มีหลาย ๆ ท่านที่สงสัยว่า ถ้าปลูกยูคาลิปตัสแล้วจะปลูกหญ้าเลี้ยงโคได้หรือเปล่า
ถ้าดูรูปข้างบน คงตอบได้ว่า ปลูกยูคาก็สามารถปลูกหญ้าเลี้ยงโคได้ ถ้าจัดการดีๆ และจัดการเป็น
ในรูปนั้นคือต้นยูคาลิปตัสที่โคนต้นล้อมรอบด้วยต้นหญ้ากินนีม่วงที่เจริญเติบโตคู่กันได้อย่างดี
ในบริเวณอื่นที่อยู่ไกลจากจากต้นยูคา ต้นยูคาก็เจริญได้ไม่ดีนัก อาจเป็นเพราะตรงโคนต้นยูคานั้นมีรากที่ไปดูดซึมอาหารมาเลี้ยงลำต้นมากอาจมีอาหารและความชื้นในดินสูงจึงทำให้หญ้าโตได้เร็ว
จากภาพนี้ น่าจะเป็นแนวทางที่ว่า การปลูกต้นยูคาลิปตัสน่าจะปลูกหญ้าหรือพืชชนิดอื่นร่วมด้วยได้
โดยเฉพาะในช่วงที่ต้นยูคายังไม่โตมากสามารถปลูกหญ้าแซมระหว่างแถวได้ เหมือนที่สวนป่าครูบาที่แปลงหญ้าส่วนใหญ่ปลูกร่วมกันสวนยูคา โดยเฉพาะหญ้ารูซี่ที่ทนแล้งได้ดีและเหมาะกับการปล่อยให้โคแทะเล็มด้วย
ดังนั้นเกษตกรท่านใดที่เลี้ยงวัวและกำลังจะปลูกยูคาลิปตัส ก็ลองเอาวิธีไปทำดู ไม่น่าจะเสียหาย จะเป็นใช้พื้นที่ให้คุ้มค่ามากกว่าที่คิด
ได้ค่ะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
เป็นความจริงอีกข้อที่หลายคนยังเข้าใจผิดค่ะ อาจารย์ขจิต ว่ายูคาคือพืชอันตรายอยู่ร่วมกับใครเขาไม่ได้ ซึ่งความจริงแล้วยูคาก็คือพืชทั่วๆ ไป ที่กินจุมากใครเขาจึงโตเร็ว พืชชนิดอื่นที่มีความสามารถในการหาอาหารสู้ยูคาไม่ได้ก็อยู่ร่วมกันไม่ได้
แต่ถ้ามีการจัดการที่ดี มีการทดลองปลูกพืชผสมผสานที่หลากหลายและเหมาะสมแล้ว ยูคาลิปตัสก็สามารถปลูกร่วมกับพืชชนิดอื่นได้
ยิ่งยูคาโตมากขึ้นเท่าไหร่อายุประมาณ 10 ปีขึ้น ต้นยูคาก็จะคืนประโยชน์สู่ธรรมชาติเหมือนกับไม้ชนิดอื่น ๆ แต่ที่เราพบเห็นปัญหาจากยูคาในปัจจุบันเพราะเราปลูก เราจัดการและใช้ปรธยชน์จากยูคาเร็วและมากเกินไป ความสมดุลจึงเกิดขึ้นไม่ได้ค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณเม้ง
จากที่ได้คลุกคลีอยู่ในสวนป่าครูบามาหลายปีก็เห็นว่า การปลูกยูคาถ้าให้เวลากับยูคาสักนิด ไม่รีบตัดไม่รีบขาย ยูคาก็สามารถฟื้นคืนธรรมชาติให้เราได้ และที่สวนป่านี้ ครูบาก็ได้ทดลองปลูกผสมผสานทั้งไม้ยูคา กระถินณรงค์ ไม้พื้นเมืองพวกยางนา ไม้แดงก็โตไปด้วยกันได้ แต่ก็ไม่แน่ใจสำหรับพื้นที่อื่นว่าจะเป็นอย่างที่สวนป่าหรือไม่ เพราะวิธีการจัดการอาจไม่เหมือนกัน เนื่องจากที่สวนป่าไม่เน้นการตัดขายแต่เน้นปล่อยไว้เรื่อยๆ และป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่าอย่างเด็ดขาด
ส่วนในเรื่องการทดลองปลูกในสภาพดินต่าง ๆ นั้นคงต้องหาข้อมูลกับทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ค่ะ เพราะที่สวนป่าก็ทดลองอยู่กับดินชนิดเดียว และที่กระทรวงเกษตรกรมาทดลองปลูกก็มีหนึ่งแปลง แต่ยังโตไม่มากเพราะสภาพดินแย่มาก และพันธุ์กลั่นน้ำมันก็ยังไม่ใครทดลองปลูกเห็นมีแต่ที่สวนป่าเท่านั้นจึงยังสรุปไม่ได้ค่ะ
ในแง่ของการปลูกมันสำปะหลังนั้น หลังปลูกไปแล้ว 5 ปี ธาตุอาหารในดินจะหมด ถ้าจะให้ได้ผลผลิตก็ต้องใส่ปุ๋ยเพิ่มทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยคอก แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ชอบปุ๋ยเคมีมากกว่าเพราะเห็นผลเร็ว วิธีที่น่าจะช่วยปรับสภาพดินก็น่าจะทำได้ถ้าชาวบ้านมีการปลูกพืชบำรุงดินตระกูลถั่วสลับกันปีเว้นปี แต่เชื่อเถอะค่ะ เคยปลูกมันยังไงก็ยังงั้น เปลี่ยนแปลงยากค่ะ
ส่วนการปลูกยูคาบนคันนาก็มีคนปลูกกันเยอะ ถ้าหากคันนาใหญ่ดินยังสมบูรณ์ หรือดูแลสภาพดินดี และปลูกยูคาห่างกันตั้งแต่ 2.5 เมตร คอยตัดใบยูคาในช่วงล่างของลำต้นไม่ให้บังแสงแดดก็จะไม่มีผลต่อต้นข้าว แต่ถ้าคันนาเล็ก ปลูกยูคาถี่ มีใบปกคลุมมากก็จะมีผลต่อต้นข้าว ข้าวจะต้นเล็ก เมล็ดก็จะลีบ
ถ้าคุณเม้งสนใจเรื่องนี้จริง ๆ ต้องถามปรมาจารย์ตัวจริงคือพ่อครูบาค่ะ และถ้ากลับจากเยอรมันและว่าง ๆ ก็ลองมาดูที่สวนป่านะค่ะ เพราะเล่าแล้วไม่จุใจจริง ๆ ค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
การให้ปุ๋ยธรรมชาติหรือให้พืช คงต้องเป้นอย่างที่คุณเม้งว่าค่ะ โดยเฉพาะการให้แบบเคมีผสมอินทรีย์ เพราะถ้าให้กษตรกรหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทันทีก็คงยังไม่ได้ คงต้องใช้เวลาสักพัก
แต่ถ้าให้ลองใช้ผสมผสานกันทั้งเคมีและอินทรีย์ไปก่อนน่าจะเป็นวิธีที่ดี จากนั้นค่อยให้เกษตรกรเรียนรู้และหาความเหมาะสมสำหรับตัวเองต่อไป
ขอบคุณค่ะ
อยากทราบว่า การจะให้ปุ๋ยในการเร่งลำต้นไม้ยูคา ควรให้สูตรไหนดี และมีวิธีการให้อย่างไร และจะทราบได้อย่างไร ว่าให้ปุ๋ยไปแล้วได้ผล
ขอบคุณครับ
อยากทราบวิธีถอนตอยูคา แบบประหยัดครับ
ปลูกตัดขายมา 3 รุ่นแล้วครับ
ตอนนี้อยากใช้ที่ดินมาทำเกษตรอย่างอื่นบ้าง
ขอความกรุณาผู้รุ้แนะนำด้วยครับ