คำว่า โพชฌงค์ (โพชฌะ+องค์) แปลว่า องค์แห่งธรรมเป็นเครื่องตรัสรู้ มี ๗ ประการ คือ
สติ แปลว่า ความระลึกได้... นั่นคือ เมื่อใจของเราระลึกได้ในขณะนั้น
ธัมมวิจยะ แปลว่า สอดส่องธรรม... นั่นคือ เมื่อใจระลึกได้ ก็สอดส่อง ตรวจสอบ พิจารณาสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ในใจ หรืออารมณ์ขณะนั้น
วิริยะ แปลว่า ความเพียร... นั่นคือ เมื่อเราตรึกตรอง พิจารณาสิ่งที่มีอยู่ในใจขณะนั้นแล้ว เพียงประเดียวหนึ่ง ใจเราก็อาจจะเผลอและส่ายไปหาสิ่งอื่น... ดังนั้น เราต้องมีความเพียรเข้าไปสนับสนุนให้การสอดส่องธรรมดำเนินต่อไปได้
ปิติ แปลว่า ความอิ่มใจ... นั่นคือ เมื่อเราตรึกตรอง สอดส่องธรรมอยู่ มีความเพียรคอยประคับประคองให้อาการเช่นนี้ดำเนินไปอยู่ ความอิ่มใจก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นภายในใจ
ปัสสัทธิ แปลว่า ความสงบระงับ.... นั่นคือ เมื่อใจเกิดความเอิบอิ่ม แล้ว อาการสงบระงับแห่งใจก็ค่อยๆ เกิดขึ้นมา
สมาธิ แปลว่า ความตั้งมั่น .... นั่นคือ เมื่อใจสงบระงับแล้ว ใจก็จะกลับมาตั้งมั่นมากกว่าเดิม
อุเปกขา แปลว่า ความวางเฉย... นั่นคือ เมื่อใจมีความตั้งมั่นมากกว่าเดิม หรือสมาธิหยั่งรากลึกลงไปแล้ว ก็จะวางเฉยไม่ยินดียินร้ายต่ออารมณ์ที่มากระทบ...
....กระบวนการของธรรมเหล่านี้จะเป็นไปตามธรรมชาติ....
หมายเหตุ...
โพงฌงค์ ๗ นี้ มีอรรถลึกซึ้ง ผู้สนใจค้นหารายละเอียดได้จากตำราด้านอภิธรรม หรือผู้ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอภิธรรมได้บรรยายไว้ ซึ่งในอินเตอร์เน็ตก็มีอยู่หลายสำนวน...
สาธุค่ะพระคุณเจ้า
เห็นภาพโภชฌงค์ ๗ เป็นกระบวนการชัดเจนเลยค่ะ
เมื่อมีสติ สามารถระลึกได้ และหากมีความเพียร ก็จะเกิดปิติ เกิดความสงบ เกิดความตั้งมั่น และอุเบกขาในที่สุด
ขอบพระคุณมากค่ะ
ที่จริงกระผมเคยใช้วิธีการเพ่งธรรมเพื่อระงับอาการป่วยทางกาย...
โดยการนึกถึงความจริงความเป็นไปแห่งการป่วยไข้ โรค อาการ กับกายของเราล้วนสัมพันธ์กัน.......ก็พอบรรเทาได้ครับ
นึกมานานเหมือนกันว่าต้องมีกระบวนการของธรรมเหล่านี้จะเป็นไปตามธรรมชาติ...โพชฌงค์ ๗
วิริยะ คือ ความเพียร ตามที่ว่ามา มิใช่ความขยันทางกาย...
แต่.. เป็นความเพียรทางใจ คือ การที่ใจประคับประคองการตรวจสอบ พินิจพิจารณา สิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่ภายในใจให้ดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ...
ความเพียรทางใจ ทำนองนี้ เป็นเจตสิก เรียกว่า วิริยเจตสิก...
วิริยเจตสิก นี้ เป็นสัพพสาธารณเจตสิก ... จัดเป็น กลางๆ เข้าฝ่ายไหนก็ได้ คือ เข้าฝ่ายกุศลก็จัดเป็นกุศล หรือเข้าฝ่ายอกุศลก็จัดเป็นอกุศล...
อาจารย์... อาจค้นหาเพื่อศึกษาต่อไปในประเด็นเหล่านี้ได้....
โดยส่วนตัว อาตมาก็ไม่ค่อยเข้าใจลึกซึ้งนัก...
เจริญพร
นั่น...เป็น บารมีธรรมของท่านเลขาฯ...
มีเรื่องเล่าว่า...เจ้าประคุณสมเด็จรูปหนึ่ง นอนอาพาธอยู่...ท่านคึกฤทธิ์เป็นศิษย์คนสนิทก็มักจะไปเยี่ยมไปเฝ้าอยู่เสมอ...
เมื่อมีเวทนากล้า เจ้าประคุณสมเด็จก็ ร้อง... โอยยยยยยย ปวดดดดดดดดดด ปวดเหลือเกินนนนนนน... ประมาณนี้
ท่านคึกฤทธิ์ ก็มักจะบอกว่า มันไม่เที่ยง ขอรับ...
เป็นไปทำนองนี้ หลายครั้ง หลายคราว...
เจ้าประคุณสมเด็จก็บอกว่า ...
เออ.... รู้แล้ว แต่มันเจ็บนี้หว่า.....
(................)
เจริญพร
กราบนมัสการหลวงพี่ BM.chaiwut
เคยอ่านเกี่ยวกับเรื่องเจตสิกนี้อยู่เหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่ได้ค้นคว้าจริงจัง ถ้ามีหนังสือผ่านมาให้อ่านจึงจะได้อ่านค่ะ จำได้ว่าไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเจตสิกบางเรื่องเหมือนกัน แต่จะไปค้นคว้าเพิ่มเติมตามที่หลวงพี่แนะนำค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