สำหรับคนที่เตรียมตัวไปเรียนต่อเมืองนอก


เตรียมตัว

ต่อเนื่องจากบันทึกครั้งที่แล้วเลยนะคะ สืบเนื่องจากมีคนเมลล์มาสอบถามเรื่องการเรียนต่อ ก็ขออนุญาตเขียนบันทึกแม่แบบ (Template) ไว้เป็นข้อมูลพื้นฐานค่ะ

สำหรับคนที่คิดหรือวางแผนว่าจะไปเรียนต่อเมืองนอก ทั้งคนที่กำลังเริ่มคิด คนที่กำลังสมัครเรียน คนที่ได้ที่เรียนแล้วและกำลังเตรียมตัวเดินทาง บันทึกนี้ว่าด้วยการเตรียมตัวไปเรียนเมืองนอก ฉบับเฉพาะตัวค่ะ

 

การเตรียมตัวน่าจะแบ่งได้เป็น 3 ช่วงหลัก ๆ

 

ช่วงของการเริ่มคิดจะไปเรียน

แน่นอนว่าช่วงนี้สิ่งที่จำเป็นคงหนีไม่พ้นเรื่อง สาขาวิชาที่อยากไปเรียน ผลการเรียน คะแนนภาษา และเงินทุน

สาขาวิชา ต้องถามตัวเองก่อนว่าอยากเรียนอะไร โดยเฉพาะคนที่คิดจะมาเรียนเอก ขอให้เลือกในสิ่งที่เราคิดว่าเราเรียนแล้วมีความสุขค่ะ แล้วดูคร่าว ๆ ว่าสาขาวิชาที่เราอยากเรียนนั้น มีสอนอยู่ที่ไหนบ้าง

ผลการเรียน และคะแนนภาษา อันนี้ต่อเนื่องจากที่กล่าวไปตอนแรก ถ้าเรารู้ว่ามหาลัยไหนเปิดสอนสาขาที่อยากเรียน เราก็ลองหาข้อมูลดูสิว่า เค้าต้องการผลการเรียนและคะแนนภาษาแบบไหน เช่นบางที่จะกำหนดไว้ว่าต้องได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งหรือสอง (อันนี้ขอพูดถึงเรื่องเรียนโทและเอกเป็นหลักนะคะ) หรือต้องได้เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ คะแนนภาษาต้องเป็น TOEFL/ GRE/ IELTS และต้องใช้คะแนนสักเท่าไหร่ เราจะได้วางแผนและตั้งเป้าสำหรับเรื่องภาษาได้ถูกค่ะ และอย่าลืมเรื่องกำหนดเวลารับสมัครด้วยนะคะ จะได้เตรียมตัวทัน วางแผนกันเนิ่น ๆ

เงินทุน สำหรับคนที่จะไปทุนส่วนตัว ลองดูว่าค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายโดยทั่ว ๆ ไปสักเท่าไหร่ ส่วนคนที่ต้องหาทุนจากแหล่งอื่น เช่นทุนรัฐบาล ต้องดูช่วงเวลาเปิดรับสมัครและสาขาที่ให้ไปเรียน รวมทั้งข้อผูกมัดหลังเรียนจบว่าจะได้ไปทำงานที่ไหนค่ะ

 

ถ้าเตรียมตัวขั้นแรกนี้เสร็จแล้ว มีสถานที่ที่อยากจะไปเรียนอยู่บ้างแล้วในใจ มีผลการเรียนที่พอเหมาะ และมีคะแนนสอบภาษาอังกฤษเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งมีแหล่งทุนพร้อม มาดูขั้นตอนต่อไปเลยค่ะ

 

ช่วงของการสมัครเรียน

กรณีเรียนโท จะสมัครเรียนได้ต้องมีเอกสารทุกอย่างพร้อมนะคะ จดลงในกระดาษเลยค่ะว่าจะสมัครเรียนที่ไหนบ้าง เอกสารอะไรที่จำเป็นต้องใช้ คุณสมบัติที่ต้องมี เช่นผลการเรียน คะแนนภาษา และแหล่งทุน

เมื่อมีเอกสารพร้อมและคุณสมบัติผ่าน ก็ไม่ต้องรอช้าค่ะ ส่งใบสมัครไปได้เลย ประมาณเดือนนึงก็รู้ผลค่ะ ว่าหมู่หรือจ่า

