บทเรียนจากเกษตรกรรมเชิงเดี่ยว


บทเรียนจากเกษตรเชิงเดี่ยว

                วันนี้ ได้ ศึกษา เกษตรกรรมเชิงเดี่ยว   เช่น  การปลูกกระหล่ำปลี  ของชาวบ้าน ทับเบิก หล่มเก่า   ๕๐๐๐ ไร่    การปลูกยาสูบที่เพชรบูรณ์          การปลูกสัปปะรด  ๖ แสนไร่ ที่ประจวบคีรีขันธ์    การทำไร่ สวนผักกุยไช่ ที่ ปากช่อง   และ ชาวนาปลูกข้าว อีกหลายแห่ง   พบว่าน่าสลดใจ  ได้ข้อคิดเกี่ยวกับ กระบวนการเรียนรู้ของพวกเขา  เมื่อเปรียบเทียบ กับ  ข้าวขวัญ (สุพรรณฯ)    แพรกหนามแดง (สมุทรสงคราม)  บ้านจำรุง (ระยอง)   ซับสนุ่น (สระบุรี)  ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ (นครนายก)  มหาชีวาลัยอิสาน (บุรีรัมย์)   ฯลฯ

                คลองม่วง ที่ไร่ของผมที่ปากช่อง  ชาวสวนผัก ปล่อยสารเคมี ลงมาในคลอง ทำให้ วัวนม  ตัวใหญ่   กินไปแค่ไม่กี่อึก  แท้งลูก และ ตัวแม่วัวอีกไม่นานก็ตายตามลูกในท้องไป   ผมก็กำลังหาทางหลอกล่อ  เนียน นุ่ม ลึก   ในการ แนะนำ ชาวบ้านเกษตรเชิงเดี่ยวพวกนี้อยู่     ยิ่งทำยิ่งจน   นายทุนต่างชาติทั้งนั้น    หลอกลวงคนกินทั้งนั้น

                ปลูก ๔ แปลง ถล่มด้วยสารเคมี แต่ ๑ แปลง ปล่อยให้แมลงลง   แต่ ตอนวางขาย  ผสมๆกัน  หลอกคนซื้อว่า  ปลอดสาร  ดูสิ  มีรอยแมลงกินด้วยนะ

                คนขายเคมียิ้ม   คนขายเมล็ดพันธุ์ก็ยิ้ม   ก็เล่นขายแบบเป็นหมันปลูกได้หนเดียวมาปลูกนี่นา

                วิธีคิดของพวกเกษตรเชิงเดี่ยว    ยังเป็นแบบ  ไม่มีกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม  ไม่รู้จักการวิจัย  ไม่มีเครือข่าย   เต็มไปด้วยความโลภ   แยกแยะต้นทุนไม่เป็น  ไม่รู้จักวิเคราะห์    เต็มไปด้วยความกลัว ฯลฯ

                เชื่อหรือไม่ว่า  พวกกินเชิงเดี่ยว  มีโอกาสป่วยง่าย  เช่น  ผักชนิดเดียว  อาหารประเภทเดียว ไม่หลากหลาย

                พวกบริหารเชิงเดี่ยว  อย่างฝ่าย ฝึกอบรม   แบ่งงานในองค์กรแบบชัดๆ (JD)  ไม่เคยให้คนหลากหลายฝ่ายมารวมพลังคุยร่วมกัน   คนอยู่ในปัญหานำมาแก้ปัญหายิ่งสร้างปัญหา    กลายเป็น พวกบัญชีเชิงเดี่ยว  ฉันทำบัญชีแบบนี้ ระเบียบแบบนี้   คนไม่จบบัญชีคิดอย่างฉันไม่ได้หรอก  อย่ามายุ่ง ฉันไม่เชื่อใครหรอก ?”

 นักผลิตเชิงเดี่ยว   ฉันผลิตมานาน มันยาก คุณไม่รู้ปัญหาเท่าฉัน ฉันอยู่ในปัญหามานานแล้ว   ฉันไม่เชื่อใครหรอก ?”   ถ้าเชื่อคุณ  ฉันก็เสียฟอร์ม  น่ะสิ   

ฝ่ายขายเชิงเดี่ยว ฉันจะขาย  ใครอย่ายุ่ง  คุณไม่เคยขาย คุณไม่เข้าใจ  ไปไกลๆไป  ฉันไม่เชื่อใครหรอก ?”

นึกถึง การฝึกธรรมะ หลายคนก็เอาแต่ ทางโลกๆ   ทางเดี่ยว   โดยไม่เข้าใจ การปฏิบัติธรรมนั้น   เป็นการผสมผสาน ทางโลกทางธรรม ไปควบคู่กันไปได้     การฝึกแนวจิตดูจิตนี่แหละ  สมมติก็ไม่ทอดทิ้ง วิมุติก็ไม่เสียหาย 

คนไม่สนใจทางธรรมเลย  ก็จัดเป็น คนเชิงเดี่ยว

คนจีนเรียกพวกหัวดื้อ  คิดวนเวียนแบบแผ่นเสียงตกลง  ใช้วิธีคิดเดิมๆ  ว่า พวกหัวสี่เหลี่ยม

                นึกถึง ระบบการศึกษา  จะพบว่า  เราเอา คนมีปัญหา คนในปัญหา เข้าไปแก้ปัญหา  ทำให้ปัญหาบานปลาย แปลงร่าง วุ่นวายมากขึ้น    คนบริหารระบบการศึกษาก็ไม่ต่างอะไรกับชาวบ้านที่ทำเกษตรเชิงเดี่ยว   เหมือนพวกชาวเกษตรกร ปลูกยาสูบ  ปลูกกระหล่ำปลีที่หล่มเก่า    คือ  ต้องปลูกเหมือนกันทั้งไร่   มีเป้าหมายเชิงเดียว คือ เงิน    และ เชื่อแบบเดิมๆ  เชิงเดียว ตามประสาคนหน้าเงินว่า    การทุ่มเงินลงมาคือการแก้ปัญหา    การแจกคูปองเงิน คือ การแก้ปัญหา      ดังนั้น   ยิ่งแก้ยิ่งจน  ยิ่งแก้ยิ่งล้มเหลว  ไม่ยั่งยืน ไม่พอเพียง

                ผู้ยิ่งใหญ่การศึกษา  ก็บอกว่า ฉันเรียนมาทางการศึกษา  ฉันเก่งที่สุด  คนนอกไม่เกี่ยว  ฉันอยู่ในปัญหามานาน  ฉันรู้ปัญหาดี  ทำไม่ได้หรอก  ทำไม่ได้   สอนพวกเขาให้ฉลาด  เราก็จะปกครองพวกเขาได้ยาก     เวลาใครไปแนะนำพวกผู้ยิ่งใหญ่ ฯ     พวกนี้จริงๆแล้วแค่ได้ยินเท่านั้นเอง  ไม่ได้ฟังแบบน้อมเข้าไปพิจารณาเลย   พวกนี้มีคำตอบในใจตั้งแต่ต้นแล้ว     พวกนี้ไม่ต่างกับเกษตรกรเชิงเดี่ยวเลย  เหมือนคนปลูกใบยาสูบ คนปลูกกระหล่ำปลี    พวกเขา ทั้งผู้ยิ่งใหญ่การศึกษา   ก็เชิงเดี่ยวพอๆกัน      

                ระบบการศึกษาเชิงเดี่ยว   สร้างวิศวกรเชิงเดี่ยว   สร้างถนน สร้างฝาย โดยไม่สนใจสังคมมิติ  ไม่สนใจสภาพแวดล้อม  แบบถนนรอบเมืองหาดใหญ่   เขื่อนที่แพรกหนามแดง  ฯลฯ   สร้างนักกฏหมายเชิงเดี่ยว  ที่ไม่เข้าใจกลไกการบริหาร   สร้างนักรักษาโรค ที่ไม่ใช่ รักษาคนที่เป็นโรค   นักบริหารธุรกิจเชิงเดี่ยว   ไม่บริหารความเสี่ยง  ไม่เตรียมตัวกับความเปลี่ยนแปลง    และผู้บริหารที่เห็นแก่ตัว (เลข)  เป็นต้น

          ผู้ปกครอง ก็ไม่ต่างกับ เกษตรกรเชิงเดี่ยว   มีแต่ ความหวัง ความฝัน   พาลูกไปแข่งขัน   กดดันตั้งแต่เล็กๆ   โรงเรียนอนุบาลแข่งกันเขียนได้  อ่านได้   ฯลฯ  เพื่อเอาใจ โรงเรียนประถมดังๆ ที่ออกข้อสอบให้เขียนได้ก่อนวัย อ่านได้ก่อนวัย ฯลฯ 

                ผู้ปกครอง หลงเชื่อ โรงเรียนเชิงเดี่ยว  คือ เน้นวิชาการ  วิชาการอย่างเดียว   โรงเรียนดี  คือ  ตัวเลขที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้      อุปมา ผู้ปกครองต่างๆก็เหมือนเกษตรกรเชิงเดี่ยว  ที่ฝันว่า  ถ้ากระหล่ำปลีราคาดีฉันจะรวย สัปปะรดราคาดีฉันจะหมดหนี้   ฯลฯ    

                การทำเกษตรแบบพอเพียง   พึ่งพาตนเองได้   ถ้าเปรียบเทียบกับการศึกษา ก็คือ  การเรียนรู้แบบพึ่งตนเอง  constructionism learning นั่นเอง   การเรียนรู้แบบ problem based learning 

          ชาวนา ชาวไร่ ที่เอา ฝัน คือ รวย เพราะ การยั่วยวนของสื่อ ของทางการ ว่าปลูกนี่สิ ปลูกนั่นสิ   ก็ไม่ต่างกับ  นักเรียนที่โดนครูหลอกว่า เรียนนั่นสิ  เรียนนั่นสิ  เรียนแบบเชิงเดี่ยว  โดยครู แบบ ม้งปลูกกระหล่ำ    และ  พวกขายเคมีให้เกษตรกร  ก็อุปมา  เหมือน พวกหากินกับการศึกษานั่นแหละครับ  

                วันนี้ สอนเรื่องเกษตรกรรมเชิงเดี่ยว  และ แบบพอเพียง ไร่นาสวนผสมให้ ผู้บริหารองค์กรแห่งหนึ่ง   ผมแบ่งกลุ่ม ทำ world café    และ ยิงคำถามที่ กระแทกต่อมคิดพวกเขา คือ องค์กรของท่าน เป็นแบบเชิงเดียวหรือไม่     ไม่น่าเชื่อว่า ยังไม่ทันเข้ากลุ่มเลย ทุกคนร้องลั่น ใช่ 

                มีท่านหนึ่งในกลุ่ม เสนอว่า  หากเราแบ่งแยก ว่านี่ เชิงเดี่ยว นี่เชิงผสมผสาน แสดงว่าเรายังคิดแบบแบ่งแยก เพ่งโทษ ทวินิยม  คิดดูสิ ไม้ดอกกินได้   ไม้กินได้สวยงามก็มี   ….    ก็เป็นการนำเสนอที่น่าสนใจ

มีคนในกลุ่ม หลายคนเคยดู สารคดี แผ่นดินไท  ช่อง TPBS  วันพุธ สองทุ่มครึ่ง       เขาสังเกตว่าตอนที่  นักข่าวถามว่า ทำไมปลูกแบบเชิงเดี่ยวล่ะ     เกษตรกรบอกว่า มันง่าย     เขานึกถึงครูที่สอนแบบเดิมๆ  เผา power point  ไปวันๆ  ว่า มันง่ายดี   เหมือนกันเลยเนอะ

ตอนที่นักข่าวถามเกษตรกรว่า ทำไมไม่เลิกใช้สารเคมี    เกษตรกรบอกว่า ใครๆก็ทำ    นึกถึงครูที่สอนแบบเดิมๆ  คือ ใครๆก็ทำ     …..  โห  ไม่ต่างกันเลย   ชาวเขาปลูกกระหล่ำ  ชาวไร่ปลูกสัปปะรด  

 พอ ทำ world café กันแล้ว   ก็มีคนบอกว่า  น่าจะไปถามภรรยาตนเองว่า  ขออนุญาตไม่เชิงเดี่ยว   มีแบบหลากหลายได้ไหม      สาวๆในกลุ่ม ก็ให้ความรู้กลับมาทันทีว่า  บางเรื่องก็ต้องเชิงเดี่ยวนะค่ะ    

หมายเลขบันทึก: 187916เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2008 23:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 19:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ครับ ท่านไร้กรอบ

เชิงเดี่ยว ก็คือการแยกส่วน

การแยกส่วน คือการล่มสลาย ตาย และ เข้าสู่ระบบฐานเดิม ก่อนที่จะมารวมกัน

ถ้าเป็นเกษตร ก็เข้าสู่ระบบเกษตรเคมี

ถ้าเป็นการใช้ชีวิต ก็เป็นชีวิตแบบเคมี และ การใช้สารเสพติด

ถ้าเป็นระบบชีวิต ก็เป็น ชีวิตที่หนีธรรมะ และธรรมชาติ นำไปสู่อบายภูมิ ความทุกข์ และการล่มสลาย จากทางจิตใจ และร่างกาย

เรื่องนี้ เป็นอวิชชา ที่พ่วงมากับเทคโนโลยี หนุนเสริมด้วย มิจฉาทิฐิ (ทฤษฎีที่ผิดพลาด)

ใช้ประสบการณ์ที่ผิดพลาด แต่ได้ผลบ้าง เป็นตัวนำทาง แบบเดียวกับการเสพยาเสพติด แล้วสบายใจทันที "ชั่วครู่" ที่ต้องทำให้เกิดแบบ "ชั่วครู่" ไปเรื่อยๆ

แม้จะได้ผล ก็สั้น และต้องเพิ่มปริมาณไปเรื่อยๆ จนระบบ ทนไม่ได้ก็ล่มสลายไป

นักวิชาการสายตาสั้น และเกษตรกรที่แขนสั้น ก็วนเวียนอยู่ในวงจรนี้ แบบ  ไม่รู้ว่ามีทางออก ไม่คิดจะหาทางออก หรือ คิดก็ไม่กล้าทำ หรือ แม้อยากทำ ก็ทำไม่เป็น

และยังถูกมอมเมาจากระบบการค้า การผลิต การตลาด ที่ไม่สนใจความเดือดร้อนของใคร ขอให้ข้าได้ไว้ก่อน ก็พอใจแล้ว แม้จะเสียหายต่อไป ก็ไว้ว่ากันทีหลัง

นี่คือ ระบบคิดแบบ เคมี เชิงเดี่ยว และเสพติดครับ

เราต้องช่วยกันหาทางลดความแรงของกระแสนี้ ไม่งั้นระบบนิเวศล่มสลายแน่นอน

 

คิดแบบเชิงเดี่ยวแบบวิทยาศาสตร์เก่า มักไปได้ไม่ไกล เพราะสุดโต่ง สุดขั้ว

proton (+) เคลื่อนที่ไปได้ไม่ไกล เพราะมีelectron (-) คอยดูดจับ

electron(-) เคลื่อนที่ไปได้ไม่ไกล เพราะมี proton (+)คอยดูดจับ

สุดโต่งแบบคิดเชิงบวก (กุศล) และสุดโต่งแบบคิดเชิงลบ (อกุศล)มักไปได้ไม่ไกล

ต้องคิดแบบ อ.คนไร้กรอบ ไม่บวกไม่ลบ สมดุลระหว่างวิมุตติกับสมมุติ คิดแบบจิตว่าง (Neutron) ซึ่งไปได้ไกลกว่า ฮ่า ฮ่า ฮ๋า .....

การบริหารจัดการในองค์กรส่วนใหญ่คิดแบบสุดโต่ง มุ่งที่ Finance แบบ I in Me จึงส่งผลให้โลกภายในและภายนอกร้อน เช่นในปัจจุบัน ใช่ไหมครับอาจารย์

  • ขอบคุณท่านอาจารย์ที่มาช่วยเปิดกระโหลกให้ครับ
  • ผมก็ติดตามรายการนี้มาตั้งแต่ตอนแรกครับ....อิอิ
  • รายการหลาย ๆ รายการที่จัดทำโดยทีมนี้....ดีดีมีคุณภาพ...เขาจะจัดฉลองครบ 6 ปีเร็ว ๆ นี้ด้วย...อิอิ

ขอบคุณ ทุกท่านครับ

เชิงเดี่ยว เป็นพวก "ฉลาดลึก แต่"

น้องใหม่ ความรู้อ่อน แต่สนใจทางระบบเกษตรตามแนวทฤษฎีต่างเพื่อค้นหาความยั่งยืนครับ ขอคำแนะท่านอาจารย์ทุกท่านครับ

ขอบคุณครับ ข้าวปลาอาหาร ปัจจัยสี่นี่ซิเป็นของที่ต้องอยู่คู่กาย เป็นของแท้แน่นอน ถ้าอยากจะหาเงินหาทองต้องไปหาในเมือง ในชนบทมีให้แต่ทรัพยากร ไม่อดอยาก ชนบทต้องดำเนินแนวทางที่ให้ร่ำรวยทรัพยากร แต่ปัจจุบันนี้กำลังก้าวเข้าสู่เงินทองก็ไม่มี ทรัพยากรก็ร่อยหรอ ซึ่งทำให้ไม่พออยู่ พอกิน พอใช้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท