มนุษย์เป็นสายพันธุ์เดียวที่ทำลายโลก และไม่คิดจะแก้ไข ปรับปรุงตนเอง
ดูหนังเรื่อง The Day The Earth Stood Still หรือยัง มีขายตามร้านสะดวกซื้อแล้ว พากษ์ไทยเท่านั้น ราคาไม่แพง
ก่อนดู :
(1) อยากให้ ติดตาม บทบาท ตัวละครหลายตัวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ 2 ตัวแรก ที่เป็นดาราประกอบ คือ
- · รมว กลาโหมหญิง ของ USA : ดูคำพูด การตัดสินใจ อารมณ์
- · เด็กชายผิวดำ หัวฟู ลูกเลี้ยงของนางเอก : ดูเรื่องการติดยึด (Mental model) การติดกับดักความคิด ค่านิยม นิสัยของเด็กในเมืองใหญ่ เสพนิยมสุดๆ เต็มไปด้วย “คำพิพากษา”
- นอกนั้น ก็ลองดู นางเอก ดร เฮเลน เบนสัน (แสดงโดย Jenifer Connelly เคยเล่น Beautiful Mind ) : รู้สึกว่าจะได้ รางวัลจาก หนังเรื่องนี้ด้วยนะครับ
(2) อยากให้ เตรียมจด คำคมต่างๆ ในหนังเรื่องนี้ ที่ออกมาจาก ตัวละครสำคัญ เช่น
- คราทู ( มนุษย์ต่างดาว แสดงโดย คีนู รีฟ พระเอกจาก Matrix นั่นเอง รายนี้ เล่นหนังแนวพุทธหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องนี้ด้วย)
- คนจีนชรา เป็นมนุษย์ต่างดาว ที่มาสำรวจและทำรายงานเรื่องโลก เขามาก่อน คราทู ประมาณ 80 ปี ที่แล้ว
- คำพูด ของ รมว กลาโหม หญิง
- คำพูด ของ นักชีววิทยา รางวัลโนเบล ที่ สามารถพูดให้ “คราทู” พระเอกของเราได้ฉุกคิด
(3) อยากให้เห็น “ความกลัว” ในตัวมนุษย์ หนังเรื่องนี้ สะท้อนได้ดีมาก สังเกต สีหน้า อารมณ์ การตัดสินใจ ความเคยชินที่ใชู้
(4) ดูเทคนิค การใช้ โฆษณาแฝง ที่แทรกเข้ามาเยอะมาก
(5) ดู Dialogue ที่ ไม่ต้องล้อมวง ก็ได้ ดูการ Hansei ของ เด็กดำ กับ คราทู ตอนนั่งหลังรถกะบะ
เป็นหนัง แนว Sci-Fi ที่ เน้น พฤติกรรมมนุษย์ ที่ไม่ตั้งใจที่จะ แก้ไข รักษา สภาพแวดล้อมของโลก
หลายท่าน ดูหนัง เอา มันส์ อย่างเดียว ก็จะมอง ประเด็น ที่ คนสร้างหนัง จะสื่อตรงนี้ไม่ออก
"ความกลัว กับ ความกล้า" ของมนุษย์ มีเส้นแบ่งบางๆ ที่แยกไม่ออก
"กิเลส" เป็นอะไรที่มนุษย์ หรือ ผู้ที่มีใจเป็นใหญ่ ในร้ายมีดี ในดีมีร้าย
"ผู้นำ หรือ ผู้ทำลาย" เป็นการถาม รัฐบาลอเมริกัน "ใครเป็นผู้นำโลก ที่แท้จริง"
ความเห็น (7)
สวัสดีครับ อ.วรภัทร
ผมชอบเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนหลังมีภาพยนต์ environment และ mind ออกมาดีๆหลายเรื่อง
สำหรับเรื่องนี้ ผมยังรู้สึกว่าหนังได้แสดง "blindspot" ของคนทุกคน (.... เกือบทุกคนก็แล้วกัน) ได้ดีเยี่ยม แม้แต่คราทูเองก็ตาม อิทธิพลของ blindspot ไม่สามารถจะแก้ไขได้เพียงแค่ advanced technology หรือ IQ เพียงเท่านั้น แต่หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นความ "สำคัญและจำเป็น" ของการเชื่อมฐานกาย ใจ และความคิด ทั้งสามฐาน จะ "ต้อง" เอื้อเกื้อหนุนกัน หย่อนด้านในด้านหนึ่งไป ก็จะมองไม่ออก ตีโจทย์ไม่แตก (แต่อาจจะตีโลกแตก!!)
รมต.กลาโหมตกอยู่ในวังวนของ "คนที่ต้องตัดสินใจ" อย่างเฉียดพลันทันที และ "เดี๋ยวนั้น" พวกเราคนดูที่เป็นบุคคลที่สามสามารถรู้สึกอึดอัด คับข้องใจในการตัดสินใจ เพราะว่า "เราเห็นอีกด้านหนึ่ง (ของพระเอก) ที่ท่าน รมต.ไม่เห็น นั่นเป็น privilege ที่หนังแอบให้เรา ก็ต้องย้อนกลับมาถามตัวเองอีกว่า เราเองนั้นได้ไปตัดสินคนอื่น อย่างเฉียบพลันทันทีไปแค่ไหน จะมีคนที่มองเห็นหลายด้านอึดอัดกับการตัดสินของเราไปแค่ไหน
ผมคิดว่าอาจารย์อาจจะยิ่งชอบภาพยนต์เรื่อง Watchmen ไม่ทราบที่เมืองไทยฉายรึยังนะครับ เรื่องนี้ก็เลาะเล็มกับ "อารมณ์มนุษย์" กับ "การตัดสิน" ที่มีผลต่อ relationship ตลอดทั้งเรื่องเลยเหมือนกัน สุดท้ายได้โยนคำถาม ความถูก ความผิด การยึดมั่นในหลักฐาน ใน "ความจริง" และ "practical" ออกมาเสียดสีกันตลอดทั้งเรื่อง หนังยาวครับ สองชั่วโมงครึ่งได้ มีฉาก violence และ sex มากเหมือนกัน ไม่ทราบที่เมืองไทยจะตัดหรือจะ blur
และอาจจะเรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้นำเอา verbatim ของแมคคลวิลลีที่ว่า "The End justifies the Means" มาได้อย่างลึกซึ้งและท้าทายอารมณ์ทีเดียว
ขอบคุณครับ คุณหมอ
ผมไปดูเรื่องนี้ ก็เพราะ หมอนั่นแหละ ที่บอกผม
เรื่องนี้ Blind spot ปลิวว่อนเลย
Mental model เพียบ
ผมชอบ คำพูดของ โอดิซิอุส เกี่ยวกับโฮเมอร์ (นักจดบันทึก) ว่า จริงๆแล้ว ทหารอย่างเรา (โอดิวิอุสและพวก) ไม่กล้าเท่า โฮเมอร์ เพราะ เรายัง ต้องมีดาบ มีโล่ห์ ใส่เกราะ โฮเมอร์ไม่มีเลย ทีแต่ปากกาและสมุด โฮเมอร์ไปทุกสมรภูมิกับเรา แต่ ก็รอดตายมาตลอด โฮเมอร์มีความกลัวอย่างต่อเนื่อง จึงรอด ... แต่เราทหารกล้าในบางเรื่องเท่านั้น
อาจารย์หมายถึงโอซีแมนดีอุส (Ozymandius) ใช่ไหมครับ คนที่เป็น villain superhero ใน Watchmen รึว่ายังเป็นในเรื่อง The Day... อยู่?
Ozymandius เป็น Greek name ของ Rameses II และ Moore นำมาใช้เป็นชื่อ superhero ใน comicbook ของเขา
เท่าที่รู้มีสิ่งมีชีวิตที่เป็นแบบนี้คือ ไวรัส กับ มนุษย์
สวัสดีครับ อ.
Odysseus กรีกโบราณ รุ่น ขนแกะทองคำ ดูใน cable TV เมื่อวันก่อน
เขาพูดถึง Homer คนเขียนเรื่องการผจญภัยของ โอดิสิอุส
ช่วยขยายความคำว่า blindspot หรือลิงค์ที่เกี่ยวข้องหน่อยได้มั้ยครับ เพิ่งเคยได้ยินคำนี้ครับ อยากเข้าใจด้วย search google ก็เจอแต่ว่าเป็นจุดบอด ไม่น่าจะตรงกับที่คุยกันนี่ซักเท่่าไหร่
Blind spot อยู่ในหนังสือ Theory U ของ Otto C. Scharmer ครับ
คนเรา มีความจำมากมาย ทั้ง ดี ร้าย อคติ ลำเอียง ชอบ ไม่ชอบ ฯลฯ
Blind spot : มันเป็น จุดบอด ในใจเรา ที่ทำให้เรามองไม่เห็น โดยเฉพาะ ความดีของคนที่เรา นึกว่าเขาเลว
บ่อยครั้ง ที่ เรา ด่วนตัดสิน เพราะ มองไม่เห็นทั้งหมด จุดที่เรามองไม่เห็น คือ จุดบอด
ในหนัง ต่างดาว ที่เป็นคนจียพูดว่า "ในร้ายมีดี ในดีมีร้าย"
เรามัก เคยชิน (พูดให้ สุภาพ คือ มี "สันดาน") ที่จะ ตัดสินเรื่องราวต่างๆ ตามที่ ตนเอง รู้ ทั้งๆที่ เรื่องที่ "ไม่รู้" มีมากกว่า เป็น ร้อยๆพันๆเท่า
คนที่มองโลก ในหลายแง่ จะเป็น คน Open minds และ Open heart ครับ เพราะ เขาต้อง เอะใจ เฉลียวใจ ว่า "อย่าลืม blind spot นะ "