กรณีเรียนเอก สิ่งที่สำคัญคืองานวิจัยค่ะ หาข้อมูลเรื่องงานวิจัยในสาขาที่ไปเรียน อ่านรายละเอียด อ่านผลงานตีพิมพ์ และติดต่อกลับไปหาอาจารย์ที่เราสนใจจะทำวิจัยด้วยค่ะ (นี่ในมุมของมาเรียนต่อที่อังกฤษนะคะ สำหรับคนที่สนใจไปเรียนอเมริกา หรือประเทศอื่น คงมีหลักที่แตกต่างกันไป) สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ลองติดต่อคุยกับอาจารย์คนที่เราสนใจนะคะ สังเกตดูว่าเค้าให้คำอธิบายอย่างไร พูดคุยกันรู้เรื่องถูกคอรึเปล่า ถ้าเป็นไปได้ ก็ลองไปพบหน้าพบตาตัวเป็น ๆ แต่ถ้าอยู่กันคนละประเทศ ลองโทรคุยกันสักครั้งสองครั้งก็ดีค่ะ เลือกอาจารย์ที่คิดว่าคุยกันรู้เรื่องเข้าใจ เรียกง่าย ๆ ว่ารู้สึกคลิกกัน ถูกชะตา ทำนองนั้น เพราะเรียนเอกนี่ อาจารย์ที่ปรึกษาเป็นคนที่สำคัญค่ะ

ส่วนคนที่สนใจเรื่องอันดับของมหาลัย (University Ranking) ไม่ว่าจะเป็นตัวของมหาลัยเองหรืองานวิจัยเฉพาะทางหรือแม้แต่ชื่อเสียงของอาจารย์ที่ปรึกษา เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มากน้อยแค่ไหนค่ะ แต่มีข้อคิดไว้นิดหน่อยว่า

 มหาวิทยาลัยและใบปริญญาเป็นเพียงแค่ใบเบิกทาง ผลงานและกาลเวลาต่างหากจะเป็นสิ่งพิสูจน์คน

ชื่อเสียงและผลงานการวิจัย ไม่ได้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าอาจารย์ท่านนั้นจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาที่ดี

 

เมื่อได้ที่เรียนเรียบร้อยแล้วก็มาถึงช่วงเตรียมตัวก่อนเดินทางค่ะ

 

เตรียมตัวก่อนเดินทาง

อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเทศที่จะไปค่ะ ดูเรื่องอากาศ ที่พักและอาหารเป็นหลัก ๆ ขอพูดถึงที่ UK แล้วกันนะคะ ที่นี่อากาศแบ่งเป็น 4 ฤดูค่ะ ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง ส่วนใหญ่แล้วจะเปิดเรียนกันช่วงเดือนกันยาหรือตุลา อากาศยังไม่หนาวมาก แต่ก็หนาวนะคะ

เตรียมเสื้อกันหนาว เสื้อโค๊ต แจ๊คเก็ตติดตัวมาบ้าง แล้วค่อยมาหาซื้อเอาที่นี่ค่ะ เพราะเสื้อผ้าแต่ล่ะที่ก็จะเหมาะกับอากาศที่นั้น ๆ นะคะ แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนของที่นี่ ใส่เสื้อผ้าแบบเมืองไทยได้สบายเลยล่ะค่ะ ขนมาได้ตามใจชอบ

อาหารการกินของไทยมีขายอยู่ที่ร้านจีนเป็นส่วนใหญ่ค่ะ เครื่องปรุงหลัก ๆ เช่นน้ำปลา ซีอิ๋ว น้ำมันหอย เครื่องแกงทั้งหลาย ผงปรุงอาหาร บะหมี่ พวกนี้ไม่ต้องห่วงค่ะ มีแน่นอน แต่สำหรับอาหารแห้ง ติดตัวมาตามชอบใจ ใครชอบทานอะไร อาหารท้องถิ่นแบบไหน ขนมาได้ตามใจชอบอีกเช่นกัน

ส่วนสิ่งอื่นๆ ที่คิดว่าน่าจะเตรียมมาด้วย ก็เช่น หม้อหุงข้าวใบเล็ก ๆ   แต่มาหาซื้อที่นี่ก็ได้เช่นกัน จานชามช้อนแก้วสักชุด สำหรับใช้ช่วงแรก บะหมี่สักนิดหน่อย สำหรับมื้อแรกอีกเช่นกัน เผื่อว่ามาแล้วไม่มีอะไรกิน อ้อ ถ้าใครมีเครื่องใช้ไฟฟ้ามาด้วย ก็อย่าลืม adapter เพราะที่นี่ใช้ปลั๊กสามหัว ถ้าไม่รู้ว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน ก็นี่เลยค่ะ ไปพันทิพย์แล้วถามร้านค้าว่ามาหาซื้อ adapter สำหรับประเทศอังกฤษ แค่นี้ก็เรียบร้อยค่ะ หายห่วง

อีกอย่างที่อยากแนะนำก็คือ ติดต่อหานักเรียนไทยในเมืองที่เราจะไปเรียน เช่นแต่ละเมืองในอังกฤษจะมีสมาคมนักเรียนไทยอยู่ ลอง search “Thai society + ชื่อเมืองที่จะไปแล้วลองติดต่อนักเรียนไทยที่อยู่เมืองนั้นดู ว่ามีอะไรที่ควรเตรียมไปเป็นพิเศษรึเปล่า น่าจะทำให้ได้ข้อมูลที่เฉพาะมากขึ้นค่ะ โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัย ว่าควรจะอยู่ที่พักของมหาลัย พักข้างนอก เช่าบ้าน เช่าแฟลต หรือพักย่านไหน เรื่องพวกนี้ต้องติดต่อคนไทยในเมืองนั้น ๆ ค่ะ

 

และนี่ก็เป็นวิธีเตรียมตัวโดยทั่ว ๆ ไปสำหรับคนที่คิดหรือกำลังจะมาเรียนต่อต่างประเทศ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้สำหรับน้อง ๆ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ขอให้โชคดีค่ะ

 

หมายเลขบันทึก: 91328เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2007 06:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 14:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

สวัสดีครับคุณน้องณิช

ยอดเยี่ยมไปเลยครับ :D

มาทิ้งเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ

ในเรื่องการเลือก university ranking ครับ

บางโรงเรียนนั้นชื่อดังในเมืองไทยครับ แต่ก็ไม่ได้แบบขั้นแนวหน้า แต่บางโรงเรียนนั้น แนวหน้าระดับโลก แต่ไม่มีชื่อที่เมืองไทยเลยครับ

ดังนั้นเวลาเลือกก็ต้องคิดดูดีๆครับ ว่าจะไปทำอะไรที่ไหนยังไง เพราะว่าถ้าตั้งใจว่ากลับไปแล้วทำงานที่เมืองไทย เลือกโรงเรียนที่ขึ้นชื่อในหมู่คนไทย ก็อาจจะมีภาษีดีกว่านะครับ

แต่ก็อย่างที่คุณน้องณิชบอกครับ ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล :D

โชคดีนะครับคุณน้อง

สวัสดียามค่ำคืนค่ะพี่ต้น

ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ หุหุ :D

ที่ต้องเขียนเรื่องของ ranking ไว้หน่อยก็เพราะมีคนเมลล์มาถามเรื่องนี้มากค่ะ ณิชไม่ทราบว่าแต่ละคนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากแค่ไหน แต่ก็เข้าใจนะคะว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่เราต้องมีข้อมูลพวกนี้มาใช้ในการตัดสินใจ 

เห็นด้วยกับพี่ต้นเลยค่ะว่ามหาลัยที่มีชื่อนั้น ต้องคิดว่าคือชื่อระดับโลกหรือชื่อติดหูในหมู่คนไทย

เคยได้รับเมลล์มาปรึกษาว่าอยากไปเรียนที่เอดินเบอร์ก ประเทศสก๊อตแลนด์ แต่ครอบครัวไม่ให้ไปเรียน เพราะอยากให้ลูกเรียนอังกฤษ ลูกจะได้มีชื่อว่าเป็นนักเรียนอังกฤษ แล้วก็ให้ลูกไปเรียนมหาลัยที่มีทีมฟุตบอล เพราะชื่อจะติดหูคนไทย บอกใครไปว่าลูกเรียนที่ไหน จะได้มีคนรู้จัก ว่าอ้อ ที่นั่นที่นี่ ฟุตบอลทีมนั้นทีมนี้

นี่แหล่ะค่ะ

ณิช 

อ่านเรื่องครอบครัวน้องคนนั้นแล้ว น่าเห็นใจเหลือเกินค่ะ โถ่ เป็นงั้นไป

ดูพี่สิ มา UBC ดังจะตายที่นี่ แต่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก

รุ่นน้องคนนึงเล่าให้ฟังว่า มีญาติถามว่า ทำไรอยู่ เรียนจบยัง น้องบอก อ๋อ ยังเรียนอยู่ที่ UBC ครับ ญาติตอบว่า อะไรนะ อ้าว ทำงานแล้วหรือ นึกว่ายังเรียนอยู่ (แป่ว! นึกว่าทำงานเคเบิ้ลทีวีไปซะได้) ๕๕๕๕


ถ้ามหาวิทยาลัยมันดี มันก็จะค่อยๆเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยเอง ก่ิอนพี่มา พี่คุยกับอ.รุ่นพี่ที่เค้าจบที่นี่ ดูความคิดเค้า  การงานเค้า ฟังประสบการณ์เค้าแล้ว พี่ก็ตัดสินใจมา UBC เลยไม่ต้องคิดมาก

แล้วพี่ก็ไม่ผิดหวังเลย : ) 

แต่ด้วยความที่คนไทยน้อย ที่ University of British Columbia นี้ไม่มีสมาคมนร.ไทยนะคะ ฝากไว้ เผื่อใครสนใจ เพราะคิดว่าบันทึกน้อง ณิช อันนี้ ต้องฮิตติดตลาดไปอีกนานแน่นอน เป็นประโยชน์กันน้องๆพี่ๆที่กำลังหาที่เรียนต่อมากค่ะ

ขอบคุณนะ ณิช 

สวัสดีค่ะพี่มัทนา

เรื่องนี้ณิชเองก็เจอกับตัวค่ะ University of Edinburgh เป็นมหาลัยอันดับ Top5 ของ UK ก็ว่าได้ มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นมหาลัยยอดฮิตสำหรับนักเรียนในหลาย ๆ ประเทศ แต่ไม่ดังคุ้นหูสำหรับคนไทยอีกเช่นกัน น่าเสียดายค่ะ

UBC นี่ตอนแรกณิชเองก็นึกถึงชื่อเคเบิลเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ เสียดายที่ไม่มีสมาคมนักเรียนไทยนะคะ เพราะถ้ามีจะเป็นประโยชน์มากเลยค่ะ :D

ณิช 

สวัสดีจ้าคุณณิช

วันนี้คุยกันทั้งเช้าเลยแฮะ 555

มาเจอเรื่อง ranking เลยอดไม่ได้

มันคงเป็นเรื่องหลังจากจบมากกว่าล่ะ ว่าจะเอาชื่อมหาวิทยาลัยที่เรียนไปใช้ทำอะไร เช่น

ถ้าเพิ่งจบตรี เรียนมาจากม.ที่คนไทยนิยม และเชื่อถือ (ไม่ว่าจะจบสาขาอะไร) ก็อ๋อ...จบที่...หรอ เก่งจัง 555 เอาไปสมัครงานง่ายเลย

ถ้าเรียนโท อันนี้คนไทยเริ่มเรียนในบ้าง นอกบ้าง ถ้าบอกว่าจบจากประเทศ... ฮู้ววว จบนอกด้วยเก่งจัง พ่อแม่ภูมิใจสุดๆ

-__-" เรียนจบในจ๋อยไปเลย คนไม่รู้จัก ...จบที่ไหนนะ ...หรอ (ฟังผิดเป็นอีกที่นึง 555 เพราะเค้าไม่รู้จัก)

เรียนเอก... เนื่องจากไม่ได้เอาไว้ใช้สมัครงานแล้ว (เพราะได้ทุน ต้องไปใช้ทุนอีกนาน จะไปสมัครไหนได้ 555) เลยไม่ได้สนใจเรื่อง ranking หรือชื่อเสียงของตัวมหาวิทยาลัย

แต่สนใจอาจารย์และเรื่องงานวิจัยที่เราจะทำ (อย่างที่ณิชว่า) ว่าอาจารย์อยู่ที่ยูไหนก็ติดต่อไปโดยตรง เพราะเราต้องอยู่กะเค้านาน แต่อย่างน้อย ต้องกำหนดประเทศซะหน่อย ไม่งั้นเวลาหาจะกว้างไป

ก็เป็นประการละฉะนี้ล่ะคร้าบบบบ

^___^

สวัสดีอีกครั้งจ้าP IS

วันนี้เข้ามาทักทายกัน 3 เรื่อง 3 รส รวดเดียวเลยนะ ฮ่าๆ

อ่านแล้วเห็นภาพเลย ตั้งแต่ตรี โท เอก อ่านไปขำไปแถมใช้จินตนาการอีกนิดหน่อย หุหุ สุดท้ายเจอประโยคที่ว่า

เรียนเอก... เนื่องจากไม่ได้เอาไว้ใช้สมัครงานแล้ว (เพราะได้ทุน ต้องไปใช้ทุนอีกนาน จะไปสมัครไหนได้ 555)

อันนี้โดนใจ ใช่เลยยยยยย :D

ณิช 

  • เป็นประโยชน์มากเลยครับ
  • คงได้เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบ่อยๆ
  • ตามน้าแนนข้างบนมาครับผม

แบบรูป ที่ง่าย ต่อการปฏิบัติมากเลยครับ

สวัสดีค่ะคุณขจิต P 

และคุณตาหยู P

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ ไว้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ่อย ๆ นะคะ :D

ณิช 

 

 

  • เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ไว้ในอนาคต

สวัสดีค่ะคุณP Mr_Jod

อย่าลืมเก็บความรู้ไว้บอกเพื่อนฝูง และคนข้างบ้านด้วยนะคะ :D

ณิช 

สวัสดีค่ะพี่ณิช  น้องชื่อเคียวนะค่ะ ขอบคุณพี่ณิชมากนะค่ะพี่ณิชให้รายละเอียดเรื่องการเตรียมตัวไปเรียนต่อไปละเอียดมากค่ะ  น่าสนใจมากค่ะ น้องอยากไปเรียนต่อที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์นะค่ะ ด้านสาขาการโรงเเรมและการท่องเที่ยว  มหาลัยhtmiนะค่ะ ที่นั่นดีมากหลักสูตรก็ดี บรรยายกาศสวยมาก พี่ณิชค่ะพี่ณิชช่วยให้คำปรึกษาหน่อยได้มั้ยค่ะว่าเราควรทำอย่างไรให้ได้ไปเรียนที่นั่น  คือพอดีเรื่องภาษาอังกฤษน้องพูดได้นะค่ะ แต่ยังไม่เก่งไม่คล่อง กลัวว่าพอไปอยู่โน้นเเล้วจะเรียนไม่ได้  เพราะมันเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้น แล้วที่โน้นไม่รู้เรียนยากรึป่าว  คืออยากให้พี่ณิชแนะนำหน่อยนะค่ะ น้องกะว่าจบม.6แล้วจะไปเรียนปริญญาเอกที่โน้นนะค่ะ ขอบคุณพี่ณิชล่วงหน้านะค่ะ

แล้วจะต้องเตรียมสเตตเม้นเท่าไหร่ขึ้นค่ะถ้าจะไปเรียนต่อประเทศอังกฤษนะค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้านะค่ะ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ ข้อมูลมีประโยชน์มากๆเลยค่ะ สำหรับคนไทยที่จะไปเรียนต่อเมืองนอกทั้งหลาย

พี่ยังอยู่ที่อังกฤษไหมคะ ตัว Mook เองเรียนไม่เก่งมาก เลยใช้วิธีการมาเรียนกวดวิชาก่อนแล้วค่อยต่อมหาวิทยาลัย มีให้เลือกหลายหลักสูตร ทั้งก่อนไป ปตรี ปโท ปเอก หรือแบบเรียนภาษาอังกฤษพร้อมทำงานไปด้วย ค่าเรียนไม่แพง (ไม่ถึง 300,000บาทค่ะ สำหรับค่าเรียน3เทอม/1ปี และช่วยเหลือตั้งแต่ขอวีซ่า จนถึงไปอังกฤษ ขอเลขสำหรับทำงานและรักษาพยาบาลฟรี พร้อมแนะนำงานให้ด้วย ที่เรียนอยู่ใจกลางเมืองเคมบริดจ์เลย ชื่อCambridge Seminar Tutorial College )ค่าใช้จ่ายไปอยู่เคมบริดจ์ก็ไม่แีพง พี่ที่ไปอยู่ก่อนบอกว่าเดือนนึงไม่ถึง 30,000บาท ทำงานได้สัปดาห์ละ 20ชม ชม ละ 8-12ปอนด์ ยังไงก็พอ ใครไปโครงการนี้ไว้เจอกันที่เคมบริดจ์ กลางเดือน กย นี้นะึคะ ตื่นเต้นๆๆ

ใครไปโครงการ นี้ เมล์มาคุยกันบ้างนะคะ จะได้เป็นเพื่อนกันค่ะ ยินดีรู้จักทุกๆคนค่ะ [email protected]

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท