“...ไปนั่งกำหนดอยู่ที่สงบๆ เห็นอารมณ์ ชัด... จนมีรูปเปรียบขึ้นมาคล้ายๆ กับรังแมลงมุม... แมลงมุมจะไปทำรัง มันจะขยายใยมันออกไปทางโน้นทางนี้ๆ ตัวมันเองจะจับกลางรัง มันจะ เฉ๊ย... เก็บตัวเงียบ ไม่ดุกดิก...”
“...เมื่อแมลงผึ้ง แมลงวันมาติดรังปุ๊บ.. มันก็วิ่งชาร์จเข้าไปจับ จับแมลงไว้.. แล้วก็วิ่งกลับมาอยู่ที่เดิม...”
“...ตา หู จมูก ลิ้น กาย ... เหมือนรังแมลงมุม
.....จิตก็เหมือนตัวแมลงมุม...”
พอมีอะไรมากระทบ ซึ่งก็คือ แมลงอื่นทั้งหลายที่เข้ามาติดกับ จิตหรือเจ้าแมงมุมของเราก็จะวิ่งเข้าไปจับ ไปยึดไว้ ยึดไว้ไม่ปล่อย ซึ่งเป็นที่มาของทุกข์ทั้งหลายนั่นเอง...
ดิฉันเห็นภาพเลยว่า จิตของเรากำลังชักใยใหญ่ขึ้น เหมือนผัสสะเรามันโตขึ้น รับความรู้สึกต่างๆ ได้มากเหลือเกิน ทำให้แม้แมลงตัวเล็กตัวน้อยขนาดไหน (เรื่องเล็กเรื่องน้อยขนาดไหน) ก็กระทบจิตเราให้วิ่งไปหาเหมือนแมงมุมวิ่งกินเหยื่อได้
สวัสดีค่ะ
ในเรื่องของจิต ถ้าเราพยายามรักษาจิตของเราไม่ให้ไปยึดติดอะไรมากนัก จิตของเราจะสูงขึน เรียกว่า จิตเป็นอิสระค่ะ
เป็นจิตไม่คับแคบ ม่เครียด ไม่ถุกบีบคั้น มีแต่ความเบาสบายค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณsasinanda
ใช่เลยค่ะ เราไม่ควรทำให้จิตของเราไปยึดมั่นถือมั่นหรือยึดติดกับอะไรมากนัก
ยึดมาก ก็ทุกข์มากค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ
สวัสดีค่ะ อ.Ranee
ต้องยกความดีให้หลวงปู่เลยค่ะ ดิฉันได้ฟังแล้วประทับใจมาก... จนต้องนั่งถอดเทปเขียนบันทึกเพื่อเล่าให้คนอื่นๆ ฟังด้วย
ทั้งเรียบง่าย ทั้งลึกซึ้ง นี่แหละรสพระธรรมค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาให้ข้อคิดเห็นนะคะ
สวัสดีครับ
ธรรมะสวัสดีครับ
สวัสดีคะ อ.Aj Kae
ยินดีมากค่ะ ในเว๊บนั้นมีพระเกจิอีกหลายท่านที่ดิฉันยังไม่ได้เข้าไปชมนะคะ กำลังค่อยๆ ฟังอย่างสงบสุขมากเลยค่ะ
แล้วอาจารย์อย่าลืมเล่าเรื่องจิตกับคนเลี้ยงวัวนะคะ น่าสนใจมากค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ
สวัสดีค่ะคุณธรรมาวุธ
สวัสดีครับอาจารย์ หวังว่าอาจารย์จะสบายดีนะครับ
ผมมองว่าจิตที่เปรียบเหมือนแมงมุมทำรัง ในแง่ของการขยายตัวของรัง ใช่เป็นการที่จิตสามารถเป็นเหตุและเป็นปัจจัยสืบต่อของดวงจิตไปเรื่อยๆ เช่น เมื่อเห็นสิ่งที่สวยงามก็นึกชอบใจแล้วเกิดความอยากได้ขึ้นมา แล้วก็คิดต่อว่าทำอย่างไรจะได้มา ถ้าเอามาตรงๆไม่ได้ก็มีความคิดที่จะหาเลห์กลหรือหลอกลวงที่จะได้มา รู้สึกว่าเป็น สิ่งที่เกิดขึ้นแบบรวดเร็วมากบางทีขนาดมีสติยังต้านความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเหล่านี้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า
สวัสดีค่ะ คุณฉัตรชัย
ดิฉันสบายดีค่ะ หายไปเนื่องจากไปสัมมนาต่างจังหวัด แล้วก็ประชุมค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ ; )
เรื่องของแมงมุมกับจิตที่ดิฉันเขียนในบันทึกนั้น เป็นส่วนที่ดิฉันถอดเทปมาจากเทศนาธรรมของหลวงปู่ชา ซึ่งท่านเปรียบจิตคือตัวแมงมุม และใยแมงมุมที่เป็นบ้านของแมงมุมเปรียบเสมือน อยาตนะทั้งหลายของคนนั่นคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย นั่นเอง
ดังนั้น ถ้ามีอะไรมากระทบตา เช่น เราเห็นของชิ้นหนึ่ง ก็เกิดการปรุงแต่งของจิตเสียแล้วว่าเรา "ชอบ" ซึ่งแมงมุมได้วิ่งไปจับแมลง"ชอบ" เสียแล้ว พอ"ชอบ" แล้ว แมงมุม(จิต)อาจวิ่งไปจับแมลง"อยาก" แล้วถ้าจิตไม่นิ่งเลย ไม่เกิดสติ จิตหรือแมงมุมก็อาจวิ่งไปจับแมลงตัวอื่นๆ หรือกิเลสต่างๆ ที่สะสมอยู่ต่อไป
ดังนั้น ถ้ารังแมงมุมใหญ่มาก มีแมลงมาติดกับเยอะ (กิเลสเยอะ) ก็แปลว่าแมงมุมหรือจิตของเราในที่นี้ก็จะวิ่งไปมาอยู่ตลอดได้ หากไม่มีสติเกิดขึ้นเลย
แต่หากฝึกเจริญสติมาบ้างแล้ว จิตของเราเมื่อมีอะไรมากระทบก็อาจจะวิ่งไปจับ แต่เมื่อเรารู้ทัน หรือดูทัน (นั่นคือเรามีสติ) จิตก็จะปล่อยวาง แมงมุมก็จะกลับมาอยู่ที่กลางรัง ประมาณนั้นค่ะ
ดิฉันก็อธิบายตามความเข้าใจของตัวเองเหมือนกันนะคะ อาจจะถูกหรืออาจจะผิดก็ได้ค่ะ ; ) การเปรียบจิตกับแมงมุมของหลวงปู่ชาเป็นการยกตัวอย่างโดยให้เห็นเป็นภาพ เช่น แมงมุม ที่คนส่วนใหญ่เคยเห็น เพื่อผู้ฟังจะได้เข้าใจเรื่องจิตได้ง่ายขึ้น แต่ว่าแต่ละคนอาจมีการตีความจิตกับแมงมุมแตกต่างกันไปได้ เอาเป็นว่าตีความแบบไหนเข้าใจได้ง่าย แบบนั้นแหละค่ะถูกต้องแล้ว...
ขอบคุณที่เข้ามา ลปรร เสมอนะคะ
สวัสดีค่ะคุณบางทราย
ไม่ทันได้อ่านข้อคิดเห็นของคุณบางทรายก่อนตอบคุณฉัตรชัย ต้องบอกว่า คิดตรงกันเลยค่ะ ที่บอกว่าจิตวิ่งไปมาจับโน่นจับนี่ตลอด แต่ของคุณบางทรายนี้บอกว่ากระโดดออกไปนอกรังเลย ถ้านับเป็นจิตก็ต้องบอกว่าฟุ้งซ่านออกนอกอยาตนะของตัวเองเลย ประมาณว่าเห็นคนได้รับบาดเจ็บ เราก็รู้สึกเจ็บตาม แล้วก็เจ็บแค้นแทนเขา ฯลฯ ซึ่งจริงๆแล้วถึงเจ็บแค้นแทนอย่างไร ก็คงแก้ไขอะไรแทนเขาได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน
ดิฉันก็มีแผนเหมือนกันที่ปลีกวิเวกค่ะ ; ) ตอนนี้คิดว่าจะลองฝึก ปฏิบัติแถวนี้ดูสักตั้งก่อน เมื่อไหรที่ทำแล้วไม่เกิดประโยชน์ต่อใครอีก ก็คงถอยเหมือนกันค่ะ
การอยู่ในสังคม ก็ทำให้เราได้ฝึกตลอดเวลา ถ้าเราเตรียมตัวดี ก็ดี เพราะจะเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มาก ประมาณว่าใครจะมารูปแบบไหนก็พอจะรับได้ แต่ถ้าเจอศึกหนักจริงๆ เห็นท่าไม่ดี ก็คงต้องรักษาตัว ถอยไปตั้งหลัก แล้วค่อยออกมาใหม่ตามความจำเป็นค่ะ : )
การเข้ามา ลปรร ใน G2K นี้ดีมากนะคะ ในสังคมนี้ ดิฉันพบกัลยาณมิตรและเห็นความคิดหลากหลายของคนเยอะเลย นับว่าเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติมากๆ เลยค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาให้ข้อคิดเห็นดีๆ นะคะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ กมลวัลย์
คิดถึงค่ะ
สวัสดีค่ะ ครูอ้อย
เรื่องชื่อลิงค์ที่หดไปเรื่อยๆ นั้นเป็นไปตาม evolution ซึ่งเป็นกฎธรรมชาติค่ะ อะไรที่ไม่จำเป็น มันจะค่อยๆ หลุด หรือหายไปเรื่อยๆ ค่ะ 5555 ประมาณว่าเหมือนลายเซ็นค่ะ เซ็นไปเซ็นมาในแฟ้ม ไหงหดไปเรื่อยๆ ไม่เชื่อลองย้อนกลับไปดูลายเซ็นเก่าๆ ดูซิคะ 55555
ดิฉันดีใจมากค่ะ ที่บันทึกที่เขียนนี้มีประโยชน์ แต่ดีใจมากเกิน ออกนอกหน้าไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวจะหาว่าขาดสติ 5555
โอ้โห จะให้เป็นอ.ที่ปรึกษาหรือคะ เอ... ใครจะปรึกษาใครกันแน่คะเนี่ย... ; )
แมลงมุมคือจิต
และใยนั้นมีข่ายแตกแยกออกไปทุกทิศ
ประดุจดังประสาทสัมผัสหรืออายตนะภายใน
แมลงคืออารมณ์ที่เป็นอาหารของจิตและมีหลากชนิด
ความเหนียวของใยเปรียบดังตัณหา ที่ยึดติดแน่นและหลงไหลในอารมณ์
แมลงมุมบางตัว ตื่นเต้น วุ่นวายกับการที่มีเหยื่อมากมายมาติดกับ...เดี๋ยวต้องกรูออกไปจับ ไปจับอยู่ร่ำไป
แมลงมุมบางตัว เรียนรู้มากขึ้น...นิ่งรออยู่อย่างนั้น เลือกเวลาที่จะออกไปจับและปลดแมลงบางตัวออกทิ้งเสียบ้างเพราะไร้ประโยชน์ที่จะกิน
แมลงมุมบางตัว...เกาะตัวนิ่งในศูนย์กลางของใย ไม่ยินดีจะออกไปจับ แม้มีสัญญาณมากระทบ...เพียงแต่รู้อยู่อย่างนั้น
แวะมาอ่าน...แล้ว...ขออนุญาตแลกเปลี่ยนครับ
สวัสดีค่ะ อ.พิชัย กรรณกุลสุนทร
ขอบพระคุณค่ะ อาจารย์ที่ช่วยอธิบายเพิ่มเติม ดิฉันก็พยายามฝึกเป็น แมงมุมประเภทสุดท้ายอยู่เหมือนกัน ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ ตอนนี้ก็มีออกไปจับโน่น ดูนี่อยู่บ้างค่ะ
ถ้ามีเวลา รบกวนอาจารย์อ่านบันทึกนี้นะคะ เผอิญเขียนขึ้นตอนช่วงสงกรานต์และอาจารย์ไม่ได้ login พอดี ตอนนี้คิดว่าจะแจ้งให้ทราบเท่านั้นค่ะ : )
แวะมาขอบคุณอาจารย์มากครับ ที่กรุณาให้เกียรติ
ผมเข้าไปอ่านที่อาจารย์เขียนแล้ว...เขินมาก หากเป็นสาวคงหยิกทึ้งเสื่อขาดไปหลายผืนแน่...ดีว่าเป็นหนุ่มจึงกำหนดทัน
อ.หนูลูกหว้า ไปพบกับผมแล้วครับ ได้คุยกันประมาณชั่วโมง ตัวจริงของอ.ลูกหว้าสวยใสยิ่งกว่าในรูปครับ และหน้าเธอมีเค้าลูกครึ่งจริงๆ(เหมือนแขกขาว)
หากมีวาสนาคงได้พบและสนทนาธรรมกันกับอาจารย์ครับ อยากบอกว่าบันทึกของอาจารย์เป็นบันทึกธรรมที่ผมติดตามอ่านใน G2N นี้
ดีใจมากค่ะที่คุณ ทีน่า เห็นภาพชัด
หลวงปู่ ท่านเข้าใจเอาเรื่องที่เราเข้าใจได้ชัดเจนอยู่แล้วมาเปรียบค่ะ พอเราเข้าใจ เรารู้ เราก็จะระมัดระวังมากขึ้น ไม่หลงกลเป็นแมงมุมที่วิ่งไปมาตลอดเวลาค่ะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ : )
สวัสดีค่ะ อ. พิชัย กรรณกุลสุนทร
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ ที่ให้เกียรติ ติดตามอ่านบันทึกของดิฉัน เขินเหมือนกันค่ะ กำหนดจิตตามเกือบไม่ทันเหมือนกัน ; )
ดิฉันได้แวะไปดูรูปที่บันทึก อ.ลูกหว้า แล้วค่ะ แต่ละคนหน้าตาผ่องใสทั้งนั้น คิดเหมือนกันว่าอาจมีโอกาสได้สนทนาธรรมกับอาจารย์ (ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะมีอะไรใหม่มาสนทนาหรือเปล่า ; ) แต่แค่ได้พบก็คงจะดีมากแล้วค่ะ) ดิฉันมีไปสอนที่ มช. บ้างค่ะ เทอมหน้าน่าจะมีไปสอนบ้าง แต่เขายังไม่ได้นัดมา เพราะยังไม่ถึงเวลา แล้วจะแจ้งให้ทราบอีกทีค่ะ อาจได้รบกวนอาจารย์ค่ะ
ยินดีครับ
หากอาจารย์มาเชียงใหม่ ผมจะได้ถือโอกาสเชิญมาพบปะเลี้ยงข้าวเหนียวและสนทนาธรรมและเผื่อจะเชิญมาบรรยายที่มหาวิทยาลัยบ้าง เบอร์โทรผม081-9524075 ครับ
ขอบคุณมากค่ะ
ชอบตอนที่อ.อธิบายว่า นึกภาพตามคำสอนแล้วร้อง อ๋อ! : )
ฝรั่งที่รู้จักท่านหนึ่งที่เป็นศิษย์อาจารย์ชาเคยพูดไว้ว่า
ผมชอบศาสนาพุทธเพราะมันฟังแล้ว "make sense" ฟังแล้วเห็นภาพและเข้าใจ
อ่านบันทึกอ.แล้วทำให้นึกถึงคำพูดเพื่อนฝรั่งคนนี้มากค่ะ : )
สวัสดีค่ะ อ.พิชัย กรรณกุลสุนทร
ขอบคุณสำหรับหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อนะคะ ดีใจๆ แล้วจะติดต่อไปค่ะ
สวัสดีค่ะ อ.มัทนา
ดีใจที่อาจารย์ชอบนะคะ ดิฉันก็ชอบที่ท่านเทศน์มากเลยค่ะ ฟังเรื่อยๆ สบายๆ ย้ำเตือนให้เราประพฤติดี ประพฤติชอบ ขนาดฝรั่งยังมาเป็นลูกศิษย์ท่านเลย ดีจริงๆ
ขอบคุณอาจารย์ที่แวะมาให้ข้อคิดเห็นนะคะ ; )
ชอบจังเลยค่ะ เปรียบจิตเป็นแมงมุม และ อาตยนะ เป็นรังแมงมุม
จริงๆเลยค่ะ เห็นด้วยมากๆ
นั่นสิคะ เรื่องราวใดล้วนดัก
และ จิตก็ไม่หยุดที่จะจับซะที ทั้งที่บางทีก็เหนื่อยแต่ก็ไม่หยุด เป็นเพราะแรงขับของกิเลสโดยแท้
ช่างเหมือนแมงมุมที่จับกินเหยื่อด้วยกิเลสเป็นแรงขับเหมือนกันค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ลืมบอกไปค่ะ ว่า
ศรัทธาหลวงปู่ชา ค่ะ ท่านเทศน์ได้เรียบง่าย แจ้งใจ เห็นภาพชัดเจนดีจังค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ ซันซัน
หลวงปู่ชา ท่านนอกจากมีปัญญาดีแล้ว ยังถ่ายทอดได้ดีมากๆ ด้วย พวกเราทั้งหลายถึงได้ประทับใจในคำสอนของท่าน เพราะเป็นอะไรที่สัมผัสได้จริง เข้าใจได้จริง ปฏิบัติได้จริง
ธรรม เป็นสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเรา อยู่ในตัวเรา ให้เราได้ศึกษา ทำความเข้าใจได้ตลอดเวลา
ดีใจที่ได้เจอกัลยาณมิตรอีกหนึ่งคนนะคะ
ขอบคุณนะคะที่แวะเข้ามาอ่าน และให้ข้อคิดเห็นด้วยกันค่ะ
สวัสดีค่ะ ดร.กมลวัลย์
ดีมากๆเลยค่ะ ฟังธรรม หลวงปู่ชาแล้ว อยากปฎิบัติให้ได้เหมือนที่ท่านสอนไว้จังเลย ยิ่งถ้าไปที่วัดหนองป่าพงยิ่งสงบมาก บริบทภายในวัดล้วนแล้วแต่คำสอนธรรม ทั้งนั้น ขอบคุณมากค่ะที่นำคำสอนของท่านมาให้อ่านสบายกายสบายใจดีมากคะ
สวัสดีค่ะคุณครู จริยา
ถ้าชอบฟังธรรมจากหลวงปู่ สามารถไปที่เว็บที่ให้ที่อยู่ไว้ข้างต้นนะคะ ดิฉันก็ไปดาวน์โหลดเสียงเทศน์ของท่านมาจากที่นั่นแหละค่ะ
ดีใจที่มีส่วนช่วยทำให้คุณครูสบายกายสบายใจค่ะ เรื่องจิตกับแมงมุมนี้หลวงปู่ท่านเปรียบไว้ชัดเจนจริงๆ วันหนึ่งวันหนึ่งจิตดิฉันก็วิ่งไปมาหลายรอบเหมือนกัน แต่ถ้าเราเจริญสติดีๆ ทำไปเรื่อยๆ ตามที่จะทำได้ จะรู้ว่าเราละเอียดขึ้น จับอารมณ์ละเอียดๆ ได้มากขึ้น และอารมณ์ใหญ่ๆ ไม่เกิดอีกแล้วค่ะ
ขอบคุณคุณครูที่แวะเข้ามาอ่านและให้ข้อคิดเห็นเสมอเลยนะคะ ^ ^
สวัสดีครับอาจารย์
ตามมาจากบันทึกล่าสุดครับ...
เป็นการเปรียบเทียบแบบหนึ่ง..
ที่ทำให้เห็นภาพของจิตได้ชัดขึ้นนะครับ...
จิตคือแมงมุม....
ใยแมงมุม คือ... อายาตนะ...(ภายใน)
สิ่งที่มากระทบ ...(ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นอายาตนภายนอก)
แต่ในวิถีปกติ ...สิ่งที่มากระทบนั้นมีตลอดเวลา แม้ว่าจะปิดหู ปิดตา ...
จิตนั้นชิน และชอบที่จะเข้าไปจับ ไปแช่..กับอารมณ์....
โดยเฉพาะธรรมารมณ์..
บางครั้งการตามรู้ใหม่ๆ ก็เหนื่อยมากๆ และอาจจะท้อได้นะครับ..
เพราะงงๆ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร....
จริงๆบางครั้งผมก็งงๆครับ... แต่ไม่ท้อ พยามอยู่ครับ
เพราะว่ายิ่งปฏิบัติ ยิ่งได้..ครับ ไม้จะช้า..ก็ตาม
ขอบคุณครับ
ตามมาเหมือนกันค่ะ อาจารย์ยกธรรมะดีๆจากครูบาอาจารย์มาฝากกันเสมอ ได้ข้อคิดจากเรื่องที่เรียบง่าย เข้าใจง่าย เป็นข้อเตือนใจเอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เป็นกุศลอย่างยิ่งค่ะ
ขอบคุณค่ะ
เตือนจิต เตือนใจกันดีแท้แท้
ชัดเจน ถูกเผง กระทบจิตสำนึกทันที เจ้าแมงมุมเอ๋ย อยู่เฉยๆนะ อย่าหวั่นไหว แม้มุมโน้นจะมีแมลงอร่อยบินมาติดก็ตาม นิ่งไว้ ...ท่านเปรียบเทียบดีจริงๆครับ ธรรมชาติ สอนจิต
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีค่ะน้องหมอ
พี่ไม่ค่อยรู้เรื่องอายตนะที่แบ่งเป็นภายใน ภายนอกสักเท่าใหร่ ^ ^ เลยไม่รู้จะให้ข้อคิดเห็นอย่างไร เวลาตัวเองปฏิบัติก็ยังไม่ค่อยละเอียดกับบางเรื่องมากนัก เน้นตามดู พิจารณาให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พี่ว่าถ้าจิตไปอยู่กับธรรมารมณ์มากๆ ฟังดูแล้วน่าจะดีนะคะ น่าจะเกิดการพิจารณาทำให้เกิดปัญญาตามขึ้นมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ^ ^
ขออนุโมทนากับสิ่งที่ดีๆ ที่น้องหมอทำนะคะ การปฏิบัติดีๆ นั้นนอกจากเราจะได้ผลดีจากการปฏิบัติแล้ว คนรอบๆ ตัวก็จะได้ไปด้วย ทั้งเพื่อนร่วมงาน คนไข้ ครอบครัว ฯลฯ
สวัสดีค่ะพี่นุช
ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจกันเสมอนะคะ บันทึกนี้เขียนไว้นานแล้วค่ะ ช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้นั่งฟังเทปธรรมะอย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักเท่าไหร่ แต่ตอนไปเมืองนอกคงได้ฟังมากขึ้น แล้วถ้ามีอีกจะนำมาเขียนเล่าสู่กันฟังอีกค่ะ ^ ^
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
ใช่ค่ะ ท่านเปรียบเทียบแล้วสอนเราได้ตรง ชัดเจนจริงๆ หลวงปู่ชาท่านมีความสามารถทางด้านนี้จริงๆ นับว่าเป็นบุญของพวกเราค่ะ สำหรับตัวเองแล้ว ท่านได้ให้ความกระจ่างในหลายเรื่อง ที่ถ้าให้ไปอ่านหนังสือธรรมะเอง ก็คงไม่ได้เท่าที่ท่านเทศน์ให้ฟังไม่กี่ประโยคนี้หรอกค่ะ ^ ^ เหมือนกับที่อ่านบันทึกของพี่น่ะค่ะ ถ้าให้ไปลาวเอง ไปเที่ยว ก็คงไม่ได้ความรู้เหมือนกับที่อ่านจากบันทึกน่ะค่ะ
ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