และแล้วในที่สุด
เราก็ได้พบกัน....
ในตอนสายของวันจันทร์ที่ผ่านมา
หลังจากที่เขียนข้อความพูดคุยผ่าน blog กันอยู่หลายเพลา และแล้ว....เราก็ได้พบกับ “น้องบ่าว” หรือ “อาจารย์ขจิต ฝอยทอง” ที่ห้องสัมมนาของโรงแรมริเวอร์แคว กาญจนบุรี เมื่อตอนใกล้สิบโมงเช้าของวันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2550
ด้วยน้ำใจที่แสนเอื้อเฟื้ออยากมาช่วยให้ Lifediagram มีสีสันสดใส อาจารย์ขจิตเดินทางไกลหลายชั่วโมงจากมหาวิทยาลัยสุรนารี สถาบันที่อาจารย์กำลังเล่าเรียนเขียนอ่านวิชาว่าด้วย “ภาษาอังกฤษศึกษา” ในระดับ “ปริญญาเอก” มายังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นครปฐม ที่ซึ่งอาจารย์จะมาทำงานเป็น “ครูผู้ถ่ายทอดความรู้และความดี” ภายหลังจบการศึกษาแล้ว
อาจารย์ขจิตท่านเป็นคนเมืองกาญจน์ ส่วนเรามีนัดหมายเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อเรื่อง “เกษตรพอเพียงเพื่อการผลิตอาหารปลอดภัยและได้คุณภาพ” ให้ทีมงาน 8 จังหวัดภาคตะวันตกของกรมส่งเสริมการเกษตร ที่โรงแรมริเวอร์แคว ตัวเมืองกาญจนบุรี สถานที่นัดหมายของเราทั้งสองจึงเป็นห้องสัมมนาที่โรงแรมริเวอร์แควนั้นเอง
เราใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งในการพูดถึงโครงสร้างและสภาวการณ์ด้านการเกษตร การปฏิวัติพาณิชกรรม การปฏิวัติอุตสาหกรรม และการปฏิวัติเกษตรกรรมในยุโรป การพัฒนาบนความด้อยพัฒนาในยุคจักรวรรดินิยม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับเดินตามรอยตะวันตกที่ยึดตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นหลักมากกว่าที่จะคำนึงถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน การเปลี่ยนผ่านของระบบเกษตรกรรมภายใต้แนวทางปฏิวัติเขียวที่เน้นการพึ่งพาภายนอก การล่มสลายของชุมชนชนบท ปัญหาฐานทรัพยากรและการถือครองกรรมสิทธ์ที่ดิน แนวทางการฟื้นฟูชุมชนให้เข้มแข็งด้วยปรัชญา “เกษตรพอเพียง” และ “เศรษฐกิจชุมชน” โดยการจัดการความรู้เชิงบูรณาการ การขับเคลื่อนสังคมไทยและสังคมโลกสู่ "สังคมสันติประชาธรรม" ที่มี "ศีลธรรม" เป็นตัวชี้วัด แนวทางการพัฒนาที่สมดุลย์ระหว่างภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม การตั้งโจทย์และการตีโจทย์การพัฒนาให้แตก ฯลฯ ซึ่งภายใต้เงื่อนเวลาที่จำกัด เรานำเสนอการสังเคราะห์และยกตัวอย่างที่เป็น "รูปธรรม" ให้เห็นได้พอสังเขป ข้อมูลตัวเลขและภาพต่าง ๆ ที่เตรียมมาใน Powerpoint ช่วยสื่อสารให้เกิด "Visualization" ในการพูดคุยร่วมกันได้ดีพอสมควร
หลังจากการบรรยาย เรา “โยนเวที” ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถึงตรงนี้ เราถือโอกาสแนะนำอาจารย์ขจิตให้ทีมงานในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคตะวันตกได้รู้จัก เพื่อที่ในวันข้างหน้า... เราจะได้เป็น “เครือข่าย” กันและกัน เชื่อมร้อยพี่น้องคนทำงานพัฒนาภาคการเกษตรและชุมชนชนบทในพื้นที่ต่าง ๆ ให้มารู้จักกัน มาเข้าใจกัน และมาเป็น “เพื่อน” กัน
การขับเคลื่อนงาน “เกษตรพอเพียงเพื่อชีวิตที่เพียงพอ” โดยใช้ “การจัดการความรู้” เป็นทั้งขบวนการและเครื่องมือนั้น ต้องการทีมงานทั้ง “คุณเอื้อ” “คุณอำนวย” “คุณกิจ” “คุณลิขิต” และ “คุณประสาน” ที่มีความรู้ความเข้าใจในบริบทของงานอย่างลึกซึ้ง จากการเปิดเวทีในช่วงแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับทีมงานในพื้นที่เกือบค่อนชั่วโมงนั้น ทำให้เราเรียนรู้ว่า ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ที่เปรียบประดุจภูเขาน้ำแข็งแห่งงานส่งเสริมการเกษตรนั้น ส่วนที่อยู่ “ใต้น้ำ” มี "พลัง" เพียงใด
หากการจัดการความรู้คือการปลดปล่อยมนุษย์ออกจากที่คุมขังและนำพามนุษย์ไปสู่อิสรภาพและเสรีภาพแล้วไซร้ “ลูกกุญแจดอกสำคัญ” ของการถอดโซ่ตรวนที่พันธนาการ คือการจัด “วงเรียนรู้” ที่ต้องเริ่มจาก "ภายใน" องค์กรด้วยกันเองก่อนให้เข้มแข็ง จากนั้นจึงค่อย ๆ แผ่ขยายเป็นวงกว้างออกไป.. กว้างออกไป เป็น “รัศมีแห่งการเรียนรู้” ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ขอขอบคุณอาจารย์ขจิตที่ทำหน้าที่เป็น “วิทยากรผู้ช่วย” สำหรับช่วงแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวทีที่เมืองกาญจน์ และหากจะมีเวทีอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต เมื่อเวลาและโอกาสในชีวิตเอื้ออำนวย... อาจารย์คงจะมาช่วยสร้างการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอีกได้ (ใช่ไหมคะ???)
ขอบคุณสำหรับสีสันอันสดใสและบทเพลงประกอบ Life diagram “การเดินทางของใจที่เที่ยงแท้” หรือ "นิพพาน" บทเพลงที่อยู่ในใจเราเสมอและเป็น “เพื่อน” ของเราในทุกวันเวลาแห่งชีวิต บทเพลงที่เราอยากให้ทุกคนได้ซึมซับกับทุกตัวอักษรดนตรี เพื่อจะได้รับรู้และสัมผัสถึงความสงบเย็น ความสุข ความอบอุ่น และความละเอียดอ่อนที่เกิดขึ้นภายในใจ....ทุกยามที่ได้รับฟัง
ขอบคุณสำหรับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และเรื่องราวดี ๆ ที่ถ่ายทอดสู่กันและกันในวงแห่ง “สุขสนทนา” ที่ร้าน Pola Pola ในช่วงยามเย็นย่ำของวันจันทร์ ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ เพื่อความทรงจำรำลึกทั้งที่เป็น “ภาพในกล้อง” และ “ภาพในใจ”
ที่สำคัญ ขอขอบคุณ "ชาว blogger ทุกท่าน"...มวลมิตรสหายของอาจารย์ขจิต... ที่แม้มิได้เห็นหน้า หากแต่รับรู้และสัมผัสได้ถึงสายใยแห่ง "ไมตรีจิตรมิตรภาพ”ที่ส่งกระแสคลื่นข้ามขอบฟ้าจากแดนไกล ผ่าน “เสียงจากสาย” ให้ได้คุ้นเคย
หวังไว้ในใจว่า ...วันหนึ่งข้างหน้า... เราคงมีโอกาสได้พบกัน..มีโอกาสได้พูดคุยกัน และได้ผ่านวันเวลาที่ดี ๆ ในชีวิตร่วมกัน.....
"หากการจัดการความรู้คือการปลดปล่อยมนุษย์ออกจากที่คุมขังและนำพามนุษย์ไปสู่อิสรภาพและเสรีภาพแล้วไซร้ “ลูกกุญแจดอกสำคัญ” ของการถอดโซ่ตรวนที่พันธนาการ คือการจัด “วงเรียนรู้” ที่ต้องเริ่มจาก "ภายใน" องค์กรด้วยกันเองก่อนให้เข้มแข็ง จากนั้นจึงค่อย ๆ แผ่ขยายเป็นวงกว้างออกไป.. กว้างออกไป เป็น “รัศมีแห่งการเรียนรู้” ที่ไม่มีวันสิ้นสุด"
ขอบคุณครับ
blog อาจารย์สวยจังคะ
แถมมีเพลงให้ฟังด้วย
เพลงเพราะมากค่ะ
ฟังแล้วรู้สึกมาพลัง ที่เกิดจากข้างในใจเราเอง
....แอบชื่นชมอาจารย์อยู่นะคะ
คุณต้นส้มคะ
เพลงนี้เป็นเพลงของคุณจำรัสค่ะ เป็นเพลงที่นับได้ว่า "โปรดที่สุด" ค่ะ เวลาที่เหนื่อย ๆ มา ได้ฟังแล้วจะรู้สึกมี "พลัง" ขึ้นมาข้างในอย่างที่คุณต้นส้มรู้สึกค่ะ
ตัวเองเป็นคนชอบฟังเพลงบรรเลงมาก เพราะได้ผ่อนคลายความรู้สึกนึกคิดด้วยความละเมียดละไมของอักษรดนตรีค่ะ