ฤาเราจะยอมให้เสียดินแดน.....เป็นครั้งที่ ๑๕


                  

                                                                                                         

                                                      

       จากหลักฐานที่ได้จากจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม  ซึ่งจารึกขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยจารึกไว้ที่คอสองเฉลียงระเบียงล้อมพระอุโบสถทั้งสี่ด้าน ได้เขียนภาพหัวเมืองขึ้นของกรุงเทพมหานคร  ซึ่งมีจำนวนถึง ๔๗๔  หัวเมือง ปัจจุบัน ภาพดังกล่าวลบหมดแล้วยัเหลือแต่จารึกบอกชื่อหัวเมืองเหล่านั้น กับเจ้าเมืองบางเมืองอยู่ราวครึ่งหนึ่ง สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์  กรุงเทพมหานคร หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ พระราชอาณาจักรไทยหรือสยามนั่นเอง  มีหัวเมืองขึ้นอยู่ ๔๗๔ หัวเมือง  อันเป็นผลมาจากพระบรมบุรพกษัตริยาธิราช และบรรดาบรรพบุรุษของไทย ได้พลีเลือดเนื้อและชีวิต รวบรวมเอาไว้เป็นเวลาหลายชั่วชีวิตคน  นับตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย  กรุงศรีอยุธยา  กรุงธนบุรี  จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ พระราชอาณาจักรสยาม แผ่ออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล เป็นชาติมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในสุวรรณภูมิและในภูมิภาค อาเซียอาคเนย์  คู่เคียงกับชาติใหญ่อีกสองชาติ คือจีนและอินเดีย  ซึ่งเป็นใหญ่อยู่ในเอเซียตะวันออก และเอเซียใต้ พระราชอาณาจักรสยามในครั้งนั้น มีความยิ่งใหญ่เจริญรุ่งเรืองสมดังบทเพลงที่ว่า

                บ้านเมืองเรารุ่งเรืองพร้อมอยู่หมู่เหล่า พวกเราล้วนพงศ์เผ่าศิวิไลซ์ เพราะฉะนั้นควรจะยินดีเปรมปรีดิ์ดีใจ เรียกตนว่าไทยแดนดินผืนใหญ่มิใช่ทาสเขา
                ก่อนนี้มีเขตแดนนับว่ากว้างใหญ่     ได้ไว้พลีเลือดเนื้อแลกเอา  รบ รบ รบ ไม่หวั่นใคร  มอบความเป็นไทยให้พวกเรา  แต่ครั้งนานกาลเก่าชาติเราเขาเรียกชาติไทย
                บ้านเมืองควรประเทืองไว้ดั่งแต่ก่อน  แน่นอนเนื้อและเลือดพลีไป  เพราะฉะนั้นเราควรเปรมปรีดิ์ มีความภูมิใจแดนดินถิ่นไทย     รวบรวมไว้ได้แสนจะยากเข็ญ
                ยากแค้นเคยกู้แดนไว้อย่างบากบั่น     ก่อนนั้นเคยแตกฉานซ่านเซ็น  แม้กระนั้นยังร่วมใจ     รวบรวมชาวไทยให้ร่มเย็น     บัดนี้เราดีเด่นร่มเย็นผาสุขเรื่อยมา 
                อยู่กินบนแผ่นดินท้องถิ่นกว้างใหญ่  ชาติไทยนั้นเคยใหญ่ในบูรพา ทุก ๆ เช้าเราดูธงไทย ใจจงปรีดาว่าไทยอยู่มา ด้วยความผาสุกถาวรสดใส
               บัดนี้ไทยเจริญวิสุทธิ์ผุดผ่อง พี่น้องจงแซ่ซร้องชาติไทย 
รักษาไว้ให้มั่นคง เทอดธงไตรรงค์ให้เด่นไกล ชาติเชื้อเรายิ่งใหญ่ชาติไทยบ้านเกิดเมืองนอน

               จากการที่สยามเคยยิ่งใหญ่มาแต่ในอดีต บรรพชนไทยได้หลั่งเลือดนองแผ่นดิน เพื่อรักษาแผ่นดินผืนนี้ไว้ให้กับลูกหลานไทย ได้อยู่อาศัยกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข แม้ในช่วงระยะเวลายุคล่าอาณานิคมของฝรั่งต่างชาติ บรรพชนไทยก็ยังคงใช้สติปัญญา ยอมที่จะเสียแผ่นดินบางส่วนเพื่อป้องกันมิให้ชาติไทยตกไปเป็นเมืองขึ้นกับฝรั่งต่างชาติ นับตั้งแต่มีประเทศสยามขึ้นมาจนกระทั่งเหลือแผ่นดินไทยผืนที่พวกเราอาศัยกันอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขและไม่น้อยหน้าประเทศใดในโลกนี้ เรามีการเสียดินแดนผ่านมาแล้วถึง ๑๔ ครั้งด้วยกัน ดังนี้ (ดูแผนที่ประกอบ) 

                                                   


                                     ๑. เกาะหมาก  ปีนัง  (๑๑ ส.ค. ๒๓๒๙)
                                     ๒. มะริด  ทะวาย  ตะนาวศรี  (๑๖ ม.ค. ๒๓๓๖) 
                                     ๓. เมืองบันทายมาศ  (๓๒๕๓) 
                                     ๔. แสนหวี  เชียงตุง  เมืองพง  (พ.ค. ๒๓๖๘) 
                                     ๕. รัฐเปรัก  (๒๓๖๙) 
                                     ๖. สิบสองพันนา  (๑ พ.ค. ๒๓๙๓) 
                                    ๗. แคว้นเขมร  (๑๕ ก.ค. ๒๔๑๐)
                                     ๘. สิบสองจุไท  (๒๒ ธ.ค. ๒๔๓๑)
                                     ๙. ดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำสาละวิน ๑๓ เมือง (๒๗ ต.ค.   ๒๔๓๕) 
                                    ๑๐. ดินแดนฝั่งซ้ายราชอาณาจักรลาว  (๓ ต.ค. ๒๔๓๖)
                                    ๑๑. ดินแดนฝั่งขวาแคว้นหลวงพระบาง  จัมปาศักดิ์  (๑๒ พ.ค. ๒๔๔๖) 
                                    ๑๒. มณฑลบูรพา  เสียมราฐ  พระตะบอง  ศรีโสภณ  (๒๓ มี.ค. ๒๔๔๙) 
                                    ๑๓. กลันตัน  ตรังกานู  ไทรบุรี  ปลิส  (๑๐ มี.ค. ๒๔๕๑)
                                    ๑๔. เขาพระวิหาร  (๑๕ มิ.ย. ๒๕๐๕)

         จากเหตุการณ์ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบัน ที่มีการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่เป็นรายวันโดยไม่คำนึงถึงว่าเขาเหล่านั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องการทำให้มันโหดเหี้ยมและน่ากลัวเพื่อให้กลุ่มคนในพื้นที่หวาดกลัวและหลบหนีออกจากพื้นที่ให้เหลือเพียงมวลชนที่จัดตั้งและพวกเดียวกันเท่านั้นที่ยังคงอยู่ได้ กระทำให้มันเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกเพื่อที่จะดึงต่างชาติเข้ามาจัดการแบ่งแยกสามจังหวัดภาคใต้ ออกจากการปกครองของประเทศไทย เช่นเดียวกับประเทศติมอร์ตะวันออก โดยอาจมี ข้าราชการ นักการเมือง นักวิชาการบางกลุ่มและบางคนรู้เห็นเป็นใจร่วมเป็นใส้ศึก เพื่อหวังเป็นใหญ่หากกระทำการได้สำเร็จ อีกทั้งมีคนไทยบางกลุ่มเป็นแนวร่วมโดยมิได้ตั้งใจ เช่นสื่อมวลชนที่ประโคมข่าวประชาสัมพันธ์ให้กับฝ่ายศัตรูเพราะต้องการให้ข่าวขายดี แต่ตัวร้ายคงได้แก่กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนผู้ที่ไม่เคยแม้จะย่างกรายเข้าไปในพื้นที่ ค้านมันทุกเรื่องที่รัฐบาลทำ เพื่อให้ตนเองได้มีชื่อเสียง จนเกือบเสียทีให้แก่ศัตรูของแผ่นดิน  กลุ่มคนเหล่านี้หากมือไม่พายก็อย่าเอาเท้าราน้ำเลย เมืองไทยจะได้เจริญอย่างยั่งยืนเสียที กลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ดูจะทำให้รู้ว่าชาติไทยนั้นเคยยิ่งใหญ่เพียงใด บางทีเลือดไทยในตัวของเราและท่านอาจเข้มข้นขึ้นบ้าง จงหันหน้ากลับมาช่วยชาติ บ้านเมือง ช่วยตำรวจ -ทหาร ข้าราชการและชาวบ้านที่กำลังปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วยการให้กำลังใจ ช่วยเหลือเท่าที่ความสามารถของเราจะทำได้ เรา-ท่านจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าการเสียดินแดนครั้งที่ ๑๕ มันเกิดขึ้นในยุคเรานี่เอง หยุดป่วนและกวนเมืองกันเสียทีเถอะ

                                                                    โดย  คนบ้านเดียวกัน

                                                  

หมายเลขบันทึก: 97118เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2007 06:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท