จากหลายวันก่อนที่กล่าวถึงเรื่องของพ่อก้อน แห่งบ้านยางตาสาด ตำบลสะแก อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ต้อนวัวไปเลี้ยงที่ทุ่งนาใกล้ ๆ กับสวนพริกของน้าพร
วันนี้ก็จะขอเล่าต่อในเรื่องที่พ่อก้อนพูดถึงการเลี้ยงวัวในหมู่บ้านนี้ พ่อก้อนบอกว่า ชาวบ้านยางตาสาดส่วนใหญ่จะมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัวควบคู่กับการทำนา
เหตุที่รับจ้างเลี้ยงเพราะไม่มีเงินทุนซื้อวัวตัวแรกได้ ก็จะใช้วิธีรับจ้างเลี้ยงแล้วแบ่งลูกโคกัน โดยลูกโคตัวแรกที่แม่โคคลอดจะตกเป็นของคนรับจ้างเลี้ยง ตัวต่อไปจะเป็นของเจ้าของวัว
ดังนั้นวิธีการเลี้ยงจึงต้องปล่อยเลี้ยงตามทุ่งนาที่มีหญ้าสมบูรณ์อยู่แล้วไม่ค่อยยุ่งยากและไม่ลงทุนมาก โดยเฉพาะการปลูกหญ้าเลี้ยงจะเป็นการลงทุนมาก จะไม่คุ้มค่า แต่ก็ต้องดูแลให้ดีด้วยเพราะจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
ส่วนพันธุ์โคที่เลี้ยงจะเลี้ยงพันธุ์พื้นเมืองเป็นส่วนใหญ่ เพราะเลี้ยงง่าย ขายคล่อง ให้ลูกดก ไม่ค่อยป่วย
พ่อก้อนเล่าเบา ๆ แบบกลัว อบต.ตามมาเก็บภาษีว่า "ปีนี้พ่อเป็นเศรษฐีย่อม ๆ นะเพราะเลิกรับจ้างเลี้ยง แล้วมาเลี้ยงแต่วัวของตัวเองและยังมีคนมาถามซื้อกันเยอะแยะ ก่อนนี้พ่อก็ขายไปแล้ว สามตัวหมื่น เลี้ยงยังไม่ถึงปีเลย ขายง่ายกว่าข้าวอีก เดี๋ยวสงกรานต์นี้ครึกครืนอีก ทั้งงานแต่ง งานบวชก็จะตามมา รับรองวัวขายดีเป็นเทน้ำเทท่า"
พ่อก้อนบอกว่า วัวขี้แก่นบ้านเรานี้ขายดี ไม่ต้องเลี้ยงวัวงามกันหรอก เพราะซื้อก็แพง แต่ขายแพงไม่ได้ จะเลี้ยงอะไรก็ต้องคิด เลี้ยงแล้วขายไม่ได้ไม่รู้จะเลี้ยงทำไม
นี่คงเป็นสาเหตุที่พ่อก้อนตัดสินใจเลือกเลี้ยงวัวพื้นเมือง เพราะเลี้ยงง่ายขายคล่องอย่างที่ว่า อีกทั้งเนื้อวัวพื้นเมืองเหมาะกับเมนูเด็ดต่าง ๆ ตามตำรับของอีสานประเภทลาบก้อย ที่นิยมนำไปเป็นอาหารจานเด็ดเลี้ยงรับรองแขกตามงานเลี้ยงต่าง ๆ ในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานแต่ง งานบวช ที่มีเกือบทุกฤดูในภาคอีสานเรานี้
สวัสดีค่ะ คุณโสภณ
ขอบคุณค่ะ ที่ติดตามอ่าน จริง ๆ แล้วไม่ได้เลี้ยงวัวค่ะ แต่ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการเลี้ยงโคที่มีการจัดการความรู้สู่ชีวิตที่พอเพียงของเกษตรกรในจังหวัดบุรีรัมย์ ก็อยู่ในช่วงเก็บข้อมูล ตรงบ้าง สะเปะสะปะบ้าง เจออะไรดี ๆ แปลกๆ ก็มาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าท่านใดที่มีประสบการณ์ดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องวัวจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย
ขอบคุณค่ะ
ถูกต้อ