อ่านไป....คุมไป


 

 

          โอ๊ย....นิดๆหน่อยๆครับ!...   .............. ผมว่าเราอย่าไปกังวลนักเลยครับ  เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ซะมั่ง  อย่าจริงจังนักครับ เด็กๆเขาดูๆกันนิดๆหน่อยๆไม่น่าจะเป็นอะไร  คะแนนไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมาย  นานๆที เราเดินเฉียดๆให้เขาเห็นเขาก็เกรงใจไปเอง ผมว่าเราน่าจะใส่ใจกับเรื่องใหญ่ๆ เช่นเรื่องงบประมาณ เรื่องการหารายได้  เรื่องการปรับระบบให้เป็นมหาวิทยาลัยติดอันดับกันดีกว่า 
           กะแค่ไอ้เรื่องเล็กๆน้อยๆ แค่เด็กดูกันนิดๆหน่อยๆ มันไม่ทำให้ชาติล่มสลายหรอกครับ คนใหญ่คนโตเขากินกันออกโครมๆ ไม่เห็นเราจะสิ้นชาติตรงไหน และที่สำคัญผมว่าตอนเด็กๆเราต้องเคยลอกข้อสอบกันแล้วทุกคน  ก็เห็นโตมาได้ดิบได้ดี
          มันเรื่องธรรมดานะครับผมว่าไม่เห็นจะแปลกอะไรเลย

                                เราไม่ได้ฆ่าคนนี่ครับ ! 

 

          

           

          เรื่องใหญ่นะคะ!    ......... ดิฉันคิดว่าเรื่องใหญ่ที่เราไม่ยอมให้ตัวเองกังวล และไม่ยอมให้สังคมนี้กังวล  คือเรื่องลอกข้อสอบ ทั้งที่การปล่อยให้ลอกข้อสอบ เป็นการปลูกฝังการโกงตั้งแต่เด็ก
           การที่อาจารย์คุมสอบมองการแอบดูข้อสอบเป็นเรื่องเล็ก  ก็เพราะเขาไม่เห็นนัยยะของการทุจริตเชิงโครงสร้าง และนี่คือการปลูกฝังค่านิยมทางลบโดยที่เราไม่รู้ตัว 
          ค่านิยมที่ว่า "ลอกไม่ผิด ทุจริตไม่เป็นไร"  เป็นวิธีคิดของคนโกง          
          ถามว่าสถาบันอุดมศึกษาเราจะผลิตซ้ำคนแบบไหนคะ  คนสุจริต หรือคนทุจริต คนดี หรือคนโกง
          หากเราทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ละเลย เพิกเฉย ไม่ป้องปรามหรือลงโทษให้เด็ดขาด  เขาจะติดเป็นนิสัย  เขาเคยโกงเล็กๆได้ เขาก็จะกล้าโกงใหญ่ขึ้น ๆจนในที่สุดก็กล้าโกงบ้านกินเมืองอย่างที่เราเห็น  นี่ก็เพราะปล่อยปละละเลยตั้งแต่ยังเล็ก
                       

                             ดิฉันว่านี่แหละคือการฆ่าคนทั้งเป็น !

 

 

 ..................................................................................................................

 

หมายเหตุ :

1. เรื่องนี้ได้นำลงสารประชาสัมพันธ์รายวันของมหาวิทยาลัย   โดยอยู่ในช่วงวันคุมสอบ 

2. สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีในเรื่อง  เป็นตัวละครสมมุติค่ะ 

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #บทความตามใจ
หมายเลขบันทึก: 92766เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2007 05:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 เมษายน 2012 15:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (37)
  • สวัสดีครับคุณครู
  • สบายดีไหมครับ
  • เรื่องนี้ น่าสนใจมากๆ เลยครับ ผมว่าในชีวิตจริงก็คงมีคนคิดแบบนี้เยอะครับ ปล่อยปละละเลย มองว่าเป็นเรื่องเล็ก
  • เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ในการสร้างหนทางให้เด็กในการโกงหรือมีนิสัยท้าทายอยากลอง
  • มาเจอครูแบบเด็ดๆ เข้าซักราย คงหลาบจำครับ อิๆ แบบว่าออกแบบให้การวางข้อสอบสลับกันโดยอาจจะออกข้อสอบหลายๆ ชุดวางสลับกัน
  • หรือว่า แจ้งในหัวข้อสอบไปเลยว่า มีข้อสอบกี่ชุด สลับกัน ทำให้เด็กสับสนว่ามีข้อสอบเรียงกันอย่างไร แล้วก็ใช้วิธีการหลอกให้สับสนเล่นครับ
  • เด็กจะมีความท้าทายในการสอบหรือการลอกมากๆ ขึ้นครับ
  • หากลอกกันมาก ก็ให้ข้อสอบแบบถามเพื่อนได้ไปเลยครับ หรือว่าเอาหนังสือเข้าได้ ก็ได้ครับ
  • อยากลอกกันมาก ก็ให้อิสระในการลอกไปเลยครับ แต่ต้องหาคำถามเด็ดๆ ให้ละลายใจไปเลยครับ
  • หากการลอกข้อสอบเป็นเรื่องที่ไม่เกรงกลัวต่อบาป ไม่ใช่ละอายต่อบาป ปัญหาใหญ่ จะตามมาเมื่อวันหนึ่งโตใหญ่ขึ้นครับ ก็พร้อมที่จะทำอะไรกันครับ
  • ขอบคุณมากๆ นะครับ คุณครู ทำให้ผมคิดถึงวิธีการแก้ครับ ว่าต่อไปน่าจะได้อะไรในการป้องกันเรื่องนี้ครับ
วิธีหนึ่ที่เคยพบคือ เมื่อมีการลอกกัน คุณครูให้ F ทั้งห้อง เป็นการใช้สังคมรับผิดชอบร่วมกันค่ะ

สวัสดีค่ะ อ.ดอกไม้ทะเล

ดิฉันเห็นด้วยค่ะ ว่าเราควรเข้มงวดกับการทุจริต ไม่ว่าจะรูปแบบใดค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของนักเรียน นศ. ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

