เล่าเรื่องระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒


เล่าเรื่องที่เมืองเพชร

 

 วันที่ ๓๐  พฤษภาคม ๒๕๕๒

เรียน   เพื่อนครู ผู้บริหารที่เคารพรักทุกท่าน

วันจันทร์ที่ ๒๕  พฤษภาคม  ๒๕๕๒  ตื่นเช้าที่บ้านชุมเพชร อำเภอท่ายาง เป็นวันแรกที่จะไปทำงานหลังจากที่ไปอบรม นปส. ตั้งแต่เดือนมกราคม สำนักงานเขตมีศาลากาแฟเพิ่มขึ้น  แต่หลังคาชั่วคราวที่ต่อจากอาคารทำการถูกลมพัดพังไป  จึงเป็นบริเวณโล่ง ๆ ส่งผลให้ห้องทำงานของ ผอ.เขต ร้อนแรงเพราะรับแสงแดดเต็ม ๆ ยามบ่าย  เชิญ ท่านรองฯ บุญรอด  พุทธารักษ์ มาหารือในการทำบังแดดขึ้นมาในบริเวณนี้ คงไม่เกินฝีมือช่างของเราเพราะเห็นฝีมือกันมาแล้ว  ก่อนเที่ยงเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ มีหัวหน้ากลุ่มนโยบายและแผน กับกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา ไปส่ง แวะทานข้าวแกงที่สมุทรสาคาร ปั้มน้ำมันปิโตรนัส ผู้คนล้นหลาม  ถึงสนามบินไปจ่ายค่าตั๋วที่จองทางโทรศัพท์ไว้ เช็คอินเดินเข้าไปรอในห้องรับรองผู้โดยสาร วันนี้มาล่วงหน้านานจึงไม่ค่อยมีผู้คน แต่ประตู A5 อยู่ไกลเกือบสุด ลิฟท์ผู้โดยสารก็ชำรุด จึงต้องเดินไปเรื่อย ๆ  ก่อนเครื่องออกมีผู้คนทยอยกันมาหนาแน่นขึ้น  ผมนั่งคุยกับคุณณรงค์  วุ่นซิ่ว เพื่อนร่วมรุ่น นปส. ๕๓ ที่เดินทางกลับยะลา ท่านบัญญัติ  จันทร์เสนะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  ท่านพนม  พงษ์ไพบูลย์  อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  เครื่องถึงหาดใหญ่ประมาณ ทุ่มกว่า เห็นคุณครูที่เคยสอนสมัยเรียนชั้นประถมศึกษานั่งรถเข็นของสนามบินผ่านไปจึงทักทายว่าใช่คุณครูบุญเสริม  ดวงจันทร์หรือไม่ท่านพยักหน้า พอเงยจากการหยิบกระเป๋าเดินทางท่านก็หายไปแล้ว เลยหันมาคุยกับดร.ดิเรก  พรสีมา ประธานกรรมการคุรุสภา ท่านบอกว่าลงมางานของสภาการศึกษาที่เดียวกับท่านปลัดพนม  พงษ์ไพบูลย์   คุณอุดม  ศรีนุ่น เพื่อนร่วมรุ่นชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและ ป.กศ. ปัจจุบันเป็นครูมัธยมสังกัด สพท.สงขลา เขต ๑ มารับ เราไปทานอาหารเย็นกันที่ร้านเนินขุนทอง  มีแกงไตปลา แกงส้มปลากดเหลือง และปลามเหยงค์แดดเดียวทอด เป็นอาหารอร่อยอีกมื้อหนึ่ง  คืนนี้ผมพักที่โรงแรมพิ้งโฮเตลของนายอำเภอณรงค์พร  ณ พัทลุง นายอำเภอรัตภูมิ   เพื่อนร่วมรุ่น นปส. ๕๓  

วันอังคารที่ ๒๖  พฤษภาคม  ๒๕๕๒   ตื่นขึ้นมาดูอ่านเอกสารและแผนที่การเดินทาง ท่าน ผอ.ศลใจ  วิบูลกิจ สพท.สงขลา ๓ ได้อนุเคราะห์เรื่องพาหนะเดินทางในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ โดยจัดผู้ชำนาญพื้นที่ขับรถให้   เวลา ๐๘.๐๐ น. รองฯเริงฤทธิ์  สังข์สร รอง ผอ.รร.บ้านปริก อำเภอสะเดา สพท.สงขลา ๓ มารับที่โรงแรมตามที่ ผอ.ศลใจ  มอบหมายไว้  เราไปทานอาหารเช้าใกล้ ๆ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย วันนี้ผมเปลี่ยนที่พักใหม่เป็นโรงแรมไดมอนด์ เพราะสะดวกในการนัดหมาย  เวลา ๐๙.๓๐ น. ทีมงานอีก ๒ ท่านมาตามนัดหมาย เรากำหนดแผนการเดินทางเพื่อทำงานในวันนี้  โดยจะเริ่มต้นไปจังหวัดนราธิวาส  ทีมงานบอกให้ผมคอยที่หาดใหญ่ ไม่ต้องไปเสี่ยง พวกเขาจะไปกันเอง  พูดอย่างนี้แปลว่ารู้ฤทธิ์กันน้อยไป ในที่สุด ๔ ชีวิตก็เดินทางสู่นราธิวาส ผ่านปัตตานีเที่ยงพอดี แวะทานข้าวแกงเจ้าอร่อยชื่อ “ร้านปลาดุก”  มีอาหารรสจัดนานาชนิดให้เลือก ผู้คนมาอุดหนุนกันคับคั่ง เรารีบกินรีบอิ่มเพราะมีบทเรียนสอนว่าอย่าอยู่ในชุมชนนานอาจไม่ปลอดภัย อิ่มแล้วเดินทางผ่านด่านตรวจการของทหารนับจำนวนกันไม่ไหว พวกเราก็ลดกระจกให้เขาดูกันทุกด่าน  แต่ไม่มีการตรวจอาวุธเพราะการพกอาวุธในสามจังหวัดชายแดนถือเป็นเรื่องปกติ เราก็พกกันเต็มอัตราศึกขาดแต่จรวดนำวิถี ได้ชมมัสยิดกรือเซะและสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวปัตตานี ถึงนราธิวาสประมาณ ๑๔ นาฬิกา แวะไปที่ สพท.นราธิวาส เขต ๑ กำลังประชุมผู้บริหารโรงเรียน และเตรียมการต้อนรับคุณหญิงในวันพรุ่งนี้  ได้เอกสารแล้วเดินทางไปอำเภอเมืองนราธิวาสพบเจ้าหน้าที่ปกครองขอข้อมูลที่ต้องการ  เขาให้ความร่วมมือกันดี เสร็จภารกิจเราเดินทางกลับไม่มีเวลาชมบ้านชมเมืองทั้งที่เป็นการมานราธิวาสครั้งแรกของผม  เริงฤทธิ์ชี้ให้เห็นร่องรอยการระเบิดและการล่าสังหารตลอดเส้นทาง  เรามาแวะ สพท.ปัตตานี เขต ๑ เพราะนัดเป้าหมายไว้อีก ๑ คนใช้ห้อง ผอ.สพท. ปัตตานี เขต ๑ ในการทำงาน ที่นี่เขาก็เตรียมการต้อนรับคุณพิษณุ  ตุลสุข ซึ่งจะมาประชุมแก้ปัญหาการคุ้มครองครูในวันพรุ่งนี้  ที่แปลกหูแปลกตาอีกประการหนึ่งในการจอดรถจักรยานยนต์เรียงกันเป็นแถวแต่ทุกคันต้องเปิดที่นั่งขึ้น เริงฤทธิ์บอกว่าเพื่อป้องกันระเบิดซุกใต้เบาะจึงต้องเปิดไว้อย่างนั้น  เราออกจากปัตตานีประมาณ ๑๗.๐๐ น. งานไม่เสร็จเพราะต้องไปที่ว่าการอำเภอเมืองปัตตานีด้วยแต่หมดเวลาทำการแล้ว จึงต้องรีบกลับหาดใหญ่   ถึงหาดใหญ่เกือบสองทุ่มแวะไปทานข้าวที่ร้านอาหารครัวบ้านเราหน้ากองบิน ๕๖ เป็นอาหารพื้นบ้านที่อร่อย จัดบรรยากาศร้านดี  ถึงโรงแรมต้องนอนแต่หัวค่ำเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน

วันพุธที่ ๒๗  พฤษภาคม  ๒๕๕๒  ตื่นเช้าเก็บสัมภาระออกจากโรงแรม  เริงฤทธิ์มารับแต่เช้า วนไปรับทีมงานเดินทางไปปัตตานี  มาแวะทานอาหารเช้าที่อำเภอจะนะ มีรอง ผอ.รร. เพื่อนของเริงฤทธิ์มารอรักษาความปลอดภัยด้วย เป็นอาหารข้าวแกงพื้นบ้าน  เขาเล่าว่าสงขลา ๓ มีพื้นที่อันตรายในเขตอำเภอสะบ้าย้อย  การล่าสังหารจะไม่ทำแบบเผชิญหน้าและต้องมีการเตรียมการ  พวกเรามาแบบไม่มีกำหนดการไม่น่ากลัว เว้นแต่เข้าไปอยู่ในเขตที่เขาวางระเบิดไว้แล้วและถูกกำหนดเป็นพื้นที่สังหารในเวลานั้นถือว่าซวยไป   ใช้เวลาชั่วโมงกว่าก็ถึงที่ว่าการอำเภอเมืองปัตตานี พบปลัดอำเภอได้ข้อมูลครบถ้วน  เริงฤทธิ์พาไปเที่ยวศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว  วันนี้ผู้คนบางตาเพราะไม่ใช่วันหยุด เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวกับมัสยิดกรือเซะเป็นตำนานเล่าขานกันมานาน ศาลนี้ประดิษฐานรูปสลักเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว ตั้งอยู่กลางเมืองปัตตานี ชาวบ้านเรียก ศาลเจ้าเล่งจูเกียง  ตำนานเกี่ยวกับศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวมีว่า  แต่เดิมนั้นเมืองปัตตานีเรียกว่าเมืองตานี เป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง มีเรือสำเภานำสินค้าจากต่างเมืองมาค้าขายและขนถ่ายสินค้าเป็นประจำ ลิ่มโต๊ะเคี่ยมเป็นพ่อค้าหนุ่มชาวจีนนำเรือสำเภาไปค้าขายตามเมืองต่างๆ ได้แวะมาที่เมืองตานี และนำสินค้าเครื่องบรรณาการไปมอบให้เจ้าเมืองตานี จึงได้มีโอกาสพบธิดาเจ้าเมืองซึ่งมีรูปโฉมงดงาม ลิ่มโต๊ะเคี่ยมเกิดหลงรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ส่วนนางก็มีใจตรงกัน ติดขัดอยู่ที่ว่าฝ่ายชายเป็นคนต่างชาติ  ต่างศาสนา บิดาของนางจึงขอให้ลิ่มโต๊ะเคี่ยมเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามตามอย่างนาง ซึ่งลิ่มโต๊ะเคี่ยมก็ยินยอมโดยได้ส่งเรือสำเภาให้เดินทางกลับไปส่งข่าวให้มารดาทราบว่าตนจะตั้งหลักแหล่งอยู่ที่เมืองตานี ไม่กลับไปเมืองจีนอีก เมื่อมารดาทราบข่าวก็เศร้าโศกเสียใจมาก นางลิ้มกอเหนี่ยวผู้เป็นน้องสาวจึงตัดสินใจเดินทางมาหาพี่ชายเพื่อขอร้องให้กลับไปเยี่ยมมารดา เมื่อลิ้มกอเหนี่ยวมาที่เมืองตานี ก็พบว่าพี่ชายได้เข้ารีตนับถือศาสนาอิสลาม และกำลังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยเจ้าเมืองตานีก่อสร้างมัสยิดหลังใหญ่เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานทางศาสนาซึ่งนางเห็นว่าเป็นความผิดอย่างมหันต์ เพราะจะทำให้วิญญาณของบรรพบุรุษต้องเสียใจที่ลูกหลานนอกรีตนอกรอย นางพยายามขอให้พี่ชายวางมือจากการก่อสร้าง แต่ลิ่มโต๊ะเคี่ยมก็ไม่ยอมฟังเสียง ในที่สุดนางลิ้มกอเหนี่ยวก็ลั่นวาจาสาปแช่งขออย่าให้พี่ชายสร้างมัสยิดได้สำเร็จ แล้วคืนนั้นเอง นางก็ตัดสินใจผูกคอตายกับกิ่งมะม่วงหิมพานต์ที่ตรงหน้ามัสยิดที่กำลังก่อสร้างนั้น เมื่อลิ่มโต๊ะเคี่ยมรู้ก็เศร้าโศกเสียใจ และได้จัดการฝังศพนางไว้ใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์ต้นนั้น หลังจากทำศพน้องสาวเสร็จ ลิ่มโต๊ะเคี่ยมก็พยายามสร้างมัสยิดต่อไป โดยเจตนาให้เป็นอนุสรณ์แก่น้องสาวด้วยแต่ปรากฏว่า เมื่อสร้างไปถึงยอดโดมอันเป็นสัญลักษณ์สำคัญก็เกิดเหตุอัศจรรย์ฟ้าผ่าลงตรงกลางทำให้ยอดโดมพังทลายลงมา ครั้งแรกยังไม่มีใครคิดเป็นอย่างอื่นนอกจากเห็นว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติและลงมือสร้างต่อไปใหม่ แต่พอสร้างถึงยอดโดมก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาเป็นครั้งที่สอง ทำให้ยอดโดมพังทลายลงไปอีก ลิ่มโต๊ะเคี่ยมจึงนึกถึงคำสาปแช่งของนางลิ้มกอเหนี่ยวขึ้นมาได้และสั่งให้คนวางมือจากการก่อสร้างทั้งๆที่สร้างเสร็จแล้วเป็นส่วนมากเหลืออยู่แต่เพียงยอดโดมที่เป็นสัญลักษณ์ของมัสยิดเท่านั้น นี่คือตำนาน แต่ปัจจุบันฝ่ายตรงข้ามกลับสร้างเรื่องใหม่บอกว่าที่สร้างไม่สำเร็จเพราะถูกทำลายโดยกองทัพไทยที่รุกรานปัตตานีมาแต่สมัยอยุธยา  พวกเราถ่ายภาพเป็นที่ระลึกแล้วเดินทางกลับ มาแวะวัดช้างให้ อำเภอโคกโพ วันนี้บรรยากาศเงียบเหงาเพราะผู้คนเขากลัวไม่กล้ามากัน  กลับถึงหาดใหญ่เวลา ๑๔.๐๐ น. ทานอาหารจานด่วนที่ปั้มน้ำมันกับเริงฤทธิ์ ให้เขาไปส่งสนามบินเดินทางกลับเที่ยว ๑๕.๔๕ น.  สภาพอากาศไม่ดีเลยคิดว่าจะลงเล่นน้ำแถวเกาะสมุยเสียแล้ว รถจากเพชรบุรี เขต ๒ มารอรับเพื่อกลับท่ายาง  มาแวะทานอาหารเย็นที่ร้านไสวอาหารทะเลแม่กลอง ทางเข้าดอนหอยหลอด เขาเพิ่งย้ายจากในเมืองมาเปิดที่นี่แต่รสอาหารคงเดิม ทั้งปลาทูย่าง  ปลาดุกทะเลผัดฉ่า ปลาทูตาเที๊ย  ถึงบ้านพักเกือบ ๔ ทุ่ม

วันพฤหัสบดีที่ ๒๘  พฤษภาคม  ๒๕๕๒  ขับรถไปเพชรบุรีเพื่อประชุมหัวหน้าส่วนราชการประจำเดือนที่ส่งคนแทนมาหลายเดือน  ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทักทายว่าจบแล้วหรือ เรียนท่านว่าจบแล้ว  ผมนั่งคุยกับท่าน ผอ.สพท.เพชรบุรี เขต ๑ คุณชูศรี  อุดมกุศลศรี หัวข้อประชุมเน้นงานของส่วนราชการอื่น ของ สพท.เพชรบุรี เขต ๒ คลังจังหวัดเสนอว่าเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้า วันนี้ศูนย์วิจัยพืชสวนเพชรบุรีนำสับปะรดพันธุ์เพชรบุรีแปลกใหม่มาแจกจ่ายให้ลองทานดู ที่ว่าแปลกเพราะสับปะรดชนิดนี้กินได้โดยไม่ต้องปอกเปลือก แต่ไม่ใช่กินทั้งเปลือก เพียงแต่ผ่าออกเป็น ๒ ซีกเราสามารถดึงที่ตาเนื้อก็จะหลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ ใช้มือจับที่ตากัดกินได้รสชาติที่ดี  เลิกประชุมเที่ยงเดินทางกลับมาทานอาหารกลางวันที่ร้านเพื่อนเดินทางบ้านลาด เป็นอาหารปักษ์ใต้  กลับเข้าสำนักงานทำงานเอกสารจนเย็น ติดใจที่พบครูบุญเสริม ดวงจันทร์ แล้วไม่ได้พูดคุยจึงค้นหาเบอร์โทรทัพท์จากเน็ต โทร.ไปคุยได้ความว่าท่านไปเป็นวิทยากรของสมาคมผู้สูงอายุเกิดอาการปวดเข่าจากโรคเก๊ากำเริบ ท่านจำผมไม่ได้เพราะไม่พบกันมาเกือบ ๓๐ ปีแต่เมื่อบอกชื่อแซ่ก็จำได้ทันที เย็นวันนี้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดนนทบุรี

วันศุกร์ที่ ๒๙  พฤษภาคม  ๒๕๕๒  ออกจากบ้านแต่เช้าถึงที่ทำงานมีครูมารอหลายคน ต่างมีทุกข์มาให้ช่วยแก้ ได้แต่แนะนำหนทางแก้ปัญหาไป ผู้บริหารโรงเรียนนำข้อมูลเพื่อของบประมาณสร้างอาคารเรียนใหม่มาเสนอ รับปากว่าจะดูแลให้แต่ลำบากใจเพราะเป็นยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำ ก่อนเที่ยงลงไปสัมภาษณ์ครูทุน ๕ ปี เรามีตำแหน่งว่าง ๒ ตำแหน่ง มีผู้สมัคร ๓ คน ล้วนแต่คนเก่งทั้งนั้น แต่ดูข้อมูลแล้วเมื่อรวมตำแหน่งว่างของเขต ๑ ด้วยจะพอดีคน  บ่าย ผอ.ประหยัด จันทรสุโข โรงเรียนท่ายางวิทยามาลาไปรับตำแหน่งใหม่ที่เพชรบุรี เขต ๑ ก็อวยพรให้ท่านโชคดีมีสุข  ทำงานเอกสารจนเย็นตัดสินใจลงใต้เพื่อเยี่ยมบุพการีที่พัทลุงเพราะอาทิตย์นี้ไม่มีราชการใด ๆ ออกจากท่ายาง ๑๗.๐๐ น. มามืดแถวประจวบคีรีขันธ์  แวะทานข้าวที่ปั้ม ปตท.ขุนกระทิง ชุมพรประมาณ ๓ ทุ่ม นั่งคุยกับผู้บริหารที่มาต้อนรับจนหายเหนื่อยจึงเดินทางต่อ มาพักค้างที่โรงแรมจิงโจ้อำเภอหลังสวน เพราะอยู่ใกล้เส้นทาง หากเลยไปสุราษฎร์ธานีต้องแวะเข้าตัวเมือง ประกอบเวลา ๕ ทุ่มสมควรแก่เหตุแล้ว

กำจัด  คงหนู
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรี เขต ๒

 

หมายเลขบันทึก: 264581เขียนเมื่อ 30 พฤษภาคม 2009 11:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

น่าเห็นใจประชาชนคนไทยใน 3 จังหวัดภาคใต้  ดูจากภาพและอ่านจากเรื่องเล่าแล้ว วังเวงชอบกล  สงสารคุณครูและนักเรียนรวมทั้งประชาชนทุกคนที่ไม่มีความสุขในการดำรงชีวิตแต่ละวัน

ศุภชัยฟาร์ม 0836002235

จำหน่ายพันธุ์ปลากัด แปดริ้ว

และปลากัดมาเล ไทย-มาเล

กัดเก่ง หนังดี

บริการค่าจัดส่งฟรี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท