เสี้ยววินาทีของการตัดสินใจบนท้องถนน


อย่าลังเล เมื่อมีเหตุการณ์ต้องตัดสินใจในขณะที่ขับรถ และต้องมีสติ ควบคุมตนเองด้วยนะคะ

     เมื่อวานนี้ (วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน 2550) หลังจากเลิกเรียน ฉันพร้อมเพื่อนอีก 3 สาว (สวย) ได้แวะช้อปปิ้ง และรับประทานอาหารเย็นด้วยกันเหมือนทุกๆ อาทิตย์ ที่ผ่านมา แต่อาทิตย์นี้พิเศษหน่อย คือเม้าส์ติดลม จนเวลาล่วงเลยถึง 2 ทุ่มครึ่งกว่าๆ จึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน เพื่อนสองคนบ้านอยู่หาดใหญ่ ส่วนฉันและเพื่อนอีกหนึ่งคนบ้านอยู่สงขลา จากหาดใหญ่-สงขลาใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ก็ประมาณ 30 นาที -1 ชม. (ขึ้นอยู่กับอัตราความเร็วรถ) เส้นทางจากหาดใหญ่-สงขลาก็มีสองเส้นทาง คือ หนึ่งเส้นสายเก่าเป็นถนน 4 เลน รถวิ่งสวนกัน ระหว่างทางไม่ค่อยเปลี่ยวเท่าไร เนื่องจากมีบ้านคนอยู่ระหว่างสองข้างทางเกือบตลอดเส้นทาง แต่ฉันเลือกที่จะใช้เส้นทางสายใหม่ เพราะเห็นว่าถนนแบ่งออกเป็นสองฝั่ง รถไม่ได้วิ่งสวนกัน อย่างน้อยก็น่าจะลดอัตราเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าเส้นทางสายเก่า (ฉันวิเคราะห์ตามความคิดเห็นของตัวเองนะคะ) แต่ข้อเสียของเส้นทางสายใหม่ก็มีนะคะ คือว่าเส้นทางนี้ค่อนข้างจะมืด เพราะไม่ค่อยมีหมู่บ้าน และสอง โค้งปราบเซียนมีหลายโค้งมากๆ คืนวันนั้นฉันก็ขับรถความเร็วตามปกติ (90 กม. / ชม.) ขับรถเปิดเพลง สบายใจมาเรื่อยๆ จนถึงโค้งท่านางหอม (โค้งปราบเซียนสุดๆ) ฉันก็เริ่มท่องบทสวดแผ่เมตตา ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันทำเป็นประจำเมื่อขับรถผ่านโค้งนี้ (ที่มาของการแผ่เมตตาเนื่องมาจากว่าประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาฉันและเพื่อนขับรถผ่านโค้งนี้และเจออุบัติเหตุที่เพิ่งเกิดขึ้น รถพังยับ คนตายนอนเกลื่อนถนน เป็นภาพที่ติดตา ติดใจฉันมาจนถึงปัจจุบัน พอผ่านโค้งนี้ทีไร ฉันจึงต้องแผ่เมตตาประมาณ 2-3 รอบทุกครั้งเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับสสาร วิญญาณที่อาจจะเร่ร่อนอยู่แถวๆ นั้น)

     ในขณะที่กำลังขับรถไปด้วย ปากก็ท่องบทสวดแผ่เมตตาไปด้วย สายตาก็เหลือบไปเห็นรถปอเต็กตึ้ง รถตำรวจ รถใครต่อใครจอดระหว่างสองข้างทางโค้งท่านางหอมอยู่หลายคัน เกิดอุบัติเหตุที่โค้งนี้อีกแล้ววววว.... แต่ด้วยความที่มันมืด บวกกับความเร็วของรถทำให้ฉันมองไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คาดการณ์ว่าน่าจะมีรถวิ่งแหกโค้ง แล้วพุ่งชนต้นไม้ แล้วไถลตกคูน้ำข้างทาง (เห็นนิดหน่อยแต่คาดการณ์ได้ขนาดนี้เชียว) ฉันก็ขับรถพร้อมท่องบทสวดแผ่เมตตารอบที่ 3 ต่อไป แต่ก็ได้ลดความเร็วรถลดและขับรถเข้าเลนซ้าย ขับรถต่อไปประมาณซัก 100 เมตรจากโค้งท่านางหอม ฉันก็เห็นวัตถุสิ่งหนึ่งอยู่กลางถนนและแล้วฉันก็รู้ว่าวัตถุสิ่งนั้นคือ สุนัข (ตัวสีดำ) ยืนตระหง่านอยู่กลางถนน ณ วินาทีนั้นฉันก็คิดในใจว่าจะเอายังไงดี (วะ) จะขับตรง หรือจะหักหลบไปเลนขวาดี แต่ด้วยความเร็วรถ (ประมาณ 80 กม./ชม.) และระยะห่างระหว่างสุนัขและรถของฉันมันกระชั้นชิดมากแล้ว ฉันจึงตัดสินใจขับตรง เพราะถ้าฉันหักหลบ ณ ความเร็วขนาดนั้น รถต้องพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง หรือไม่รถก็ต้องหมุนแน่นอน และผลของการขับรถตรงไปก็คือ รถฉันชนสุนัขเข้าเต็มเปา ความรู้สึกที่รับรู้คือมันกระเด็นแล้วฉันก็ได้ยินเสียงร้องของมัน แต่ฉันก็ไม่ได้หยุดรถลงไปดู เพราะเส้นทางนั้นมันมืดมากๆๆ ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าตายหรือว่าบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน ตอนนั้นฉันใจเสียมากๆ ได้แต่พร่ำขอโทษสุนัขตัวนั้นอยู่ในใจว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น แต่ก็ควบคุมสติขับรถต่อไป พร้อมกับลดความเร็วรถลดลงมาอีก ขับรถไปได้สักพักฉันก็โทรศัพท์หาเพื่อนซึ่งขับรถตามมา เล่าให้เขาฟังว่าฉันขับรถชนสุนัข เพื่อนก็เลยช่วยสังเกตุข้างทางที่เกิดเหตุให้ พร้อมกับบอกว่าไม่เห็นซากสุนัขบนถนน ฉันก็ใจชื้นขึ้นมานึดหนึ่งและก็ภาวนาขอให้มันมีชีวิตอยู่ ที่ฉันรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้เพราะว่าตั้งแต่ขับรถมาประมาณ 4 ปีฉันไม่เคยขับรถชนสิ่งมีชีวิตเลยซักครั้งเดียว (ยกเว้น มด แมลง) ส่วนมากคู่กรณีของฉันก็คือ ประตู ฟุตบาท เสาไฟฟ้า อะไรประมาณนี้

     หลังจากขับรถถึงบ้าน ฉันก็ลงมาสำรวจกันชนด้านหน้าของรถ ก็พบร่องรอยความเสียหายนิดหน่อยคือ กันชนด้านหน้าแตกไป.. แล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้หลวงลุงของดิฉันฟัง หลวงลุงก็บอกว่าไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าค่อยทำบุญให้มัน ตื่นมาตอนเช้า หลวงลุงก็เอาพานดอกไม้ ธูปเทียน ทำพิธีสวดมนต์ (กายกรรม 3 มโนกรรม4 วจีกรรม 3......) ขออโหสิกรรมกับเจ้าสุนัขตัวนั้น พร้อมกับพรมน้ำมนต์นิดหน่อย ฉันก็สบายใจขึ้น แล้วก็ขับรถมาทำงานปกติ....

     สิ่งที่ฉันแปลกใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้นิดหนึ่งคือ ทำไมเมื่อสุนัขเห็นแสงไฟจากรถ มันจึงไม่วิ่งหลบ แต่กลับยืนนิ่งอยู่เฉยๆ หรือว่ามันเองก็ตกใจเช่นกัน....

หมายเลขบันทึก: 126741เขียนเมื่อ 10 กันยายน 2007 11:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 10:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

เมื่อคืนก็เห็นเหมือนกัน ในทางสายใหม่มีอุบัติเหตุ
และก็มีรถหลายๆ คันพยายามที่จะชะลอ จอดดู
แต่ตรงที่เหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นบนเนินเขา
ซึ่งรถที่จอดดูเหตุการณ์พวกนั้นไม่ได้คิดเลย

ว่ารถที่ตามหลังมานั้นอาจจะไม่ทันได้สังเกตุดู
และอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นซ้ำก็เป็นไปได้

ส่วนเรื่องของพี่ออ
ก็เป็นที่น่าเห็นใจ
เพราะหมา บางทีมันก็ซื่อบื้อมากๆ พี่ชายผมก็เพิ่งชนไป ไม่นานนี้

 แต่อยากแนะนำพี่ออว่า
ไม่ต้องไปสวดมนต์อะไรหรอก เวลาเข้าโค้งบริเวณนั้น

ให้ตั้งสมาธิกับการขับรถจะดีกว่า

เป็นห่วงนะครับ

  • ขอบคุณ P มากเลยนะครับ ทำให้พี่สบายใจขึ้นเยอะเลย
  • คราวหน้าพี่จะตั้งสมาธิให้มากขึ้น พี่อาจจะใจจดจ่ออยู่กับการสวดบทแผ่เมตตาอยู่ก็เป็นได้ สายตาจึงไม่ได้มองภาพกว้างบนถนน จึงทำให้ไม่เห็นสุนัขตัวนั้นในระยะไกล
  • ขวัญเอ๋ย ขวัญมา น่าฉงฉานน้องออจังเลย
  • น้องออเก่งมากนะคะ ที่คุมสติตัวเองได้ดีมาก หากคิดพลาดไปนิดเดียวก็อาจจะแย่ได้เหมือนกัน
  • ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาแล้ว ขออโหสิกรรมให้กันแล้ว คงจะทำให้น้องสบายใจขึ้นนะ

 

  • ขอบคุณค่ะพี่จุ้ย ตอนนี้สบายใจขึ้นมากแล้วล่ะค่ะ

ออ..เป็นคนจิตใจดี ..เจ้าหมาตัวนั้นคงให้อภัย

อ้อ...ขอร่วมแผ่เมตตาให้เจ้าหมาน้อยตัวนั้นหายไวๆ ด้วยคนนะคะ  ....แบบว่าเป็นคนขี้สงสารเหมือนกันน่ะค่ะ

 พี่ว่าน้องก็ไม่ได้ขับรถเร็วมาก ถือว่าเป็นอุบัติเหตุซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกๆคนแล้วเราก็ไม่ได้ตั้งใจด้วยเจ้าหมาน้อยคงเข้าใจ

ขอบคุณนู๋อร กับพี่แหม่มนะคะ

ถ้าเป็นสุนัขบนท้องถนนแล้วละก็ พี่เองก็ฆาตกรรมมาแล้วด้วยความเร็วที่ไม่ต่ำกว่า 120 กม/ชม.มานักต่อนักแล้วจ้ะน้อง แต่เหตุการณ์เช่นนี้ก็ยังทำให้พี่ก็ใจหายทุกครั้งที่เกิดกับตัวเอง

จึงไม่แปลกที่ผู้หญิงน่ารัก ๆ อย่างหนูออจะตระหนกกับเหตุการณ์ดังกล่าว

ความเห็นก่อนหน้านี้เป็นของพี่เองจ้ะออ
  • คาดว่ามันคงตกใจแสงไฟจากหน้ารถ
  • เท่าที่ทราบสัตว์ที่อยู่ในป่าถ้าเราเอาไฟไปส่องหน้ามันจะงง อยู่สักพักเพราะแสงไฟ
  • คงสบายใจขึ้นนะครับ
  • ขอบคุณครับที่ทำให้ระวังมากขึ้น

คุณเป็นคนจิตใจดีนะครับ

  • ขอบคุณ P มากค่ะที่ให้ข้อมูลว่า สัตว์ที่อยู่ในป่าถ้าเราเอาไฟไปส่องหน้ามันจะงง อยู่สักพักเพราะแสงไฟ เพิ่งจะทราบเหมือนกันค่ะ
  • อีกเหตุผลนึงที่มองไม่เห็นสุนัขตัวนั้น เพราะวันนั้นใช้ไฟต่ำ เลยทำให้มองไม่เห็นในระยะไกล
  • ขอบคุณ P ที่มาให้กำลังใจกันค่ะ ว่าแต่ว่ารูปใครคะ น่ารักจังเลย ชอบๆๆๆ

พี่กุ๊กคะ จากข้อความ "ถ้าเป็นสุนัขบนท้องถนนแล้วละก็ พี่เองก็ฆาตกรรมมาแล้วด้วยความเร็วที่ไม่ต่ำกว่า 120 กม/ชม.มานักต่อนักแล้ว" ออ ว่าพี่น่าจะไปทำบุญกรวดน้ำให้มันบ้างนะคะ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท