พระพิรุณเทถังน้ำโจกๆจนท่วมกรุง
ทำไม ทำไม ไม่หอบฝนมาเทบ้านนอกคอกนาบ้างเนอะ
ร้อนแล้งจนอกอีแป้นแตก
ความเหี่ยวแห้งระโหยโรยราไปทุกหัวระแหง
หลังจากบ่นๆๆและบ่น
เมื่อคืนนี้ตลอดจนถึงเดี๋ยวนี้ฝนตกจักๆยังกะดีเปรสชั่นมาเยือน
ขอบคุณนะเทวดา..
เช้านี้ต้องกางร่มไปเด็ดผักมาลงกะทะ ฮิ ฮิ ..
ถ้า เราคิดมองในเชิงบวกบ่อยๆ เราจะสังเกตเห็นความจริงความงามตามธรรมชาติ ไม่มีจริตของเราไปปรุงแต่ง ธรรมะในธรรมชาติเปล่าเปลือยไร้สิ่งเคลือบแฝงอยู่แล้ว ไม่มีกิเลศปะปนอยู่ในต้นไม้ใบหญ้าน้ำหมอกน้ำค้าง ต้นไม้ไม่ทะเล่อทะล่าหรอกนะ มีแต่เอื้ออารีอยู่กันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ดังจะเห็นจากไม้เลื้อยค่อยๆไต่เกาะเกี่ยวขึ้นไปหาแสงแดดโดยอาศัยไม้ใหญ่เป็น เพื่อนร่วมโลกผู้อารี..
ธรรมชาติ เป็นครูที่ยิ่งใหญ่ มนุษย์ทุกยุคสมัยทำลายโลกใบนี้โดยรู้เท่าไม่ถึงกาล ยิ่งอวดโอ้ว่าตนเองเก่งฉลาดด้านเทคโนโลยีเท่าใด มลภาวะจากขยะความรู้ได้ทำลายโลกมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงทวีความเสียหายจนกระทบไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้ขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ และเราๆท่านๆที่อยู่ในเส้นศูนย์สูญจะเหลือเรอะ ไม่มีความพอเพียงพอดีให้โหยหาอีกต่อไปแล้ว ร้อนก็ร้อนมาก แล้งก็แล้งมาก ท่วมก็ท่วมมาก เฉลี่ยความทรมาทรกรรมไปทั่วผืนพิภพ
(ถนนในเมืองดีไบดูสวยแต่ไม่มีชีวิตชีวา)
ดูข่าวเรื่องการสร้างตึกสูงที่สุดในโลกที่เมืองดูไบ
ตัวเลขต่างๆเริ่มทยอยออกมา
รายงานแจ้งว่าปูนซีเมนต์ที่ใช้ในการก่อสร้าง
ถ้าเอามาทำถนนคอนกรีต2เลน
จะสร้างระยะทางได้ยาวจากลอนดอนถึงตะวันออกกลาง
แม่เจ้าโว้ย..นี่แค่ตึกเดียวนะ
ผมเคยเห็นเจ้าตึกนี่ห่างๆระหว่างนั่งรถในดูไบ
เห็นว่าอาคารทั่วไปที่สร้างกันขึ้นมาก็ล้วนแต่สูงๆวิจิตรพิสดาร
มองอย่างสายตาชาวบ้านอีสานทั่วไป
ก็งงๆอยู่เหมือนกันว่ามันจะบ้าบอคอแตกไปถึงไหน
มันไม่มีต้นทุนทางธรรมชาติเหมือนบ้านเมืองเรา
มองไปไหนมีแต่ทะแลกับทรายและแดดระยิบ
มันจะเสกสวรรค์ด้วยเงินบนพื้นที่ไม่มีอะไรนี่นะ
วัตถุประสงค์อยู่ตรงที่ทำอะไรให้พิลึกพิลั่นมากๆเข้าไว้
แล้วกิเลศจะดึงกิเลศของผู้คนมาชนกันเอง
(นักศึกษา สสสส1 ติดใจโรตีตะวันออกกลาง)
ไกด์เล่าว่า
ดูไบจะสร้างสนามบินขึ้นอีก4แห่ง
สั่งจองเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่เพิ่มอีก100ลำ
เพื่อจะขนนักท่องเที่ยวมาดูเมืองเนรมิตในทะเลทรายปีละ100ล้านคน
ดังนั้นสิ่งปลูกสร้างต่างๆจึงขยับตามนโยบายชวนเชื่อทั้งแผง
คิดๆตาม..ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามทั่วโลก
ตั้งใจที่จะไปนครเม็กกะกันอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต
แต่แผนการดึงดูดคนมาเที่ยวดูไบไม่ได้เจาะจงเรื่องศาสนา
ถ้าคนทั้งโลกคลั่งตามก็จะแห่กันมาแบบมืดฟ้ามัวดิน
(ไปตะวันออกกลางสตรีไทยต้องโพกผ้า ไม่งั้นไม่ให้เข้าเมือง)
ปีที่แล้วคนไทย50-60คนจะเดินทางกลับ
ยังต้องเฉลี่ยกันเดินทางกับสายการบินรอบเช้ารอบเย็น
ถ้าเศรษฐกิจไม่พังพาบเสียก่อน
โครงการพิลึกกึกกือนี้อาจจะเป็นไปก็ได้นะ
มนุษย์เราสนใจเรื่องผิดปกติกันอยู่แล้ว
ช่วงที่ผมอยู่ดูไบหนึ่งวันหนึ่งคืน
ก็เห็นว่ามันเป็นเมืองแปลกๆเหมือนนิทรรศการมากกว่า
เป็นบ้านเมืองที่ไม่เห็นรถมอเตอร์ไซวิ่ง
มีรถไฟฟ้าวิ่งลอดใต้ทะเลไปโผล่บนรางอากาศและแว๊บลงพื้นดินบ้าง
ต้นไม้ ไม้ดอก ต้องกลั่นน้ำทะเลมาปลูกอย่างประคบประหงม
เห็นมีต้นสะเดาจากบ้านเราไปปลูกแทรกกับไม้พวกปาล์ม7-8ต้น
ดีหน่อยตรงหาดทรายละเอียดสะอาดเช้าๆเย็นสบาย
ที่พัก-อาหาร-การเดินทาง กล่าวโดยรวมแพงหูฉี่ทั้งนั้น
ห้างสรรพสินค้าก็งั้นๆแหละ
มีสินค้าแบรนด์เนมจากจีน เกาหลี ไต้วัน วางเกลื่อน
ผมซื้อได้รองเท้าคู่หนึ่งราคาประมาณ 3,000บาท
พอใจอยู่เรื่องเดียวตรงที่ได้รองเท้าถูกใจนี่แหละ
เมื่ออุตริทำเรื่องใหม่ๆกฎกติกาก็ต้องออกมาแบบเว่อๆ
..การตรวจค้นที่ด่านเข้าเมืองมีการสุ่มตรวจสุภาพสตรี
ใครโดนเข้าก็ซวยต้องไปรดน้ำมนต์7วัด
นอกจากทุกคนจะเข้าแถวสะแกนลูกตาแล้ว
ถ้ายังไม่เคลียก็จะให้แหกตาสะแกนซ้ำหลายรอบ
เรื่องแหกตาขนานแท้อยู่ที่ดูไบ
แสดงว่าโรคแหกตาแพร่เชื้อมาจากเมืองดูไบนี่เอง
อิ อิ
สวัสดีปีใหม่ครับอาจารย์ นงนาท สนธิสุวรรณ
ฮาเรื่องแหกตาของดูไบครับพ่อครู ได้พันธุ์บวบหอมลูกยาวแล้วใช่ไหมครับ ส่งไปนานแล้ว ฝนตกแล้วปลูกเลยครับ...
โรคแหกตาดูไบ...โรคตาแหกแล้วบอด..กำลัง ระบาดอยู่ที่เมืองไทย....เอ้าเฮ....๕๕๕๕๖......