ก่อนอื่น...ขอขอบคุณชาว blog ทุกท่านที่ได้เข้ามาทักทายและให้กำลังใจ "มือใหม่หัดเขียน" นะคะ แล้วจะแวะเข้าไปทำความรู้จักกับ blog ของทุก ๆ ท่านค่ะ
การใช้ IT เป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ "สิ่งที่ดี" ของผู้คนเป็นด้าน positive ของระบบโลกาภิวัตน์ ขณะเดียวกัน หากรู้ไม่เท่าทัน เราก็อาจกลายเป็น "เหยื่อ" ของระบบไปก็ได้...ตรงนี้สะท้อนจากการที่เห็นลูกศิษย์ (รวมทั้งหลานเราด้วย) นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ได้นานทีละหลาย ๆ ชั่วโมง บางคนนั่งได้เป็นวัน ๆ (เหมือนคนติดการพนัน) ทำให้เป็นห่วงว่า...สุขภาพจะเสื่อมก่อนวัยอันควรหรือเปล่า...และตามประสาคนรักธรรมชาติ ...ทำให้คิดไปว่า ...น่าจะแบ่งเวลาไปเดินเล่นชมนก ชมไม้ แสงเรื่อเรืองของท้องฟ้ายามเย็นก่อนตะวันตกดิน น่าจะให้สุนทรียภาพแห่งชีวิตมากกว่าแสงจากหน้าคอมฯ ...ฤามิใช่....
อาจเป็นเพราะผู้คน "เหงา" มากขึ้น "ว้าเหว่" มากขึ้น และ "โดดเดี่ยว" มากขึ้น วันเวลาที่ผ่านไปได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคมและได้สร้างความเป็น "ปัจเจก" ให้แก่วิถีชีวิตเพิ่มขึ้นทุกขณะ เป็นไปได้ว่าโลกแห่งไซเบอร์ตอบสนองความปรารถนาที่มีอยู่ลึก ๆ ในหัวใจ....
ท่ามกลางผู้คนมากมาย ฉันยังคงเหงาและแสวงหาส่วนที่ขาดหายไปในชีวิต....
โจทย์หรือคำถามสำคัญ ไม่ใช่การเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย แต่คือการรู้และเข้าใจว่า "ส่วนที่ขาดหาย" ของชีวิตนั้นคืออะไร?
น่าคิดค่ะ หากรู้ไม่เท่าทัน เราก็อาจกลายเป็น "เหยื่อ" ของระบบไปก็ได้...
คงตัองปรับสมดุลและดูแลตัวเองด้วยค่ะ บางทีก็เพลิดเพลินไปกับการท่องอินเตอร์เน็ตมากเกินไปบ้าง ก็ต้องหากิจกรรมอื่น ทำดูด้วยน่ะค่ะ แต่คนส่วนใหญ่อาจจะลืมคิดถึงข้อนี้ไป
ขอบคุณมากค่ะ ที่ให้แง่คิดดี ๆ ค่ะ ^-^
สวัสดีค่ะอาจารย์ทิพวัลย์
อาจารย์ใช้ถ้อยคำที่งดงามในการเขียนมากเลยค่ะ
แฝงไว้ด้วยข้อคิดดีๆมากมาย
ขอ(แอบ)ชื่นชมอาจารย์อีกคนนะคะ
เข้ามาทักทายอาจารย์ทิพวัลย์ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณมะปรางเปรี้ยว
ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ได้อ่านข้อมูลความรู้ใน blog ของคุณมะปรางเปรี้ยว เลยทำให้ได้เปิด blog สำเร็จค่ะ
วันก่อนน้องที่อยู่ปราจีนให้มะปรางมาชิม...มะปรางวันนี้ไม่เปรี้ยวแล้วนะคะ เป็น "มะปรางหวาน" ซะมากกว่าค่ะ
ใครเอ่ย...M-AOM ....
ตอนเด็ก ๆ เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก โดยเฉพาะบทกวีและวรรณกรรมค่ะ แต่ไม่รู้ทำไมตอนโตไปเลือกเรียนสายวิทย์....ต่อที่เกษตรอีกต่างหาก...ไม่น่าจะไปกันได้เลยเนอะ...โอวาทสี่ของท่านเหลี่ยวฝานบอกไว้ว่า...เบื้องหลังสิ่งที่เราคิดว่าเราลิขิต...อาจเป็นชะตาฟ้าลิขิต...และเบื้องหลัง (อีกชั้น) ของฟ้าลิขิต ก็คือ เรานั้นเองที่สร้างชะตา...
คุณ M-AOM เปิด blog ด้วยหรือเปล่าคะ จะได้เข้าไปเยี่ยมชมบ้างค่ะ
เด็กน้อยไม่ต้องคอยรักนะคะ
เพราะมีคนที่ "รัก" เราอยู่เสมอและตลอดเวลาค่ะ
อยากรู้ไหมว่าคนคนนั้นเป็นใคร...
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต
เป็น " Blogger มือใหม่" นะคะ เทคนิคอะไรก็ทำไมค่อยจะเป็นเลยค่ะ....
ได้แวะเข้าไปเยี่ยมชม blog ของอาจารย์แล้วค่ะ คงได้มีโอกาสเปิดเวที "ปุจฉา-วิสัจชนา" กลางลานหญ้าที่กำแพงแสนกันบ้างนะคะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
M-AOM ไม่ได้เปิด blog ค่ะ ขอติดตามอ่านของอาจารย์ไปดีกว่า ได้ความรู้แบบสุนทรีย์ดีค่ะ
หนู M-AOM ค่ะ
วันนี้ยังไม่เปิด... แต่วันนึงข้างหน้าอาจจะเปิดได้ใช่ไหมคะ หนู M-AOM ทราบไหมคะว่า แม้แต่ Life Diagram เองกว่าจะเปิดได้ก็นาน...เป็นปีทีเดียวค่ะ
ขอบคุณที่จะติดตามอ่านนะคะ..... Cheers
คุณเอส_ครับ
ถ้ารู้และเข้าใจ "เครื่องมือ" ดีพอ ก็คงรู้ว่าจะต้องใช้อย่างไรจึงจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสียค่ะ คงต้องช่วยกันบอกกล่าวเล่าเรื่องค่ะ ผู้คนจะได้ไม่หลงทางค่ะ
เป็น "ข้อคิด"ที่ดีมากเลยค่ะ การจะรู้ว่าสิ่งที่ขาดหายนั้นคืออะไร และแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นสิ่งนั้นจริง ๆ เราก็ต้องลอง "ปฏิบัติ" ให้รู้ได้ด้วยตนเองค่ะ ภาษาพระเรียกว่า "ปัจจัตตัง" ค่ะ
ระบบที่เกิดขึ้นมนุษย์เป็นคนสร้าง ผลดีหรือผลเสียมีด้วยกันทั้ง 2 ด้านอยู่ที่การนำไปใช้ โลกแห่งไซเบอร์ตอบสนองความปรารถนาที่มีอยู่ลึก ๆ ในหัวใจ....
จริงหรือไม่ หรือลอกลวงกัน หรือว่าจริงใจ (อนิจจัง)
หรือความไม่แน่นอน หากเพียงว่าโลกแห่งไซเบอร์
มีความรวดเร็ว สามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว
มีประโยชน์เชื่อมโยงให้ทุกคนสามารถศึกษาหาความรู้ ได้โดยไม่รู้จบจึงทำให้ทุกคนเริ่มแปลกแยก
จนลืมไปว่าเราเป็นมนุษย์สังคม
อาจารย์ประเสริฐและคุณ Little Jazz คะ
โลกแห่งไซเบอร์เหมือนเหรียญสองด้านนะคะ
ใช้อย่างรู้เท่าทันก็เป็นประโยชน์...
แต่ถ้าขาด "สติ" ..แน่นอนค่ะ...อันตรายส่งตรงถึงบ้าน...
ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นดี ๆ ค่ะ
สวัสดีค่ะ
มาเยี่ยมค่ะ
ดิฉันทำงาน(กับcomบ้าง)ด้วย
ไปเล่นกับหลานด้วย พาเที่ยว ช่วยดูแลด้วยความเต็มใจ 3 วัน/อาทิตย์
ในช่วงเย็น จึงจะเข้ามาในG2K ค่ะ
ดิฉันพยายามไม่ใช้สายตามากไปค่ะ ให้มีช่วงห่างบ้าง