สถานการณ์โลกร้อน (Global Warming) นับเป็นปัญหาใหม่ที่ทั่วโลกกำลังจับตา มีการพูดถึงเรื่อง หลายประเทศร่วมลงนามในพิธีสารเกียวโต (Kyoto Potocal) เพื่อช่วยชะลอและยับยั้งวิบัติภัยธรรมชาติ เพื่อให้นานาประเทศหาแนวทางร่วมกันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การหาพลังงานทดแทน อาทิ พลังงานชีวภาพ พลังงานชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม มีการพูดถึงแนวคิด (Clean Development Mechanism: CDM) ที่เป็นกลไลทางเศรษฐศาสตร์ในการสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนและลดผลกระทบจากภาคอุตสาหกรรม
ไม่ใช่เฉพาะตลาดภาคอุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญ แต่ตลาดด้านการฝึกอบรมเล็งเห็นความสำคัญในประเด็นสภาพแวดล้อมมากดูได้จากหลักสูตรของ Asian Productivity Organization ในปี 2550 ในส่วนของ Interface Sector ประเภท Green Productivity มีทั้งหมด 15 หลักสูตรคือ
หลักสูตรประเภท Green Productivity เป็นกลุ่มที่มีจำนวนหลักสูตรมากที่สุด เมื่อเทียบกับหลักสูตรในด้านการบริหารอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Strengthening of SMEs, Knowledge Management, Total Quality Management หรือ Agricultural Marketing / Processing (http://www.apo-tokyo.org/02upc_sked.htm)
ไม่ใช่เพราะสถานการณ์บังคับ แต่เป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร เป็นการสร้างกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์โดยชูความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสังคม เพื่อนำมาพัฒนาเป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันระยะยาวที่ช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้
“ผมมั่นใจว่า ในอนาคตอันใกล้ จะเกิดมาตรฐานทางด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ขึ้นมากมาย เพื่อปกป้องสภาพแวดล้อมของโลก หากเราไม่เตรียมพร้อมรับมือ ก็เท่ากับเราลดศักยภาพทางการแข่งขันของเราลงไปอีก”
สำหรับนักวางกลุยทธ์ คงจะต้องให้น้ำหนักกับประเด็นในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นของการประเมินปัจจัยแวดล้อมภายนอก (External Factor Evaluation) โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมของไทย
ไม่ทาบว่าของไทยเรามีจัดเรื่องพวกนี้บ้างหรือเปล่าครับ
เมื่อก่อนเคยมีรณรงค์เรื่องใช้ผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 แต่ช่วงนี้เงียบๆไป
อีกอย่างไม่รู้ว่าในภาคอุตสาหกรรมมีความตื่นตัวด้านนี้
อย่างไรบ้างซึ่งเค้าน่าจะต้องมีมาตรการอะไรบ้างนะครับ
เพราะช่วงนี้นำ้มันแำำพงมากๆ
วิธีลดโลกร้อนทุกคนรู้อยู่แล้ว
แต่ไม่ทำ เพราะเห็นแก่ตัว
ต้องลดความเห็นแก่ตัว
ถ้าทำตรงนี้ได้ ปัญหานี้ก็จบ