เมื่อวันที่ 17-18 มีนาคมที่ผ่านมานั้น ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้นำนิสิตที่สโมสรนิสิตคณะสหเวชศาสตร์ประจำปีการศึกษา 2549 ได้จัดขึ้นเพื่อถ่ายทอดงานให้แก่สโมสรนิสิตชุดใหม่ ที่ได้มาจากการเลือกตั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ณ น้ำตกชาติตระการ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลกของเรานี่เอง วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ก็เพื่อสร้างสัมพันธภาพระหว่างสโมสรฯ ชุดเก่าและใหม่ที่จะมารับช่วงงานต่อจากกัน มีการถ่ายทอดทักษะการเป็นผู้นำและประสบการณ์ในการทำงานที่หาไม่ได้ในบทเรียน (เพราะว่าปัญหาในการทำงานมีไม่ซ้ำกัน) ซึ่งนอกจากสโมสรนิสิตฯ ชุดใหม่จะได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์จากสโมสรนิสิตฯ ชุดเก่าแล้ว ยังได้รับการชี้แนะแนวทาง รวมทั้งประสบการณ์จาก อ.นพดล จำรูญ รวมทั้งได้มีโอกาสทำความรู้จักกับ อ.วีระพงษ์ ชิดนอก ที่จะมาเป็นรองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตคนใหม่ด้วย (เรียกได้ว่าทุกอย่างใหม่หมด ยกเว้นข้าพเจ้าที่เริ่มเก่าและแก่..555) หลังจากที่ได้ทำกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ ฝึกทักษะการเขียนโครงการแล้ว งานนี้ยังได้คุณขวัญเรือน แดงเรือ เจ้าหน้าที่พัสดุ คนสวยและใจดี สละเวลาวันหยุดร่วมเดินทางไปทำกิจกรรมกับเรา เพื่อไปแนะนำขั้นตอนวิธีการในการทำเบิกวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ หลังจากได้ร่วมทำกิจกรรมกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าได้มีโอกาสพูดคุยกับน้อง ๆ สโมสรนิสิตฯชุดเก่าที่เราได้ทำงานร่วมกันมาตลอดปีการศึกษาที่ผ่านมาว่าพวกเขาได้อะไรจากการทำงานสโมสรฯ นี้บ้าง (เป็นการถามแบบสุ่มรายบุคคล) อันดับแรกที่ได้ฟังเขาก็บอกว่าเหนื่อย..แต่ก็สนุกแบบมีสาระเพราะว่าได้ทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น และสังคม และมีบางอย่างที่ได้มากกว่าที่คิดไว้นั่น ก็คือ ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น การทำงานเป็นทีม ได้เรียนรู้ถึงจุดเด่นและจุดด้อยของตนเองชัดเจนยิ่งขึ้น บางคนก็บอกว่าจากการทำงานตนเองนั้นได้เพื่อนแท้ ที่ร่วมกันทำงานมาตลอดไม่เคยทิ้งกันแม้ว่าจะมีการขัดคอกันบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องของการทำงานเท่านั้น ข้าพเจ้าก็ถามต่อว่า น้องคิดว่าเป็นการเสียเวลาไหมกับการที่ต้องมาเป็นผู้นำทำกิจกรรมให้กับนิสิตคณะของเรา ซึ่งบางครั้งต้องสละเวลาส่วนตัวและเวลาเรียนเพื่อมาทำกิจกรรมตรงนี้ น้องก็ตอบว่า ไม่เลยตรงกันข้ามเค้ากับได้อะไรมากกว่านั้น เค้าได้รู้จักคนในวงกว้างได้เพื่อนเยอะ โดยเขามองกาลไกลว่าในอนาคตว่าคนเหล่านั้นอาจจะช่วยเหลือเขาได้ในบางเรื่องอย่างน้อย ๆ ก็เกี่ยวกับการประสานงาน เขาบอกว่า ตัวเองนั้นได้เปรียบมากกว่าผู้ที่ไม่เคยได้มีโอกาสเข้ามาทำในจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเข้าสังคม พิธีการ การติดต่อประสานงาน การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เขาเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตของการทำงาน ซึ่งบางคนหลังจากเรียนจบไปคงต้องเริ่มต้นเรียนรู้ แต่สำหรับเค้านั้นเป็นเรื่องที่คุ้นเคยอยู่แล้ว ได้ฟังแล้วก็รู้สึกดีใจค่ะ ว่าตลอดเวลา1ปี ที่น้อง ๆ สโมสรนิสิตชุดเก่าต้องเสียสละเวลาทำงานมานั้น ได้เรียนรู้และได้รับหลาย ๆ สิ่ง มากกว่าคำว่า เหนื่อย ข้าพเจ้าเองก็หวังว่าน้อง ๆ สโมสรนิสิตฯ ชุดใหม่ ปีการศึกษานี้จะได้รับประสบการณ์ดี ๆ จากการสละเวลามาทำงานเพื่อส่วนรวมด้วยเช่นกัน