหลัก ประเด็นสำคัญ อะไรเป็นข้อคิดเห็น อะไรเป็นข้อเท็จจริง ความจริงของเรื่องนั้นๆ คืออะไร การเข้าใจและรู้วิธีแก้ปัญหา รู้วิธีรับมือกับการสื่อสาร ทุกรูปแบบ น่าจะช่วยให้เด็กๆฉลาดขึ้น เข้าใจชีวิตอย่างเป็นปัจจุบันมากขึ้น
และด้วยทักษะการรู้เท่าทันที่เข้มข้นเพียงพอ ก็อาจถึงขั้นทำให้เด็กๆบางคนสามารถประเมินสถานการณ์และอ่านแนวโน้มอนาคตออก สามารถบอกตนเองได้อย่างสมเหตุสมผล ว่า “ควร” หรือ “ไม่ควร” ทำอะไร ด้วยหลักคิดที่ไม่ผิดหลักธรรม
.......และ นำไปสู่การรู้จัก “ทุกข์ให้เห็น-สุขให้เป็น” ได้ด้วย
การออกแบบกิจกรรม การฝึกทักษะการรู้เท่าทันการสื่อสาร สามารถทำได้โดยหลากหลาย ไม่มีรูปแบบตายตัว แต่ผู้ฝึกต้องตั้งเป้าหมายในใจให้ชัดเจน มีวิธีคิดในการออกแบบกิจกรรม ทั้งแบบเตรียมการมาล่วงหน้า และแบบคิดออกแบบเฉพาะหน้าตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จนกระทั่งถึงแบบปฏิกิริยาโต้ตอบโดยปฏิภาณตามสถานการณ์ในชั้นเรียน เป็นต้น
ตัวอย่างการฝึกในชั้นเรียนด้วยกิจกรรมที่มีรูปแบบหลากหลาย เป็นการฝึกให้คิดอย่างมีวิจารณญาณ คิดไตร่ตรอง คิดวิเคราะห์ คิดวิพากษ์ คิดสังเคราะห์ คิดเปรียบเทียบเชื่อมโยงนำไปใช้ ฯลฯ
ขณะเดียวกันก็รู้จักสื่อสารสะท้อนความคิดด้วยการพูดและเขียนทั้งการและการถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจ โดยมีเป้าหมายให้เกิดความเข้าใจ รู้เท่าทันความจริงที่อยู่เบื้องหลัง หรือตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลัง ดังตัวอย่างวิธีฝึก อาทิเช่น
ฝึกให้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของข้อสอบปรนัย โดยการเอาข้อสอบที่ไม่มีโจทย์มาให้ทำ เพื่อให้ฉุกใจคิด (เรื่องรู้เท่าทันข้อสอบปรนัย)
การฝึกให้พิจารณาผู้ที่อ้างว่ามาจากองค์กรการกุศล มาขายของขณะมีการเรียนการสอนอย่างมีวิจารณญาณ
การฝึกให้ดูให้ดี ว่าแท้ๆแล้วผู้ที่อยู่ตรงหน้าเราเป็นใคร อย่าเชื่อเอาตามความเคยชิน (เรื่อง อาจารย์ยังไม่มา..นั่นใครน่ะ)
การฝึกให้เห็นปัญหาการละเลยจุดเล็กๆในการสื่อสาร และวิธีปรับคุณภาพการสื่อสาร เมื่อช่วยกันจัดเก้าอี้ในห้องเรียน แล้วมีเสียงดังรบกวนห้องอื่น (เรื่อง ฝึกเด็กปริญญาตรี ...ให้จัดเก้าอี้)
การฝึกวิธีคิดเชิงวิพากษ์ และการคิดเปรียบเทียบเชื่อมโยงระหว่างการเขียนประวัติศาสตร์ กับการเขียนข่าว เพื่อให้เข้าใจการประกอบสร้างความจริง (เรื่องประวัติศาสตร์..จริงไหม?)
การมองเห็นและเข้าใจ “ความเป็นปุถุชน” ทั้งของตนและผู้อื่น เมื่อได้ทำงานที่ต้องมีส่วนได้ส่วนเสีย มีการให้คุณให้โทษแก่กันและกัน หรือมีผลประโยชน์ร่วมกัน เช่นการทำงานเป็นทีม หรือการทำงานกลุ่มในโอกาสต่างๆ เป็นต้น
โดยครูต้อง (ยอมเหนื่อย) ที่จะฝึกเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียด ละเอียดอ่อน และต่อเนื่อง และต้องยอมเสียเวลาที่จะชี้ให้เขาเห็นทุกเม็ด ไม่ปล่อยผ่านเลยสักเรื่องเดียว เขาจึงจะเห็นการสัมพันธ์เชื่อมโยง ที่ทำให้เกิดผล ผลกระทบ และผลกระทบสืบเนื่องของการสื่อสาร จนครบกระบวนการอย่างง่าย และอาจนำไปใช้กับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขาได้ในสักวันหนึ่งข้างหน้า.....
ทั้งนี้ ผู้สอนต้องประเมินอารมณ์และความรู้สึกของผู้เรียนอย่างฉับไว ต้องคิดให้ทันการณ์ และต้องสื่อสารให้ผู้เรียนตามทันด้วย.....
การสร้างคนให้เป็นคนดีด้วยจิตใจเนื้อแท้ มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม มีคุณธรรมขั้นสูงคือความเสียสละ สามารถสร้างควบคู่ไปกับความเก่งในการเรียน และความสามารถในการทำงาน ได้
แต่ผู้สอนก็ต้องตั้งใจจริง ต้องทุ่มเท และต้องเสียสละอย่างมาก
เพราะเมื่อคนหนึ่งคน...สามารถเป็นคนดีโดยเนื้อแท้ได้นั้น ครูทุกคน ก็จะเป็นเพียงคนๆหนึ่งในเส้นทางของการสร้างคนดี..........แม้ครูจะมิใช่”ผู้เป็นที่หนึ่ง”เหนือผู้ที่เป็นคนดีเหล่านั้น
....แต่ความน่าชื่นใจก็อยู่ที่ว่า ”ครู” ได้ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างคนดีเช่นกัน.....
เชื่อในเรื่องนี้ค่ะ
เบื้องหลัง ความหลัง เบื้องลึก ก้นบึ้ง...หัวใจ ความคิด คนต้นแบบ
หมอเล็กคิดว่า "ครู" มีส่วนอย่างมาก เท่า ๆ หรือเกือบ ๆ เท่า "พ่อ-แม่" ซึ่งเป็นครูของเราคู่แรก ค่ะ
ปล. ปิดเทอมแล้วยังคะ ลูกศิษย์ทั้งหลาย
ช่วยเรียนให้อ.แอมป์มาเขียนบันทึกเพิ่มได้แล้ว
มีคนใกล้ ลงแดง...
สวัสดีค่ะคุณหมอเล็ก
พี่แอมป์เชื่อแบบเดียวกับคุณหมอเล็กนะคะ : )
"ครู" มีส่วนอย่างมาก เท่า ๆ หรือเกือบ ๆ เท่า "พ่อ-แม่" ซึ่งเป็นครูของเราคู่แรก"
น้องภูโชคดีจังที่"ครู"คู่แรก มีความละเอียดอ่อนลึกซึ้งต่อชีวิตเช่นนี้ : ) ไม่แปลกใจเลยที่ลูกภูเป็นเด็กช่างคิด มีจินตนาการ และละเอียดอ่อนเป็นพิเศษ หลายคำที่หลานคุยกับคุณพ่อคุณแม่แล้วทำให้พี่แอมป์รู้สึกทึ่งนะคะ
ขอบคุณอีกหลายๆครั้งค่ะ สำหรับการต่อยอดอย่างน่ารักและเป็นธรรมชาติของคุณหมอเล็ก ทำให้พี่แอมป์ได้เห็นและซาบซึ้งอีกครั้งว่าผู้ที่มีวิธีคิดและอุดมการณ์แบบเดียวกันนั้น จะเข้าใจในกันและกันได้โดยไม่ยากเย็นเลย
กำแพงภาษาอาจเป็นอุปสรรคเพียงเล็กน้อย (ถึงปานกลาง) : ) : ) เท่านั้น
พี่แอมป์ชอบอ่านหนังสือของท่านพระพรหมคุณาภรณ์ ท่านพุทธทาส และอีกหลายๆท่านที่เขียนอธิบายหลักธรรม และได้นำคำบางคำ หรือบางประโยคมาใช้ต่อด้วยความเคารพ และเพราะเห็นว่าเหมาะแก่ความหมายที่เราตั้งใจสื่อสาร ดังประโยคที่เป็นชื่อหนังสือเล่มหนึ่งของท่านพระพรหมคุณาภรณ์ ประโยคนี้
“ทุกข์ให้เห็น-สุขให้เป็น”
ซึ่งพี่ชอบจริงๆ และต้องขออภัยที่มิได้อ้างอิงไว้ก่อนหน้านี้นะคะ พี่ตั้งใจว่าปิดเทอมนี้จะจัดเวลาจัดการเรียบเรียงข้อเขียนให้เรียบร้อยถูกต้องครบถ้วนสักที จากนั้นจะได้ร่วมกันบ่นเอ๊ยร่วมกันเขียนอะไรต่อมิอะไรต่อไปอย่างสนุกสนาน ตามประสาแม่ๆและป้าๆอย่างเราต่อไปนะคะคุณหมอเล็ก : )
สวัสดีค่ะ น้องแอมแปร์
สวัสดีค่ะพี่อ้อยที่เคารพยิ่ง
แอมแปร์ต้องกราบขอโทษพี่อ้อยเป็นอย่างสูงเลยนะคะ ที่ไม่ได้เข้ามาตอบความเห็นนานข้ามปี เนื่องจากงานที่หนักเต็มสองมือมาตลอดจนแอมแปร์นึกขำๆว่าอยากให้มีมือที่สามมาช่วยจริงๆ
งานมหาวิทยาลัยตอนนี้สุดยอดค่ะพี่อ้อย แอมแปร์สะกดคำว่า "ปิดเทอม" ไม่เป็นมาสองปีแล้ว ตั้งแต่ย้ายคณะและย้ายหลักสูตรจากนิเทศศาสตร์มาอยู่ครุศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาภาษาไทยนี้ แอมแปร์ก็แทบจะกลายร่างเป็นปลาหมึกเพราะงานยุ่งสุดยอดจริงๆ แต่จะว่าไปแล้วก็สนุกดีค่ะพี่อ้อย ถ้าเราปรับตัวให้เข้ากับการทำงานที่ต้องผลิตหลักฐานกันทุกกิจกรรมได้ ก็เพลินไปอีกแบบเพียงแต่จะทำให้เราเหลือเวลาน้อยลง ที่จะ "ทำให้ผลผลิต คือ นักเรียน ดีกว่าตนเอง" เพราะเราต้องเอาเวลาไปคิด ไปเขียน ไปพิมพ์รายงานผลต่างๆ แล้วก็ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน รวมถึงรายงานงบประมาณทุกบาทที่ใช้ว่าได้ผลตามเป้าหรือไม่ แถมยังต้องสร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการและ สะ-เต้ก-โฮล-เด้อร์ อีกด้วย ^_^
เลยทำให้"ความเป็นครูที่ดี" พร่องไปบางส่วนค่ะพี่อ้อย เพราะต้องเอาเวลาหลายส่วนไปทำรีพอร์ตทุกรูปแบบ แทนที่จะมีเวลาให้กับเด็กเต็มที่ ทีละคนและให้เวลาอย่างทั่วถึงทุกคน ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะการทำรีพอร์ตต้องใช้เวลา ต้องคิด ต้องผลิต ในขณะที่เวลาที่เราจะต้องให้กับเด็ก ก็อยู่ในยี่สิบสี่ชั่วโมงเดียวกัน ...แอมแปร์นึกแล้วก็กลุ้มใจอยู่เนืองๆ..
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นครูที่ไม่เก่ง แต่เป้าหมายชีวิตของแอมแปร์ ก็คือ "การทำให้ผลผลิต คือ นักเรียน ดีกว่าตนเอง" ให้จงได้ ดังที่พี่อ้อยสรุปเป็นข้อคิดไว้ให้อย่างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะแลกด้วยเวลาชีวิตอีกนานเท่าไหร่แอมแปร์ก็เต็มใจทำ และจะตั้งใจรออย่างมีความสุขเสมอค่ะ
กราบขอบพระคุณพี่อ้อยมากๆนะคะที่แวะมาพร้อมกับความอบอุ่นอยู่เสมอ แม้ว่าจะยังไม่ได้พบกันในวันนี้ แต่วันข้างหน้ายังมี แอมแปร์เชื่อว่าสักวันคงได้พบกับพี่สาวที่เป็นแม่พิมพ์ในดวงใจคนนี้อย่างแน่นอน
ขอให้พี่อ้อยมีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจและมีความสุขกับทุกสิ่งที่พี่ได้ทำนะคะ
เคารพรักยิ่งค่ะ
แอมแปร์