  • สวัสดีค่ะคุณเม้ง
  • วิธีแก้เกมในห้องสอบของครูเด็ดๆ เอ๊ยของคุณเม้งเร้าใจมากอะค่ะ    ชอบใจจัง  คือดิฉันก็เคยขำกลิ้ง   ตอนเจอเด็กๆตอบเหมือนเพื่อนสนิทของเขาที่นั่งด้านข้างเปี๊ยบ   ทั้งที่ข้อสอบเป็นคนละชุด 
  • ดิฉันก็เลยต้องให้เธอสองคนติดไอเลิฟยู   แล้วก็เชิญมา "อบรม" ทุกวันตลอดภาคเรียนถัดไป  เจอกันทุกวัน  เธอคงเซ็งดิฉันไปนาน  อิอิ  
  • ดิฉันลำบากใจอยู่เรื่องนึงนะคะ  เด็กบางคนที่ลอกข้อสอบ  อาจไม่ใช่เด็กทุจริตเป็นนิสัยถาวร  แต่ส่วนหนึ่ง (ย้ำนิดนึงว่าส่วนหนึ่ง) ทำข้อสอบนั้นไม่ได้จริงๆ   ด้วยเหตุผลบางประการ  
  • ขณะเดียวกัน  เด็กที่ดิฉันสอนหลายคน ไม่ลอกเพื่อน  แต่ยอมให้เพื่อนลอก  คือเสี่ยงไปด้วยกัน  แถมยอมรับผิดแทนเพื่อนด้วย  แบบคู่ที่เล่ามา  คือเธอรักกันมาก  ไม่อยากให้เพื่อนตก
  • เมื่อมีกรณีที่หลากหลายแตกต่างดังนี้  ดิฉันในฐานะผู้สอน  ก็ต้องแยกเคสเทศนาเป็นเคสๆไป  ต้องจับเหตุในใจเขาให้ได้ ว่าหลักๆแล้วเขาลอกเพราะอะไร  แล้วก็พูดเจาะให้ตรงกับใจเขา 
  • ขณะเดียวกัน วิธีประเมินผลของเราก็ต้องปรับให้เข้ากับแนวทางที่เราพูดด้วย  คือประเมินตามสภาพจริงของการทำงาน 
  • คือเฉพาะเด็กๆห้องที่เราสอนมากับมือ ก็ใช้เวลาเป็นเทอมเหมือนกันนะคะ
  • สำหรับวิธีป้องกัน  ดิฉันเคยมีประสบการณ์ประทับใจ (คืออันนี้ต้องขอบคุณเด็กๆรุ่นนั้นด้วยด้วย) ดิฉันเคยสอนภาษาไทย ม.4  เรื่องธรรมาธรรมะสงคราม โดยให้เธอไปอ่านมาก่อนและบอกว่าครูจะสอบก่อนสอน
  • ถึงชั่วโมงเรียน  ดิฉันถามเธอว่า  ไม่มีใครอยากสอบตกใช่ไหม (ความจำเป็นของชีวิต)   เธอบอกว่าใช่
  •   ดิฉันก็ถามต่อว่าถ้ามีโอกาสดูเฉลยที่ครูเผลอวางไว้บนโต๊ะ  ก่อนเข้าห้องสอบ  เด็กๆจะดูไหม  (โอกาสอำนวย) และบอกเด็กๆว่า โอกาสมาเร็วไปเร็ว  โอกาสมาถึงแล้ว  คุณจะดูไหม
  • คือที่จริงพูดมากกว่านี้  บางทีคำพูดก็น่ากลัวนักมันกระตุ้นอะไรๆได้เยอะ   
  • จากนั้นก็ให้เด็กๆยกมือ พร้อมบอกเหตุผลทั้งสนับสนุน และ โต้แย้ง
  • เด็กกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ยกมือตอบว่าดู  และให้เหตุผลที่น่าสนใจมาก  มีเพียงไม่กี่คนที่ตอบว่าไม่ดู  และย้ำว่า ต้องมีความซื่อสัตย์  แถมไม่ยอมจำนนเสียงข้างมากง่ายๆเสียด้วย 
  • ดิฉันถล่มด้วยเหตุผลอันน่าลอกอย่างไร  เธอก็ยังยืนกรานว่าเธอไม่เลือกทำอย่างนั้น
  • ข้างฝ่ายเสียงส่วนใหญ่ก็ดีใจเป็นอันมาก  เพราะรู้สึกว่าดิฉันสนับสนุน     ดิฉันให้เธอแย้ง(เถียง)กันจนได้ที่แล้ว ก็สรุปสั้นๆว่า
  • ........นี่แหละ     แบบที่ในเรื่องธรรมาธรรมะสงครามบอกไว้

            สัญญามีตรามั่น  ก็จะเรียกกระดาษชิ้น     

            ละทิ้งธรรมะสิ้น  เพราะอ้างคำว่าจำเป็น

  • ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป  ดิฉันรู้สึกได้ในนาทีนั้นว่าเด็กๆจำนวนหนึ่งเข้าใจ   ซาบซึ้ง   และเห็นจริง  ดิฉันไม่ได้แปลบทประพันธ์ให้เขาฟังทุกบท  ไม่ได้ไล่บอกศัพท์ทีละคำ แบบที่ครูภาษาไทยที่ดีพึงทำ  
  • หากเด็กๆอีกจำนวนหนึ่ง  บ่นว่าดิฉันสอนอะไรก็ไม่รู้  ทำไมไม่สอนความรู้ที่ใช้สอบเอ็นท์   ที่เรียนนี่เอาไปใช้สอบเอนท์ไม่ได้...... 
  • ดิฉันได้คำตอบว่าทันทีว่า   ต้องไปหาที่ที่เรามีอิสระที่จะคิด และสร้างสิ่งที่เราเชื่อ  เพราะดิฉันไม่กลัวที่จะสร้าง  แต่จำเป็นต้องมีพิ้นที่ๆเปิดกว้างให้  โดยที่เราจะไม่ทำให้น้องเล็กๆที่น่ารักต้องลำบากใจ
  • และดิฉันคิดว่า  เรื่องที่ยากลำบากที่สุดก็คือ การแก้ค่านิยมประทับตราติดยี่ห้อ  อันเป็นค่านิยมปลายทางที่น่ากลัวมาก 
  • หากเด็กๆเห็นแก่ยี่ห้อและตราประทับ  คือหวังเกรดและใบปริญญา มากกว่าคุณค่าแท้ของ  ผลที่เกิดจากการกระทำของตนเอง ก็จะทำให้เขาเสียศรัทธาในการลงมือทำจริง การเพียรพยายามทำและอดทนรอผลตามเวลาจริง    แต่ไปศรัทธา "ทางลัด"   และวิธีการสำเร็จรูป  ที่จะทำให้ตัวได้อะไรเร็วๆ    มาแทน  แล้วก็กระทบระบบคุณธรรมทั้งหมดในสังคม กระทบระยะยาวแบบที่ครูไม่มีทางวิ่งปุเลงๆตามไปบอกได้ทัน
  •  เพราะครูก็ติดอยู่ในตาข่ายของระบบเดียวกัน
  • ในฐานะครู  ดิฉันก็จะเพียรพยายามคิดหาวิธีสื่อสารเรื่องนี้กับเด็กๆต่อไปนะคะ  เมื่อสื่อสารไปแล้ว  ดิฉันก็ได้แต่รอวันที่เขาจะกลับมาบอก  ว่าที่เคยคุยเคยฝึกกันไว้นั้น  เขาไปสอนลูกเขาว่าอย่างไรบ้าง....
  • คือถึงรอว่าเมื่อถึงวันนั้นเขาคงจูงมือกันมาบอกยายมั่งอะค่ะ   อิอิ.....  : )
  • สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณใบบุญ    ดิฉันเงยดูคำตอบตัวเองข้างบนแล้วตกกะใจ  ไม่รู้ทำไม  เพื่อนถามคำเดียวดิฉันตอบสิบคำทุกที  :)
  • หวาย...ตกใจอีกทีอะค่ะคุณใบบุญ  ติดทั้งห้องจริงๆเหรอคะ   ( สงสัยอาจารย์คงเหลืออดแล้วจริงๆ  ..... :) )
  • อรุณสวัสดิ์ค่ะ อาจารย์ ดร. กมลวัลย์
  • เวลาคุมสอบ  ดิฉันปวดร้าวใจมากค่ะ  ดิฉันรักเด็กๆทุกคนถึงแม้จะไม่เคยสอน  ด้วยความรู้สึกว่าเราก็เคยอายุเท่าเขามาก่อน  อารมณ์ประมาณนี้เราเข้าใจ  เป็นใคร.....ใครก็ไม่อยากสอบตก
  • ดิฉันก็เพียรบ่นเพียรดุไปค่ะ  หวังว่าเธอจะกรุณาหวาดหวั่นกันบ้าง  ดิฉันจะได้ไม่จ๋อยมากนัก
  • แต่เมื่อครั้งหนึ่งที่เห็นเขาลอกกันอย่างมั่นใจโดยไม่สะทกสะท้านต่อสายตาจ้องเป๋งของดิฉัน   ทำให้ดิฉันเสียใจมาก...... 
  • เพราะตอนเล็กๆ  แค่ครูตวัดตามองแว่บเดียว  ดิฉันก็ใจหายวาบ  ดินสอแทบหลุดจากมือแล้วอะค่ะ   :) 

สวัสดีค่ะคุณดอกไม้ทะเล ขอบคุณที่ไปแวะเยี่ยมเยียนกันและกำลังใจที่มีให้

ขอเป็นกำลังใจให้แก่ครูผู้มีความเป็นครูจริงๆเช่นกันค่ะ ส่วนมากครูสมัยนี้เป็นเพียงผู้รับจ้างสอนหนังสือ เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าเราควรจะอบรมบ่มนิสัยเรื่องดีๆกันแต่เด็กๆ ให้เขามีความละอายและเกรงกลัวการทำผิด ทำชั่วเสียแต่ยังเยาว์ สิ่งที่คุณดอกไม้ทะเลทำอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายหรือเรื่องเล็ก หลายประเทศที่ล่มจมก็เพราะปัญหาของการทุจริตนั่นเอง คนมีโอกาสน้อยก็โกงน้อย มีโอกาสมากก็โกงมาก คนที่ยังไม่ได้โกงก็เพราะยังไม่มีโอกาส คิดแล้วน่ากลัวหากสังคมของเราจะเป็นเช่นนั้น

สรุปมุ่งมั่นต่อไปกับการปลูกฝังจริยธรรมให้กับเยาวชนของเรานะคะ ขออนุโมทนากับการสร้างกุศลกับแผ่นดินค่ะ

สวัสดีค่ะพี่แอมป์

ชอบค่ะ..ชอบทั้งวิธีสอน..วิธีจัดการกับเด็กและวิธีจัดการกับผู้ใหญ่ ^ ^

การลอกข้อสอบไม่ควรที่จะเกิดขึ้นค่ะ เพราะถ้ามองว่าเป็นเรื่องเล็กแล้วต่อไปก็จะสะสมวิธีคิดแบบนี้ไปอีก ( ตอนเรียนก็ถูกลอกเหมือนกันค่ะ แต่อาจารย์สลับข้อสอบก็เลยสบายไป ..ส่วนจะขอลอกคนอื่นเบิร์ดก็สายตาสั้นก็เลยเอาตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนี่แหละ อิ อิ ..ถ้าไม่สายตาสั้นก็น่าคิดนะคะเพราะเวลาคนเราทำไม่ได้ขึ้นมา ก็..ทำอะไรผิดๆได้เหมือนกัน )

 สัญญามีตรามั่น  ก็จะเรียกกระดาษชิ้น     

            ละทิ้งธรรมะสิ้น  เพราะอ้างคำว่าจำเป็น..

ถูกใจจริงๆค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะอาจารย์ คุณนายดอกเตอร์

รู้สึกยินดีมากและขอบพระคุณมากค่ะที่อาจารย์แวะมา
ขอบพระคุณมากๆสำหรับคำอวยพรค่ะอาจารย์ เป็น "คำครู"ที่มีค่ามากสำหรับครูไกลปืนเที่ยงอย่างดิฉัน  และเป็นกำลังใจให้ดิฉันตั้งใจทำงานที่ดิฉันรักต่อไปอย่างมั่นใจ :)
ข้อเขียนของอาจารย์ทำให้ดิฉันได้เห็นคุณค่าที่ลึกซึ้งของการปฏิบัติธรรมนะคะ  คือดิฉันคงมิได้คิดไปเองคนเดียว  เพราะที่อ่านมาหลายความเห็นก็รู้สึกตรงกัน ....คืออ่านแล้ว  "เย็น"......

ขอบพระคุณอาจารย์มากนะคะ

 

 

สวัสดีตอนเช้าค่ะ

P

ดีใจจังเบิร์ดที่แวะมาจ๊ะ  ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ พี่แอมป์โชคดีชะมัดที่ได้เข้ามาใน GotoKnow  เพราะพี่ได้พบกับมิตรที่พร้อมจะสื่อสาร  ทำให้ปัญญาแตกฉานขึ้นอีกมาก  

ชอบที่เบิร์ดเห็นไปถึง "วิธีจัดการกับผู้ใหญ่"  อิอิ  คิดได้ไง  ตอนเขียนพี่ยังนึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย  มานึกได้ตอนเบิร์ดบอกเนี่ยค่ะ  เจอผู้รู้เท่าทันการสื่อสารตัวจริงแล้วอะ..... :)

ปล. อยากบอกว่าในบันทึกของเบิร์ดที่ผ่านมาเป็นการร่วมสนทนาที่มีความสุขมากกกกก   เบิร์ดชวนคุยในเรื่องที่จับอยู่ในขั้วหัวใจพี่แอมป์เลยนะคะ  ผู้ร่วมสนทนาทุกท่านก็น่ารักมากๆ   คุยเสร็จแล้วรู้สึกสว่างไสว เห็นอะไรๆชัดแจ๋วขึ้นเยอะเลย

ขอบคุณน้องเบิร์ดมากจ้า....

ลอกข้อสอบ ลอกการบ้าน ลอกวิทยานิพนธ์ ลอกผลงาน เพราะ"ใครๆเขาก็ทำกัน" ...ต่อมาก็พัฒนาความเก่งโดยการลอกเนียนๆ คือลอกแล้วเอาไปประกอบใหม่ ตัดต่อย่อหน้าใหม่ เพิ่มคำหรูหรา เติมเครื่องประดับให้ดูดี...คนรู้ไม่ทันก็นึกว่าเก่ง...ต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ..เพราะมองเห็นช่องทางเอารัดเอาเปรียบเหยียบบ่าคนอื่น พอมีอำนาจก็เลยต้องตามทำลายคนที่รู้เบื้องหลัง...

วงจรวินาศนะคะ...เริ่มเล็กๆ ก็ร้ายแล้ว ต่อไปจะหวังให้มีจิตสำนึกเอง..จะยากไปเรื่อยๆ ..ถึงจับได้คาหนังคาเขาก็ยังอาจอ้างข้อบทกฎหมายมาอธิบายเอาตัวรอด ไม่ยอมเสียภาษี...อ้าว....เลี้ยวไปเลี้ยวมาได้....

  • สวัสดึค่ะ อาจารย์จันทรรัตน์ 
  • ประเดี๋ยวบันทึกดิฉันจะกลายเป็นบันทึกจานร้อน  แต่คาดว่าจะอร่อยดี :)   (เอ่อ.....ดิฉันเย้าเล่นแก้ง่วงในวันเกือบสิ้นเดือนนะคะ )
  • จากสภาพจริงที่เห็นในการคุมสอบ  คือแม้จะเป็นการป้องกันที่ปลายเหตุ แต่ก็คงต้องทำไปก่อน  (อย่างดีที่สุด)  
  • การแก้ระบบใหญ่นั้นยากมาก  และมีวงจรอันน่าหวาดหวั่นแบบที่อาจารย์ว่าให้เห็นตัวเป็นๆ  ครูน้อยอย่างดิฉันก็ได้แต่ยืนมองตาปริบๆ
  • แต่ในระบบห้องเรียนเล็กๆที่ดิฉันอยู่  ดิฉันก็สู้ยิบตาเหมือนกัน  เพราะถ้ายอมตั้งแต่ระบบเซลล์ ก็อาจนำไปสู่อาการหัวใจล้มเหลวได้  
  • .อ่า.......ดิฉันพาเลี้ยวไปออกไปสายวิทย์แล้วอ่ะค่ะ   :)

สวัสดีค่ะอาจารย์

เด็กๆลอกการบ้าน ลอกข้อสอบ ผู้ใหญ่ลอกบางส่วนของผลงานคนอื่นโดยไม่อ้างอิงค่ะ =ละเมิด

ลิขสิทธ์

สวัสดีค่ะ คุณsasinanda

  • ดิฉันคิดว่าบางทีระบบใหญ่ก็เอื้อต่อการละเมิดเหมือนกันค่ะ เพราะตัดสินจากผลงานโดยไม่ทราบกระบวนการผลิตที่แท้จริง   และไม่มองไปถึงสภาพจริงของผู้ผลิตผลงานนั้นด้วย
  • รู้สึกดีใจจริงๆค่ะที่คุณ sasinanda แวะมาเยี่ยม ดิฉันตามอ่านบันทึกอยู่นานแล้วค่ะ ได้เข้าใจงานสายธุรกิจมากขึ้นอีกเยอะ  รู้สึกด้วยใจจริงว่าผู้ที่อยู่ในวงการธุรกิจ เป็นผู้รอบรู้ รู้ทั้งคนและงาน และรู้จริง เพราะเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง    และเชื่อว่าเป็นผู้รู้เท่าทันการสื่อสารที่แท้จริงด้วย :)
  • และที่ดิฉันชอบอ่านมากคือบันทึกและไฟล์ที่เล่าเรื่องหลานๆค่ะ  เห็นภาพเลย  อ่านแล้วชื่นใจดีค่ะ

ที่โรงเรียนผม

ถ้าทุจริตในการสอบ

..ถ้า ทุจริต แล้ว ได้ ให้ ตก

..ถ้า ทุจริต และ ตก ให้ ออก

ถ้า ขโมยเงินหรือสิ่งของ ไม่ว่าจะมีค่า 1 บาท หรือ 1ล้านบาท

..บทลงโทษ ไล่ออก

การโกง การทุจริต ไม่มีข้อแก้ตัว

เพราะเราสอนกันตลอดเวลา และให้มีอยู่กับตัวตลอดเวลา

ทุจริต นี่ทั้งคนลอก และ คนให้ลอก ด้วยครับ

..ใครให้ลอก ก็ถือว่า คิดและทำการ การทุจริตด้วย มีสถานะความคิดการกระทำ เท่ากับคนลอก

คนไม่เก่ง แต่ยังเป็นคนดี

ดีกว่า

คนเก่ง แต่ไม่ดี

หลานเด็กน้อยสารภี

สวัสดีค่ะ จารย์...

อิฉันตามอ่านทุกเรื่อง

 และหาคำตอบให้กับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง...

ประเด็นเด็กลอกข้อสอบเนี่ย...

 ..

อยากจะถามอาจารย์ว่า

เด็กในห้องเห็นเพื่อนลอกข้อสอบ

แต่ไม่กล้าบอกครู...

เพราะเพื่อนจะว่าเอาภายหลัง

 อาจารย์คิดอย่างไรคะ ?

สังคมไม่เพียงแต่สอนให้เด็กเป็นคนดี

แต่ (อาจจะ) ลืมสอนให้คนดี รู้จักระวังตัว

 

ท้ายนี้ยืมคำของน้องชายที่พูดกะอิฉัน

เมื่อคราวที่อิฉันบ่นเรื่องการทำงานให้ฟัง

(และอิฉันว่าคงเหมาะกับอาจารย์ไม่น้อยเทียวค่ะ)

น้องชายบอกว่า...

คนแบบนี้แหละ...

ต่อไปจะเป็นกำลังที่ดีของประเทศชาติ

(สู้ต่อไป...ทาเคชิ)

@^-^@

สวัสดีครับ คุณ

P
 แวะเข้ามาอ่านช้าไปหน่อย...ความจริงไม่หน่อยหรอกนะ...ช้ากว่าใครเพื่อน...อิอิ

เคยประสบเหตุการณ์ทำนองเดียวกัน  เพียงแต่ครูให้ท่านักเรียน  ทำไม่เห็นเสีย   เวลาคุมสอบครั้งต่อไป
นักเรียนจะชอบให้ครูคนนี้หรือประเภทเอาหูไปนาเอาตาไปหายาย เอ๊ย! เอาตาไปไร่ มาคุมสอบอีก

เคยได้ฟังคำกล่าวของท่านพุทธทาสสอนพระภิกษูใหม่(ตอนตัวเองบวช) ท่านบอกว่า..."อย่าอ้างว่าคนนั้นยังทำได้(ชั่ว)  เราก็ทำ(ชั่ว)บ้าง"   คำว่า"ชั่ว"ท่านไม่ได้พูดหรอกนะผมพูดเองครับ
ผมมานึกดูในสังคมปัจจุบัน  เรามักได้ยินคำพูดทำนองนี้บ่อยๆ  "ใครๆเขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละ"
คือว่า...อ้างคนอื่นเพื่อตนจะทำชั่วบ้าง  แต่ทีคนอื่นทำดีไม่ยักกะทำตามแฮะ
...พูดไปพูดมาชักติดลมนะ  ไม่เกี่ยวกะการคุมสอบซักกะนิด..ขออภัย ครับผม

สวัสดีค่ะคุณตาหยู

  • ดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะ ในการตั้งกฏที่เด็ดขาด และบังคับใช้เป็นกติกลาง  และทำจริง  เอาจริงทั้งโรงเรียน  และจะสร้างคนให้ละอายต่อการทุจริตได้จริงๆ  ดิฉันเคยรู้จักเพื่อนๆหลายคนที่ถูกฝึกมาเช่นนี้และประทับใจมาก
  • ขณะเดียวกัน ดิฉันก็มีโอกาสได้เห็น กฏ  อันเป็นสัญญามีตรามั่นอยู่ในกระดาษ  แต่ผู้ตัดสินมิได้มีคนเดียว  และแต่ละคนก็ตัดสินไปตามวิจารณญานของตน ในพื้นที่และเวลาที่ตนมีอำนาจตัดสิน  สัญญาอันมีตราแปะอยู่ก็มิได้ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป   เพราะกติกาที่ไม่เป็นสากลเสียแล้ว
  • จึงเรียนตรงๆว่าดิฉันก็หนักใจ  คนรับผิดก็จะถูกประหาร คนเอาตัวรอด ก็จะลอยนวลไป 
  • ดิฉันจึงเปลี่ยนการวัดผลประเมินผลเสียใหม่   ไม่เน้นการสอบที่ลอกได้  แต่เน้นการลงมือทำจริง  แล้วก็ฝึกลูกเป็นตัวๆเอ๊ยเป็นคนๆไป 
  • จนถึงวันนี้  .....ที่ทำไป...  ดิฉันก็เรียนตรงๆว่าไม่กล้ารับรองผลตลอดชีพ  จะกล้าก็แต่ตอนที่เห็นหน้าเห็นตาพอให้ดุกันได้เท่านั้น 
  • ที่คุณตาหยูบอกมานี้ดีจังค่ะ  "เราสอนกันตลอดเวลา และให้มีอยู่กับตัวตลอดเวลา" ฟังแล้วรู้สึกได้เลยว่าโรงเรียนเอาจริง  และทำจริง   การฝึกแบบนี้มีคุณค่ามาก   คุณสมบัติเช่นที่คุณตาหยูเล่ามานี้ จะติดตัวนักเรียนไปตลอดชีวิต  ขอชื่นชมด้วยใจจริงค่ะ :)

สวัสดีค่ะ คุณหลานเด็กน้อยสารภี

  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนนะคะ :)
  • "สังคมไม่เพียงแต่สอนให้เด็กเป็นคนดี  แต่ (อาจจะ) ลืมสอนให้คนดี รู้จักระวังตัว" ข้อความนี้ชวนให้คิดนะคะ 
  • สำหรับดิฉัน ได้ข้อคิดว่า เด็กๆทุกคน จำเป็นต้องรู้จัก "ที่จะเรียนรู้" ด้วย  เรียนรู้จากทุกๆสิ่งรอบตัว  ทุกอย่างในโลกนี้เป็นครูของเราได้หมด   เมื่อเรารู้จักที่จะเรียนรู้  และเกิดการเรียนรู้แล้ว เราก็จะรู้ว่าอะไรที่ควรทำ และอะไรที่ควรระวังค่ะ 

สวัสดีค่ะอาจารย์augustman

  •  ขอบพระคุณที่แวะมาค่ะอาจารย์  :)  อาจารย์สื่อสารยาวๆได้เลยค่ะ ดิฉันชอบอ่าน คือจะว่าไปแล้ว  ดิฉันก็ติดลมอยู่หลายหนเหมือนกัน :)
  • เรื่องคุมสอบนี้ ดิฉันก็พบมาหลายรูปแบบ  นึกขำอยู่ว่า  จริงๆแล้วปัญหาไม่ได้อยู่ที่การคุมสอบ   แต่ปัญหาอยู่ที่  เมื่อมีการสอบแล้ว ต้องมีคนมาคุม   เพราะแปลว่า ไม่สามารถไว้ใจได้ (คืออันนี้ก็ขออภัย เพราะดูจะเหมารวมไป  แต่ภาพที่ผ่านมาทำให้คิดเช่นนั้น)
  • พ่อเคยบอกว่า ถ้าเด็กอยู่ปี 4 แล้วยังต้องคุมสอบ  ถามว่าที่สอนและเรียนกันมาทั้งหมดนั้น  แปลว่าอะไร ?  ดิฉันคิดดูแล้วก็นึกเห็นภาพขึ้นมาเหมือนกัน 
  • และอย่างที่อาจารย์ว่าไว้ข้างต้นนะคะ   ดิฉันก็นึกถึงที่เคยเขียนล้อๆเอาไว้สมัยหนึ่งด้วยว่า... 
  • ........"น่าจะเป็นที่แน่ใจได้ว่า สำนวน  “ไม่รู้ไม่ชี้”   และ   “เอาหูไปนาเอาตาไปไร่”   …จะมีที่มาจากการคุมสอบ"............     :)
อ่านแล้วรู้สึก ว่า เครียดมากค่ะ ว่ามันเป็นเรื่องใหญ่

ในมุมของวัยที่เราอยู่ตอนนั้น ว่า เราไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า สังคมในสมัยเรียนเป็นแบบไหนค่ะ คือ หุย โชคดี ได้เรียนโรงเรียนเอกชนที่เฮี๊ยบสุดๆ สิ่งที่ได้คือ ความมีระเบียบ ออดดังปุ๊บ ทั้งโรงเรียน เงียบสนิท ไม่เหมือนมีคนอยู่เลย เข้าแถวตรงเป๊ะ ไม่เบี้ยวเป็นงูเลื้อย พอมัธยมปลายไปเรียนรร.รัฐบาล งง อึ้ง ไปเลยค่ะ ออดดังแล้ว ยังเดินจูงมือ หัวเราะคิกคัก แถวเป็นงูเลื้อย  อะกลับมาที่เรื่องลอกข้อสอบ ตอนเรียน ไม่มีลอกเลย กลัวมาก กลัวโดนครูลงโทษ ความรู้สึกตอนนั้น เหมือนโทษประหาร  พอโตไปเรียนรร.รัฐ ก็ไม่กล้าลอกนะคะ มีเหมือนกัน ทำปากบอกคำตอบ นิดหน่อยให้เพื่อนค่ะ

เรียนมหาวิทยาลัย เรื่องใหญ่มาก ไม่เคยให้ใครลอกแน่นอน เพราะ จิตสำนึกบอกตลอดเวลาว่า วัยเราต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองด้วย

แต่...ช่วงไปเรียนไกด์...มีการสอบ...บอกตรงๆ นะคะว่า ยังคงในความซื่อตรงนั้น  เพราะมีการขู่มากมายว่าต้องงั้น ต้องงี้ไม่งั้นคะแนนไม่ถึง จะไม่ผ่าน เสียค่าเรียนเป็นหมื่นๆ ถ้าไม่ได้ใบ ก็ไม่มีอาชีพ ทุกคนคิดแบบนั้นจริงๆ  ตอนสอบดูสไลด์ มีเพื่อนคนนึง ซึ่งเราเคยคุยกันบ้าง เขาทำไม่ได้จริงๆ คำตอบว่าง เยอะมาก ช่วงที่ชุลมุนๆ ส่งกระดาษคำตอบ เราก็ช่วยเขาไปบ้าง จนลืมไปแล้วค่ะ ว่าเคยช่วย ทุกวันนี้ ยังโทร คุยกัน เขาบอกว่า เขาประทับใจเรามาก ที่เราช่วยเขาในครั้งนั้น (เราจำไม่ได้จริงๆ นะ) 

คิดว่า ตอนวัยเรียน กับ ตอนโต .. นี่ อันไหนเป็นเรื่องใหญ่กว่ากันคะ สำหรับส่วนตัวแล้ว มองตอนนี้ เห็นว่า ตอนเด็กเหมือนเรากลัวซะหัวหด มันเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีระเบียบกับตัวเองว่าไม่โกง แน่นอน แต่ ตอนเรียนไกด์ มันคนละอย่าง โกงไม๊ โกงค่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่ไปฆ่าคนค่ะ อยู่ที่กฎเกณฑ์ว่าอันไหนตัดสินอะไรมากกว่า พึงสำนึกในตัวเองว่ายังมีน้ำดี มากกว่า น้ำเสีย

สำหรับคุณครู อาจารย์ ย่อมต้องเฮี๊ยบ เพื่อตัวเด็กเอง สมัยนี้ย่อมไม่เหมือนสมัยก่อน ต้องเข้าถึงใจ มากกว่า สร้างความหวาดกลัวเหมือนครูไหว ในนิยายนะคะ  เวลาเล่นเกม กับเพื่อนๆ มีเพื่อนชอบพูดว่า ไม่โกงก็ไม่สนุกสิ ....หุยคิดว่า เราอย่ามาโกงกันในเกมชีวิตก็แล้วกันนะ

หวัดดีค่า คุณหุย

  • ดีใจอะค่ะ    คุณหุยคุยด้วยย้าว ยาว..ว..ว
  • ตอนเรียน  เป็นคนเรียนไม่เก่งค่ะ  ไม่ชอบอ่านหนังสือเรียน  อ่านแล้วไม่ยอมเข้าใจ  ไม่ยอมจำ  และไม่ชอบไปโรงเรียนที่สุดในโลก  มีปัญหากับการอยู่ในโรงเรียนมาก  อยากกลับบ้านมาอยู่ในโลกเงียบๆที่ไม่มีการแก่งแย่งแข่งขัน  รู้สึกอย่างนั้นตั้งแต่เด็ก
  • ดิฉันคุยกับเพื่อนก็ไม่รู้เรื่อง  ชอบคุยเรื่องความรู้สึก  และพฤติกรรมคน  แล้วก็ตั้งข้อสงสัย  จากนั้นก็วิเคราะห์ความรู้สึก   คิดหาที่มาที่ไปว่าทำไมจึงรู้สึกเช่นนั้นเช่นนี้  ทำไมคนนั้นทำอย่างนั้น  ถูกไหม  ใช่ไหม   ด้วยเหตุผลอะไรบ้างเป็นข้อๆ....
  •  แล้วเพื่อนก็บอกว่าพูดอะไรก็ไม่รู้    ไม่คุยด้วย    เหงามากเลย  .....เลยไปนั่งอ่านนิยาย  ดูหนังจีนทีวี  หนังฝรั่ง   ไปนั่งห้องสมุดเงียบๆคนเดียวบ่อยๆ 
  • ตอนสอบก็ไม่อ่านหนังสือ คิดแบบเด็กๆว่าตกก็ช่างมัน  วิชาเลขเป็นข้อสอบปรนัย  ดิฉันใช้หลับตาเอาปากกาจิ้มๆๆๆทุกข้อ  ทำเสร็จก็นั่งวาดรูปหลังกระดาษคำตอบ  เพื่อนเห็นว่าทำไม่ได้แหงๆ ก็จะกระซิบช่วยบอก  กระซิบตั้งสองสามที ดิฉันก็ส่ายหน้าลูกเดียว.... 
  • ครูเห็นปุ๊บก็เดินมาปั๊บ  เพื่อนก้มหน้างุด 
  • ดิฉันใจหายวาบ...... 
  • ครูเอากระดาษคำตอบมาพลิกดู แล้วกระซิบว่าไม่ชอบเลขหรือจ๊ะ   ...ดอกไม้สวย...แต่นี่กระดาษคำตอบ  หนูไปวาดในสมุดดีกว่านะ  ...... แล้วครูก็เดินไป....
  • ตั้งแต่วันนั้น ดิฉันก็เริ่มอ่านหนังสือเรียน  แล้วก็พยายามบวกลบเลขบ้าง  คูณพอทน  หารได้นิดหน่อย  ตอนสอบก็นั่งทางในน้อยลง  และพยายามคิดมากขึ้น
  • สรุปไม่ถูกอะค่ะ  ...แต่อยากเล่าให้ฟัง....  : )
  • ปล.  ตอนเล็กๆเคยอยากเป็นไกด์มากด้วยค่ะ 

เห็นด้วยนะคะ

การลอกเป็นสิ่งไม่ดีค่ะ

แต่ถ้าลอกด้วยความละอายยังจะตักเตือนกันได้

แต่น่ากลัวมากๆค่ะ

ถ้าเด็กลอกโดยที่ไม่คิดว่าผิด ไม่ละอาย  หรือคิดว่าธรรมดา

ซึ่งได้ยินมาว่าเด็กๆสมัยนี้มีแนวโน้มเป็นอย่างนี้มากๆๆขขึ้น

เอ หรือเป็นเพราะเห็นผู้ใหญ่ชอบ ก๊อปปี้กัน เลยเอาอย่าง นะ นะ

ตอนเด็ก-มัธยม  เรียนเก่งค่ะ ไม่เคยสอบได้เลข 2 ตัว เคยสอบได้ที่ 1 หนเดียว นอกนั้นได้ไม่เกินที่ 5 เลยดูเป็นเด็กเรียนมากๆ ไม่ใช่ว่าเก่งมากมาย คงเป็นเพราะเราตั้งใจเรียนมากกว่า ค่ะ เลยจดจำขณะเรียน พอทบทวนหน่อยก็สอบได้แล้ว พอไปเรียน ม.ปลาย กลายเป็นเด็กเก่งอีก เพราะมาจากเอกชน ภาษาเรานำหน้าไปเยอะ คนก็คาดหวังว่าเราต้องเอ็นฯ ติด แต่เราขี้เกียจอ่านหนังสือ (เก่งแต่ขี้เกียจ) ไปสอบเทียบได้ ก็ออกจาก ม.5 เอ็นฯ ไม่ต้องพูดถึง ความรู้ไม่แน่น เลยไปลงรามฯ ค่ะ อยากจบเร็วๆ ไปเอ็นฯ อีกรอบก็ไม่ติด เลยลุยเรียนรามฯ  ตรงกับปีที่มี ซัมเมอร์ 2 ครั้ง ลงเต็มทุกเทอม 3 ปี จบ กลายเป็นเรียนเร็วกว่าเพื่อนไป 2 ปี

ตอนเรียนรามฯ คุมตัวเองเก่งมากนะ เพราะเราวางแผนการอ่านหนังสือล่วงหน้าค่ะ ไม่ค่อยไปเรียนเท่าไหร่ อ่านเองด้วย ไปติวด้วย จำได้ว่าเพื่อนมาหาที่บ้าน เห็นนั่งทำแบบฝึกหัด เขาบอกอีกตั้งเดือน เธออ่านแล้วเหรอ โห...คุณขา...ลง 8 เล่ม แบ่งเวลาอ่านเฉลี่ยให้ได้เล่มละ 2 จบก็บุญแล้ว ไม่รวมเวลานั่งทำแบบฝึกหัดคำนวณ พวกวิชาบังคับเลข บัญชีอีกนะ  ก็ภูมิใจค่ะ ในซุ้มรุ่นเดียวกันที่จบภายใน 3 ปี มี 2 คน เป็นผู้หญิง เจ๋งดี

อ้อ....ตอนเรียนรามฯ ไม่เคยให้ใครลอก เหมือนตอนเด็กๆ และไม่ลอกใครค่ะ โตแล้ว กลัวเสียอนาคต
  • สวัสดีครับ
  • ผมเข้ามาอ่านบันทึกนี้อย่างสุขใจ...และสะใจกับมุมมองอันละเอียดอ่อนของการสร้างสังคม
  • ความละเลยในเรื่องเล็ก ๆ  ในวัฒนธรรมเอาหูไปนา  เอาตาไปไร่..  คือ การบ่มเพาะสิ่งไม่ดีให้กับสังคมอย่างน่าเจ็บใจ
  • ผมคัดค้าน..และต่อว่า, ต่อต้านกับเรื่องพรรค์นี้อยู่บ่อยครั้ง, และบ่อยครั้งก็เดียวดายกับเรื่องพรรค์นี้
  • การที่อาจารย์คุมสอบมองการแอบดูข้อสอบเป็นเรื่องเล็ก  ก็เพราะเขาไม่เห็นนัยยะของการทุจริตเชิงโครงสร้าง และนี่คือการปลูกฝังค่านิยมทางลบโดยที่เราไม่รู้ตัว
  • .....
  • ขอบคุณบันทึกที่ใส่ใจต่อสังคม,  ครับ...

สวัสดีค่ะพี่แอมป์

ชะแว้ปดูหลายๆ รอบแล้วค่ะ  แต่ไม่ค่อยกล้าตอบค่ะ อิ อิ

จริง ๆ ราณีเป็นคนหน้าดุค่ะ แค่คุมสอบแบบทำหน้านิ่ง ๆ แล้วบอกเด็กว่า"ทุจริตในการสอบ ปรับตกทุกกรณี ใครมีไก่ ให้เอาออกไปทิ้งด้วย ครูให้เวลาห้านาทีในการเตรียมตัวสอบ เพราะเดี๋ยวเพื่อน ๆ จะติดไข้หวัดนกได้"  กลัวนักศึกษาเกร็งและชัก  เลยต้องหยอดมุขหน่อย อิ อิ เชื่อไหมค่ะ ไม่มีใครกล้าลอกเลย 5555+

เคยมีคนลองดีค่ะ จับได้ประจำ แต่ไม่ใช่คุมวิชาตัวเองนะค่ะ ถ้าเป็นวิชาตัวเองนักศึกษารู้ค่ะเขาไม่กล้าลอกหรอกค่ะ เขาเรียกว่านิ่ง ๆ สยบความเคลื่อนไหว อิ อิ อาศัยหน้าให้เป็นประโยชน์  แต่นอกเวลาสอบเด็กจะวิ่งมาหาเลยค่ะ ชวนคุยกันตลอด

เดี๋ยวราณีเข้ามาอีกรอบค่ะ มีอีกเยอะค่ะ คิกคิก

สวัสดีค่ะ คุณหมอซันซัน

อ้าว..เมื่อตะกี้แวะไปอ่านเรื่องตุ๊กแกมาพอดีอะค่ะ   น่ารักจัง  (เรื่องที่เขียนนะคะ ไม่ใช่คุณตุ๊กแก  : )  )

เรื่องการ "ไม่รู้สึกละอายใจ" นี่น่ากลัวจริงๆด้วยค่ะ  สมัยสาวๆ  เคยคุมสอบแล้วเขาลอกกันตรงหน้า (คือสงสัยหน้าดิฉันไม่มีตบะ)  มองหน้าเขาก็ยังเฉย  รู้สึกปวดใจมากค่ะ  ตอนนั้นเป็นครูใหม่ๆ  ยังงงๆอยู่  เลยบอกเขาอย่างสุภาพ(ทั้งๆที่โกรธ)ว่า 

           "เอ่อ....  ขอโทษนะคะ   เอ่อ....ทำเองนะคะ  เอ่อ...  ขอบคุณค่ะ"

เอ่อ...คือเขาคง งงเหมือนกัน  ก็เลยหยุดลอกอย่างงงๆ
ตอนนั้นไม่รู้ทำไปได้ไงเหมือนกันอะค่ะ......  : )

โอ้โฮ..คุณหุย  

ทำได้ไงอะ  เรียนรามสามปีจบ....!  ผิดขนบ ฝืนประเพณี  มาตรฐานเขาแปดปีอะ   : ) ....   ขอชมจากใจจริงเลย   คุมตัวเองเก่งจริงๆนะคะ    แปลว่าต้องมุ่งมั่นมากด้วย

พี่แอมป์เรียนป.โท ห้าปีเต็ม  ยาวไปเรย  เรียนกันจนแก่กันไปข้าง  เป็นพวกสะปอยหน่อยๆแหงเลยเนี่ย  ทำอะไรเลยไม่ค่อยมีเป้า  แต่ตอนนี้มีแล้ว  เน้นเด็กเป็นเป้า  เอาเรื่องการรู้เท่าทันการสื่อสารเนี่ยแหละเป็นธงชัยสมรภูมิ  แล้วก็ฝึกๆๆๆๆกันสุดชีวิต  เรามันส์ แต่เด็กมึนส์  อิอิ.... 

พี่มาเอาจริงเรื่องลอกตอนเป็นครูเนี่ยแหละ  คือมันเกิดมองเห็นเป็นภาพน่าหวาดหวั่นมาก  เวลาคิดจากรูปธรรม (การหันดูกัน  การถาม  การยื่นโพยให้กัน)   -------->  เป็นนามธรรม  (การขาดวินัย   การไม่รักษากติก  การขาดความละอายใจ  การโกง  การทุจริต  การคอรัปชั่น...... ) เอาเข้าไป   พอเห็นแล้วคิด   เรื่องอะไรจะยอมปวดหัวคนเดียว  เลยต้องหาวิธีทำให้เด็กๆได้คิดกันมั่ง....  : )

(ปล. ขออนุญาตแทนตัวเองว่าพี่แอมป์แล้วนะคะ  เพราะหน้าแก่กว่าคุณหุยหลายปีเรย    เราต่อให้เอ้า)  

  • สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน  : )
  • คือว่าดีใจชะมัดที่มีเพื่อนร่วมคัดค้าน "การปล่อยปละละเลยในห้องสอบ" อะค่ะ     
  • ดิฉันนั่งดูด้วยความอึดอัด  เพราะได้พิจารณาเห็นแล้วว่าอาจารย์จะเลือกลงโทษเป็นบางคนไม่ได้   ต้องรักษากติกาอันเด็ดขาดทั้งมหาวิทยาลัยเสมอหน้ากัน 
  • ถ้ากติกากลางไม่เด็ดขาด  ก็จะเกิดความอยุติธรรมที่ให้ผลน่าหวาดหวั่นไม่แพ้กัน
  • ขอบคุณที่แวะมาทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้อย่างโดดเดี่ยวนะคะ
  • ขอให้คุณแผ่นดินทำงานอย่างมีความสุขต่ะ
  • หวัดดีตอนดึกค่ะ อาจารย์ราณี
  • ขอบคุณที่ชะแว้บเข้ามานะคะ  และยินดีเสมอที่จะต้อนรับเมื่อชะว้าบเข้ามาใหม่
  • พี่แอมป์จะอิจฉาดีมั้ยเนี่ย แค่เห็นหน้าก็ไม่กล้าลอกแล้วเนี่ย  
  •  สวยดุๆนี่เขาเรียกว่า สวยประหัต จะได้เข้าคู่กับสวยประหารของ อ.ลูกหว้า นั่งโต๊ะใกล้กันจะได้ดูสวยน่าหวาดหวั่นเอ๊ยสวยน่าเกรงขามเสมอกัน  อิอิ   (หว้าจะได้ยินป๊ะเนี่ย)
  • อยากรู้มุกเด็ดๆแล้วอะค่ะ  มีเวลาอย่าลืมแวะมาเล่าเน้อ  ไม่งั้นเราจะตามไปทวงถึงบล็อกเลยเน้อ  : )
สวัสดีค่ะ พี่แอมป์ ไม่ได้เก่งมากมาย หรอกค่ะ ช่วงนั้น มี 2 ซัมเมอร์ คือ แทนที่ ซัมเมอร์นึง 2-3 เดือน แต่ปีนั้นเขาเฉลี่ยไป ให้ช่วงเรียนสั้นลง สอบเร็วขึ้น ลงอัดเต็มที่เลยค่ะ หัวแทบระเบิด มีบางคนเขาลงเต็มแต่ไม่สอบก็มี แต่หุยก็ฉิวเฉียดๆ ผ่านมาได้ค่ะ ความรู้สึกที่เห็นผลสอบตัวสุดท้ายนี่เดินตัวเบาหวิวเลย ฮ่ะๆ

เรื่องการลอกข้อสอบ เนี่ย มันต้องดูตั้งแต่เด็กค่ะว่าโรงเรียนสมัยเด็กๆ เขามีความเข้มงวด ระเบียบวินัย ปลูกฝังจริยธรรมด้านใด แค่ไหน ไม่ได้อยู่วงการการศึกษา เลยไม่รู้จริงๆ ค่ะ แต่ยอมรับว่าเห็นเด็กรุ่นใหม่ เราก็ส่ายหัว เหมือนตอนเราเด็กๆ ผู้ใหญ่ก็ส่ายหัว กะเราเหมือนกัน อะ
  • หวัดดีค่ะ คุณหุย  ตอนนี้ใกล้เปิดเทอมแล้ว   งานเริ่มไหลมาเทมา     เลยแวะมาช้าหน่อย ขออภัยค่ะ
  • พี่แวะมาดูคน "ไม่เก่งมาก"   แต่ "เก่งไม่น้อย"  อิอิ
  • เรื่องการปลูกฝังวินัยตั้งแต่เล็กนี่จริงอย่างที่คุณหุยว่าเลยค่ะ  ไล่มาตั้งแต่ในครอบครัวเลย
  • การฝังรูปรอยคุณธรรมตั้งแต่ในครอบครัว  ก่อนที่เด็กจะรับข้อมูลชุดอื่นนี่สำคัญมาก
  • เหมือนการ แย่งชิงพื้นที่บรรจุความหมาย ในสมอง  กันเลยอะ  ถ้าพ่อแม่ไหวทัน  และรีบลงโปรแกรมเรื่องคุณธรรมทั้งหลาย เป็นพื้นฐานไว้ให้แน่นก่อน  ตั้งแต่เล็ก   ลูกก็จะมีภูมิคุ้มกันอย่างดีในภายหน้า 
  • ข้อมูลข่าวสารชุดอื่นที่ลูกรับเข้าไป  ก็จะถูกคัดกรองโดยวิจารณญาณ    รู้จักเลือกเลือกสิ่งที่เป็นคุณไว้   รู้จักทิ้งสิ่งที่เป็นโทษไป
  • ทำให้เกิดเป็น " ทักษะการรู้เท่าทันการสื่อสาร"  ได้ในสักวันหนึ่ง
  • เลี้ยวมาถึงเรื่องนี้จนได้  อิอิ : )

งานที่ผมให้นักเรียนทำ การบ้านหรือรายงาน

ผมจะบอกกับ นักเรียน ก่อนเลยว่า

"การบ้าน รายงานลอกกันได้นะ แต่ใครส่งก่อนต้นฉบับ ให้ตามเนื้องาน ส่งที่หลังให้ 0 ถือเป็นคนทำงานเองแต่ส่งที่หลังก็ 0"

เจตนาผมคือ ให้ทุกคนทำงาน ต้องรับผิดชอบต่องาน

บางคนทำงานการบ้าน แต่ปล่อยว่าทิ้งไว้ เพื่อนเอาไปลอก คนที่เป็นต้นฉบับอาจไม่มีเจตนาให้ลอก แต่คนจะลอกนั่นมีเจตนาอยู่เสมอ

ชีวิตจริงของพวกเค้าก็ต้องไปเจอคนที่อยากลอกอยากขโมยของผู้อื่นเหมือนกัน

ดังนั้น ทุกคนต้องรู้จักป้องกันตัวเอง รักษาดูแล การบ้าน ข้อมูลตัวเอง

ผมมีเจตนาสอนเรื่องการรักษาความปลอดภัย ทรัพย์สิน ข้อมูลไปในตัวด้วยครับ

ขอบคุณค่ะ คุณตาหยู ที่แวะมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง  ตั้งเงื่อนไขชัดเจนดีจังค่ะ  "ทุกคนต้องรู้จักป้องกันตัวเอง รักษาดูแล การบ้าน ข้อมูลตัวเอง"    เจอเงื่อนไขเด็ดๆแบบนี้เข้าเด็กๆจะลอกกันก็คงคิดหนักอะค่ะ 

เรื่องที่น่าหนักใจตามมาอีกเรื่องคือการนำข้อเขียนผู้อื่นมาใส่ในรายงานโดยไม่อ้างอิง   โดยเฉพาะการ copy&paste จากอินเตอร์เน็ต    ที่ยังไม่มีโปรแกรมติดตามตรวจสอบภาคภาษาไทย  รู้สึกว่าตอนนี้ตามไม่ค่อยทันเด็กๆเลยค่ะ  : )
 

จริงตามที่อาจารย์ว่านั้นแหละค่ะ การลอกข้อสอบเป็นเรื่องใหญ่ ผู้ที่ลอกของเพื่อน หรือการพาโพยเห้องสอบ เข้าน่าจะมีความละอายใจสักนิดนะค่ะ เพื่อนเขาอุสาอ่านหนังสือตอนดึกไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน หาเวลาว่างมาอ่านหนังสือสอบ แต่ตัวเองกลับเอาเวลาว่างไปเที่ยวหรือนอนเฉย ๆ เเบบนี้มันเอาเปรียบกันชัดๆ ว่าจะไม่ให้ลอกก็ไม่ได้เดียวเพื่อนก็ว่าเราขี้เหนียว พอให้ลอกแล้วก็อดใจที่โกรธไม่ได้ มันน่า.......จริงๆๆๆๆนะค่ะ ถ้ามีอาจารย์ที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้เหมือนอาจารย์สัก 10 ท่าน ชาตินี้น่าจะเจริญขึ้นนะค่ะ

สวัสดีค่ะคุณไม่แสดงตน

ขอบพระคุณอย่างสูงที่แวะมาให้ข้อคิดดีๆและขออภัยจริงๆที่ตอบช้าค่ะ  ดิฉันเองก็หนักใจกับเรื่องมโนธรรมพื้นฐาน ในประเด็นความซื่อสัตย์สุจริตนี้จริงๆและได้เห็นว่าผู้ใหญ่ทุกคนมีส่วนที่จะทำให้เด็กเกิดมโนธรรมชุดนี้อย่างสำคัญ

อาจไม่ง่ายนักแต่ก็คงไม่เกินความตั้งใจจริงของผู้ใหญ่ ที่มีมโนธรรม ทุกคน (ดิฉันเชื่ออย่างนั้นนะคะ)

^_^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท