สำหรับเดือนนี้ หน้า "มีอะไรในblog นี้"
ต้องขอเว้นว่างเรื่องการตลาดและการจัดการซักเดือน
แต่จะอุทิศพื้นที่นี้ให้กับ "ถุงทอง" แล้วกันนะครับ
เกิดอะไรขึ้นกับถุงทอง
และทำไมจึงกลายเป็นเรื่องของร่างกายที่เหลือแต่จิตและวิญญาณ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ถุงทอง
เป็นสุนัขพันธ์ร๊อตไวเลอร์ของที่บ้านที่อยู่กันมานานถึง 12 ปี
ถุงทองเป็นสุนัขเพศเมียครับ ถุงทองนั้นเมื่อตอนเด็กๆ
ถุงทองมีปัญหาเรื่องขาหลังคือ ลีบและไม่ค่อยมีแรงทำให้วิ่งได้ไม่สะดวก
แต่การไม่มีแรงของขาหลังนั้นก็ยังไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรมากนัก
เพียงแต่ถุงทองจะเป็นสุนัขที่มักจะอยู่กับที่
แทนที่จะซุกซนวิ่งเล่นเหมือน แสนดี ลูกสุนัขเพศเมียพันธุ์ ดัลเมเชียน
ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตาม
ถุงทองก็เติบโตมาพร้อมกับการให้ความรักและความเอาใจใส่ของทุกคนในบ้าน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าคือ อยู่ๆ
ถุงทองก็ร้องเหมือนจะเจ็บปวดและก็เป็นอัมพาตทั้งตัว
ไม่สามารถลุกขยับเขยื้อนเองได้
ทำให้ทั้งบ้านเกิดการโกลาหลกับการที่ถุงทองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
เช้าวันรุ่งขึ้นทางบ้านเลยพยายามติดต่อโรงพยาบาลสัตว์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรและนำถุงทองไปให้ตรวจรักษา
ผลของการเอ็กซ์เรย์พบว่ากระดูกสันหลักระดับคอของถุงทองนั้นงอกไปทับเส้นประสาท
จึงทำให้ถุงทองมีร่างกายที่เหลือแต่จิตวิญาณเท่านั้น
ความสามารถทางร่างกายที่เหลืออยู่ของถุงทองก็เป็นเพียงแค่
การกรอกขยับตาไปมา
และลิ้นที่ยังพอจะเลียน้ำที่พวกเราพยายามป้อนให้ได้
หลังจากที่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับถุงทอง เราก็พยายามที่จะช่วยเหลือ
ที่ทำได้คือการ "ผ่าตัด"
แต่อย่างไรก็ตามการคิวผ่าตัดนั้นยังมีคิวอีกหลายคิวและไม่ทราบว่าจะทำการผ่าตัดได้เมื่อไร
ซึ่งการเคลื่อนไหวย้ายที่ไปมาของถุงทองในแต่ละครั้งนั้นจะต้องระมัดระวังอย่างมากเพราะถ้าเคลื่อนไหวผิดท่า
หรือทำถุงทองหล่นในขณะอุ้ม
เราอาจจะไม่มีเพื่อนที่ชื่อถุงทองอยู่ร่วมบ้านกันอีกต่อไป
มาถึงตรงนี้น้องสาวที่ผูกพันกับถุงทองมาก
เพราะเป็นคนที่ใกล้ชิดกับถุงทองที่สุดตั้งแต่ถุงทองยังเล็กๆ
ก็ทนต่อไปไม่ไหว
น้ำตาและความกลัวที่จะเสียถุงทองไปเนื่องจากไม่รู้ว่าจะได้ผ่าตัดเมื่อไร
ก็พรั่งพรูออกมาอย่างไม่หยุด ผมทราบดีว่าน้องสาวผมรู้สึกอย่างไร
เพราะผมเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่แตกต่างจากน้องสาวผมไปซักเท่าไร
โชคเหมือนเข้าข้าง
ในขณะที่เราเตรียมหาโรงพยาบาลใหม่อยู่เพื่อจะให้ถุงทองได้ผ่าตัดได้เร็วที่สุดนั้น
ก็มีคนไข้รายหนึ่งที่ขอยกเลิกการผ่าตัดไป
ทำให้ถุงทองได้รับการผ่าตัดในวันพฤหัส
ระหว่างที่ผ่าตัดอยู่น้องสาวผมก็ยังร้องไห้อยู่ตลอด
เมื่อถุงทองออกมาจากห้องผ่าตัด ข่าวที่เราทราบจากทางคุณหมอก็คือ
"คืนนี้มีโอกาส 50:50นะ" ขอให้ผ่านคืนนี้ไปได้
ผลคือคืนนั้นไม่มีใครหลับคอยเอาใจช่วยถุงทองกันอยู่
เช้าวันใหม่ ถุงทองลืมตาขึ้นทำให้หลายคนทั้งบ้านเริ่มมีรอยยิ้ม
แต่มันก็ยังเป็นยิ้มที่ปนกับความกังวลอยู่ลึกๆ
แต่ก็ช่างเถอะขอให้วันนี้อยู่รอดไปได้ก่อน
ส่วนวันพรุ่งนี้ยังมาไม่ถึงหรืออาจจะไม่มีอยู่อีกแล้วสำหรับถุงทอง!
ถุงทองลืมตาขึ้นได้สักพัก พี่เลี้ยงก็เริ่มป้อนน้ำจากหลอดฉีดยาให้
ถุงทองเลียน้ำจากหลอดฉีดยาอย่างตระกรุมตระกรามเนื่องจากอดข้าวอดน้ำมาเป็นเวลาหลายวัน
เมื่อถุงทองเริ่มโต้ตอบโดยการเลียน้ำ สีหน้าของทุกคนก็แจ่มใสขึ้น
ส่วนผมเห็นรอยยิ้มของทุกคนที่บ้านก็พลอยดีใจไปด้วย
แต่ในใจก็ยังเกิดคำถามที่ตามมาอีกว่า
สุนัขใหญ่พันธุ์ร๊อตไวเลอร์ที่มีน้ำหนักตัวถึง 44 kg.
นั้นจะสามารถอยู่รอดได้จากบาดแผลกดทับได้อย่างไร?
บาดแผลกดทับนั้นมักจะเกิดขึ้นไม่ว่ากับคนหรือสัตว์หากนอนนิ่งๆ
ไม่ขยับเขยื้อนตัวเป็นเวลานานๆ
บาดแผลกดทับนั้นรักษาได้ยากตราบใดที่ร่างกายนั้นไม่ได้เคลื่อนไหว
ตำแหน่งที่จะพบแผลกดทับบ่อยๆ
ก็คือส่วนที่น้ำหนักกดทับร่างกายมากที่สุด
ในกรณีของสุนัขนั้นมักจะเกิดขึ้นกับช่วงต้นของต้นขาหน้าส่วนที่ติดกับลำตัวและบริเวณสะโพก
บาดแผลที่เกิดจากการกดทับเป็นบาดแผลทีjไม่ได้รักษาให้หายจะลุกลามไปเรื่อยๆ
ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้นและสามารถกินลึกไปจนถึงกระดูก
และมีแผลโอกาสที่จะติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น
นั่นคือหากถุงทองไม่สามารถช่วยตัวเองโดยการขยับเขยื้อนได้
พี่เลี้ยงก็ต้องช่วยกันพลิกตัวถุงทองทุกๆ สองชั่วโมง
เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับดังกล่าว
ตลอดวันวานที่ผ่านมาพี่เลี้ยงช่วยกลับตัวถุงทองไปมา
แต่คำถามคือจะทำกันได้นานแค่ไหน?
โชค
โชคเข้าข้างถุงทองอีกครั้งเมื่อผมคิดได้ว่า ผมมีเพื่อนทำที่นอนป้องกันบาดแผลกดทับสำหรับคนอยู่ และผมเองก็มีส่วนช่วยในการให้คำปรึกษาในเรื่องการตลาดของที่นอนป้องกันแผลกดทับสำหรับคนนี้ ผมไม่รีรอที่จะโทรหาเพื่อนคนนี้และบอกเรื่องของถุงทองให้เขาฟัง ซึ่งเพื่อนผมก็ใจดีอย่างสุดๆ ส่งที่นอนป้องกันแผลกดทับสำหรับสุนัขมาให้ผมหนึ่งชุดทันที สำหรับที่นอนที่ถุงทองได้มานั้นก็เป็นเวลาเหมาะพอดีที่เพื่อนคนนี้กำลังทำ Clinical Trial สำหรับที่นอนป้องกันแผลกดทับของสัตว์อยู่ เมื่อที่นอนมาถึง พวกเราก็คลี่และเติมอากาศจากเครื่องปั๊มลมอย่างรวดเร็วทันใจ จากนั้นก็เอาถุงทองขึ้นนอนในที่นอนใหม่ เมื่อร่างกายของถุงทองได้สัมผัสกับที่นอนใหม่สักพัก ผมจึงสังเกตุแววตาของถุงทอง มันมีประกายของสุนัขที่มีความสุขมากขึ้น และเมื่อถุงทองได้เลียน้ำจากหลอดฉีดยาที่พี่เลี้ยงป้อนได้ไม่นาน ก็ปิดตานอนหลับไปอย่างสบาย ทำให้พวกเราพออกพอใจกันมาก และในตอนเย็นเพื่อนผมที่นำที่นอนมาให้ก็แวะมาเยี่ยมถุงทองถึงที่บ้าน และมาให้คำแนะนำพี่เลี้ยงเกี่ยวกับการใช้งาน
ทุกคนที่บ้านเมื่อเห็นถุงทองมีความสุขมากขึ้นเราก็รู้สึกมีความสุขตามไปด้วย
อย่างน้อยที่สุดเราก็ได้ดูแลถุงทองเป็นอย่างดี
และได้ตอบแทนความซื่อสัตย์
ความเป็นเพื่อนของถุงทองที่มีให้ซึ่งกันและกันตลอดเวลา 12 ปีที่ผ่านมา
ถึงแม้วันนี้ถุงทองจะไม่มีร่างกายที่เคลื่อนไหวได้เหมือนเดินอย่างเมื่อวันวาน
แต่เราก็เชื่อว่าถุงทองยังมีจิตและวิญาณที่มีความสุขร่วมกับทุกคนในบ้าน
คำว่าพรุ่งนี้อาจจะไม่มีความแน่นอนแต่ผมคิดว่าวันนี้เรามีความสุขมากที่ได้เห็นถุงทอง
สุนัขของเรา
บุริม โอทกานนท์
-----------------------------------------------------
* ขอขอบคุณ คุณสุรศักดิ์ ตาบทิพย์วัฒนา เจ้าของบริษัท Ureka
ผู้ที่มอบที่นอนป้องกันบาดแผลกดทับสำหรับสัตว์ให้กับสุนัขของเราที่ชื่อ
“ถุงทอง”
http://www.bedsorethai.com/
-----------------------------------------------------
ไม่มีความเห็น