จากที่ได้กล่าวถึงชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงของพี่น้องชาวอโศกที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีในวันทีผ่านมานั้น
จุดเด่นของชาวอโศกก็คือ
การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับโจทย์ที่เปลี่ยนไปของธรรมชาติและพยายามพัฒนาพลิกฟื้นธรรมชาติให้กลับคืนมาด้วยธรรมและสัมมาอาชีพ
เมื่อธรรมชาติถูกทำลาย แหล่งอาหารก็สูญหายหรือสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ และส่งผลกระทบถึงวิถีชีวิตของผู้คนและสรรพสิ่ง
โคและคนเลี้ยงโคก็ได้รับผลกระทบจากโจทย์ชีวิตและโจทย์ธรรมชาติที่แปรเปลี่ยนเช่นกัน
ฝนที่เคยตกต้องตามฤดูกาลก็พาลหายหน้า
ป่าที่เคยสมบูรณ์ก็อันตรธานหายไป
แล้วอาหารเลี้ยงคนเลี้ยงโคจะไปอยู่ไหน
ถ้าไม่เรียนรู้และจัดการเพื่อให้อยู่รอด
แล้วคนเลี้ยงโคจะต้องเรียนอะไร
อย่างแรกสุดควรเรียนรู้วิธีการได้มาของอาหาร เพราะอาหารคือสิ่งสำคัญสุดที่จะทำให้คนและโคอยู่รอด
จากตัวอย่างของชาวอโศกที่ร่วมแรงร่วมใจผลิตอาหารเลี้ยงตนเองและชุมชนให้เพียงพอภายใต้ทางสายกลาง ไม่เบียดเบียนผู้อื่นและไม่มีการเลี้ยงสัตว์ แต่อาจเชื่อมไปถึงสัตว์ได้ในกรณีการใช้ปุ๋ยคอกและใช้พืชเป็นอาหารโค แต่ส่วนใหญ่ปุ๋ยได้มาจากน้ำหมักจากพืชผัก
แล้วชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ใช่ชาวอโศก จะเรียนอะไรจากชาวอโศกและเรียนอะไรเกี่ยวกับการเลี้ยงโค
ประการแรกต้องเรียนวิธีคิดวิธีปฏิบัติ แล้วไปปรับใช้กับชีวิตตนเอง ยึดหลักขยัน พอประมาณ แบ่งปัน และไม่เบียดเบียน
สองต้องเรียนรู้วิธีการสร้างอาหารด้วยตนเอง ไม่หวังพึ่งธรรมชาติหรือผู้อื่น ถ้าจะเลี้ยงโคต้องปลูกอาหาร สร้างอาหารให้โคกิน จะปลูกอะไร ก็ปลูกทุกอย่างที่คนและโคกิน เพราะถ้าเหลือจากคนก็ให้โคกิน และสิ่งที่เหลือจากโคก็จะกลายเป็นปุ๋ยเป็นอาหารกลับมาสู่คนได้อีก
การนำแนวคิดแนวปฏิบัติของพี่น้องชาวอโศกมาผลิตอาหารเลี้ยงโคจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ด้วยการจัดการดิน จัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ อาหารเลี้ยงโคก็จะมีพอเพียง แล้วโคก็จะให้ปุ๋ยเพื่อสร้างความพอเพียงให้กับดิน พืชและมนุษย์เป็นวัฏจักร
ผลิตอาหารเพื่อคน
ผลิตอาหารเพื่อโค
เริ่มแยกให้เห็นว่าจะผลิตอย่างไร
ผลิตอาหารเพื่อโคสำหรับรายย่อยเพิ่งจะเริ่ม
เห็นอะไร ตรงไหนดี ตรงไหนด้อย ตรงไหนจะแนะนำ
ระบบอาหารสัตว์ไม่ใช่ย่อย รายละเอียดเยอะ ใหญ่ เจาะๆๆให้กระจุย
ถ้าเลี้ยงวัวแบบชาวฮินดูจะเป็นอย่างไรครับ