หน้าแรก
สมาชิก
ชำเลือง
สมุด
ศิลปะ
ศิลปะกับภูมิปัญญา...
ชำเลือง
นาย ชำเลือง มณีวงษ์
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
ศิลปะกับภูมิปัญญาท้องถิ่น
เรียนรู้คนละอย่าง นำเอามาสร้างองค์รวม
ศิลปะกับภูมิปัญญาท้องถิ่น
ศิลปะ
(
Art
)
มีความหมายที่สำคัญยิ่งกับชีวิตของมนุษย์ได้มีผู้ให้คำจำกัดความเอาไว้หลายอย่าง แต่โดยสรุป ศิลปะคือผลงานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์เพื่อประโยชน์และความงาม คำว่าประโยชน์เป็นคำที่กว้างและคำว่าศิลปะก็สามารถที่จะครอบคลุมคำ ๆ นี้ได้จริง ๆเพราะว่าในชีวิตของมนุษย์เราเกี่ยวข้องอยู่กับศิลปะตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นลืมตาขึ้นจนถึงวันที่ดวงตาทั้ง2 ข้างต้องหลับสนิทความงดงามที่ปรากฏขึ้นได้ในโลกนี้ส่วนแล้วแต่มีที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ถึงแม้ว่าในยุคนี้จะไม่มีผู้คนจำนวนหมื่นแสนคนมารวมพลังกันสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ให้ตื่นตาและเพิ่มศรัทธาได้อย่างในอดีตก็ตามแต่เราก็ยังมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่ฝังลึกอยู่ในหัวใจของกลุ่มคนตามท้องถิ่นต่างๆ ในสังคมน้อยใหญ่อีกเป็นจำนวนมากในเรื่องของขนาดใหญ่โตมโหฬารอาจจะไม่มีให้เห็นอีกหรืออาจจะมีก็ได้
แต่ในความประทับใจ (สุมทรียะ) น่าจะยังคงมีต่อไป
ภูมิปัญญาท้องถิ่น
(
Wisdom
)
เป็นความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษได้แก่จากคนรุ่นหนึ่งส่งมายังคนอีกรุ่นหนึ่งเป็นทอด ๆ กันมาเช่นคนรุ่นปู่สอนความรู้ในเรื่องอาชีพของตนให้กับลูก (รุ่นพ่อ)และพ่อสอนความรู้ให้กับลูก (รุ่นปัจจุบัน)ด้วยการสั่งสมความรู้ที่อาจจะมาจากความใกล้ชิด อยู่ในครอบครัวเดียวกันได้เห็นแบบอย่างและได้ร่วมปฏิบัติงานตามวิถีชีวิต จึงเป็นการสั่งสม(สะสม) หรือรวบรวมเอาเข้าไว้ในชีวิตของคน ๆ หนึ่งอย่างช้า ๆและอย่างต่อเนื่อง และที่น่าภาคภูมิใจกับคนไทยก็คือบ้านเรามีผู้ที่ทรงคุณค่าทางความรู้ในเรื่องต่าง ๆเฉพาะทางอยู่เป็นจำนวนมาก รอคอยให้ลูก หลาน เหลน โหลนเข้ามาศึกษาหัวใจคนไทยคิดอย่างไรคงไม่อาจจะทายใจได้เพียงแต่คิดเสียดายความมีเสน่ห์แห่งปัญญาที่หลายด้านสูญหายไปจากแผ่นดินของเรานานแล้วและกำลังมีอีกหลายอย่างที่จะทยอยจากเราไปเพราะไม่มีคนไปรับการสืบทอดและขาดการเหลียวแล
ผมดีใจที่สุดเมื่อมี พ.ร.บ.การศึกษากำหนดคำว่าภูมิปัญญาไทยภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือภูมิปัญญาชาวบ้านเอาไว้ ในหมวด 4 มาตรา 27ในวงเล็บ 3 ว่า การจัดการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัยจะต้องเน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรมกระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษาในเรื่องต่อไปนี้
(3) ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม กีฬา ภูมิปัญญาไทยและการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
การเรียน
(
Learning
)พฤติกรรมที่แสดงถึงการเรียนรู้ จะต้องมี
3 ด้านแต่อาจจะเน้นไปในพฤติกรรมใดพฤติกรรมหนึ่ง หรือรวม ๆ ก็ได้ได้แก่
1. ความรู้
(
Knowledge
)คือการจัดประสบการณ์ที่ได้รับ นำมาใช้ในการแก้ปัญหาได้ความรู้เมื่อได้เรียนรู้ก็จะเกิดความคิด สะสมอยู่ในสมอง ในตัวเราซึ่งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาทั้งในห้องเรียน นอกห้องเรียนหรือความรู้เกิดขึ้นได้ทุกสถานการณ์
2. ทักษะ หรือกระบวนการ (
Process
)เป็นการเรียนรู้ที่เกิดจากฝึก การปฏิบัติ เมื่อได้ฝึกทำสิ่งนั้นซ้ำ ๆก็จะเกิดความรู้ความชำนาญในการสร้างสรรค์มากขึ้นเป็นความสามารถติดตัวผู้นั้นไปตลอดในบางคนเมื่อได้ฝึกฝนทักษะอย่างกว้างขวางในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดเป็นความสามารถโดดเด่นขึ้นมาได้
3. เจตคติ (
Attitude
)ความรู้ในคุณค่า ค่านิยมที่ดี ความดีงามและความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นความรู้ที่ครอบคลุมภาพรวมของสังคมที่มองเห็นคุณค่าในอาชีพและการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
เราจะคุ้นเคยอยู่กับพฤติกรรมการเรียนรู้ 3 ด้าน คือ
ด้านพุทธิพิสัย
(PSYCHOMOTORDOMAIN)
ด้านทักษะพิสัย
(COGNITIVEDOMAIN)
และด้านจิตพิสัย
(AFFECTIVEDOMAIN)
นั่นเอง
แต่มนุษย์อยู่ตัวคนเดียวไม้ได้ ในชีวิตจริงจะต้องพึ่งพาอาศัยกันกล่าวคือจะต้องอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคมหรือมีการเชื่อมโยงกันเกี่ยวข้องกันดังนั้นการเรียนในปัจจุบันจึงต้องปรับเปลี่ยนไปเป็นการเรียนในภาพรวมๆ
เรียกว่า ความรู้แบบบูรณาการ (องค์รวม) หรือความสมบูรณ์มากกว่าการที่จะเรียนเพียงกลุ่มสาระเดียวหรือวิชาเดียว
คำว่า บูรณาการ (
Integrated
)บางท่านมีความสามารถมากสามารถที่จะนำเอาสาระที่สอนไปคลุกเคล้าเข้ากับสาระอื่น ๆ ได้ถึง 8กลุ่มสาระแต่บางท่านอาจจะเชื่อมโยงด้วยตัวของท่านเองเพียงคนเดียวด้วยสาระที่เกิดประโยชน์ต่อนักเรียนเพียง2 สาระก็พอแล้ว (ถ้าได้ทำจริง) หรือคุณครู 2ท่านนำสาระการเรียนรู้ที่สัมพันธ์ในต่างกลุ่มสาระมาเชื่อมโยงกัน
เป็นการรวมความรู้ ตัวอย่างเช่น
- เรียนรู้อุปกรณ์การทดลองทางวิทยาศาสตร์ ด้วยเสียงเพลงอีแซวหรือการแสดงพื้นบ้าน
- เรียนรู้กีฬาศิลปะป้องกันตัวด้วยการฝึกกระบี่กระบองผสมผสานกับการขับเสภาและเพลงแหล่
- เรียนรู้และปฏิบัติเรื่องสีลาที่งดงามด้วยการร้องเพลง วาดภาพและเต้นประกอบลีลาพร้อมกัน
- เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยผลงานศิลปะ
(วาดภาพ ปั้นออกแบบ แต่งกลอน ร้องเพลง ดนตรี
และการแสดงพื้นบ้านฯลฯ)
จะเห็นได้ว่าการนำเอาสาระที่มากกว่า1 สาระมาจัดการเรียนรู้ร่วมกันกับสาระอื่นในกลุ่มเดียวกันหรือต่างกลุ่มกันเป็นการลดภาระงานของนักเรียนและจะช่วยให้นักเรียนได้เห็นคุณค่าของชีวิตว่าในความเป็นจริง การใช้ความรู้ไม่ได้ใช้แยกกันเป็นรายวิชาหรือใช้เพียงกลุ่มสาระใดสาระหนึ่ง หากแต่ว่าจะต้องนำมาผสมผสานกันเชื่อมโยงกันตามโอกาสหรือสถานการณ์ต่าง ๆจึงจะเกิดความสมบูรณ์
จากความสำคัญในสิ่งนี้ ทำให้ผมจัดทำหลักสูตรศิลปะ (เพิ่มเติม)ที่ตอบสนองการเรียนรู้แบบบูรณาการให้กับนักเรียนที่เลือกเรียนวิชาเพิ่มเติมได้เรียนรู้แบบองค์รวมแทนที่จะเรียนเรื่องการวาดภาพเพียงอย่างเดียวหรือเรียนรู้เรื่องของภูมิปัญญาเพียงอย่างเดียวในภาพของการเรียนรู้ วิชาเพิ่มเติมชั้น ม.1
รูปแบบในการจัดการเรียนรู้
1.ผู้เรียนได้เรียนรู้ เรื่องของภูมิปัญญาไทยมี 9-10 ด้านและสืบหาแหล่งที่อยู่ของภูมิปัญญาไทย (ในท้องถิ่น) ว่ามีอยู่ ณที่แห่งใดบ้าง
2.เลือกเรียนรู้ตามความสนใจ (สอบถาม ฝึกปฏิบัติฝึกซ้ำจนชำนาญหรือเป็นอาชีพมีรายได้)
3.วางแผนที่จะปฏิบัติงานตามแบบครูภูมิปัญญา (ปราชญ์ชาวบ้าน)ที่ตนสนใจในห้องเรียน
4.ลงมือปฏิบัติงานภูมิปัญญานั้น ๆตามที่ได้วางแผนเอาไว้อย่างมีความสุข
5.นำผลงานที่ปฏิบัติแล้วไปเสนอ แสดง เล่า ทำให้เพื่อนดู 2-3 คน ประเมิน(จัดคุณภาพ)
6.นำเอาผลจากการประเมินมาพิจารณาปรับปรุง
7.สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เช่นวาดภาพ ปั้น ออกแบบ แต่งกลอน ร้องเพลง ดนตรีการแสดง ฯลฯนำเสนอเนื้อหาเรื่องราวของภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ตนเองได้ไปศึกษาหน้าชั้นเรียน(งานเดี่ยวหรือกลุ่ม
ก็ได้) เช่นแสดงเพลงอีแซวเรื่องอาหารไทยได้รสชาติ
วาดภาพตามความคิดผลผลิตจากท้องนา
เป็นต้น
ในภาพรวมเมื่อได้จัดกิจกรรมตามที่ได้เล่ามาผมจัดหน่วยการเรียนรู้ ตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวังโดยให้เวลาการปฏิบัติกิจกรรมมากหน่อยเพื่อที่จะให้เด็กอ่อนได้มีเวลาพัฒนาส่วนเด็กเก่งปฏิบัติฝึกกิจกรรมสู่ความเป็นเลิศและช่วยเหลือเพื่อน
ความสุขใจของเด็ก ๆมาอยู่ที่เดือนสุดท้ายของการเรียนเป็นการนำเสนอผลงานศิลปะที่ตนถนัดเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาที่ตนสนใจที่หน้าห้องเรียนตลอดเวลาแห่งการเรียนรู้มีการประเมินผลโดยครู และเพื่อน ๆแต่ในวันนำเสนอผลงานช่วงสุดท้าย จัดให้มีผู้ประเมิน 3 ฝ่ายคือ ตนเองเพื่อน และครู เมื่อการนำเสนอผลงานจบลง ผู้นำเสนอแสดงความเห็นของตนเพื่อน 1 กลุ่มแสดงความเห็น ครูให้การยกย่องหยิบจุดเด่นที่พบมาให้กำลังใจนักเรียน ผมสอนวิชานี้มา 5 ปีแล้วผู้สอนพึงพอใจ นักเรียนมาสมัครเรียนรุ่นละ 25-35 คนหากว่าท่านมีวิธีการอื่นที่ประสบความสำเร็จในการสอนแบบบูรณาการที่มองเห็นภาพของความเป็นจริงในการสอนศิลปะหรือกลุ่มสาระอื่นขอได้ฉายภาพให้มองเห็นกระบวนการออกแบบจัดกิจกรรมแนะนำผมบ้างนะครับ
อยากที่จะศึกษาวิธีการเพื่อนำมาพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ต่อไป
เขียนใน
GotoKnow
โดย
ชำเลือง
ใน
ศิลปะ
คำสำคัญ (Tags):
#ศิลปะ
หมายเลขบันทึก: 97082
เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2007 21:57 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2019 00:00 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (4)
วราพร กำลังงาม
เขียนเมื่อ 22 พฤษภาคม 2010 22:54 น. (
)
เป็นความรู้มากนะค่ะ de de de de de de de de de
ชำเลือง
เขียนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2010 07:49 น. (
)
ดีใจด้วย ที่เห็นคุณค่าของการเรียนรู้แบบภูมิปัญญา ซึ่งกำลังจะสูญไป
ยังมีเรื่องราวที่น่าศึกษาอีกหลายด้าน ช่วยกันดำรงเอาไว้ จะอยู่ได้นานสักแค่ไหน
black
เขียนเมื่อ 7 ธันวาคม 2010 15:24 น. (
)
ดี*-*
น้องทราย
เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2011 18:02 น. (
)
เป็นข้อมูลที่ดีค่ะ
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
ชำเลือง
สมุด
ศิลปะ
ศิลปะกับภูมิปัญญา...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท