เวียงกุมกามในปัจจุบัน


(มีต้นตาลสูงชะลูดเป็นสัญญลักษณ์ดีมาก)

เมื่อ พ.ศ. 1824 จุลศักราช 634 ยังมีกษัตริยาธิราชพระองค์หนึ่งชื่อว่า "เม็งราย" ครองราชสมบัติอยู่เมืองเชียงราย พระองค์นั้นมีเดชะสิทธิมาก คิดจะขยายอาณาเขตลงมาทางหัวเมืองทางใต้ ได้ยกพลโยธาหาญมาจากเมืองเชียงราย รบพระยาบีบาเจ้าเมืองลำพูน เมื่อ พ.ศ. 1824 ได้ชัยชนะ ครองเมืองอยู่ที่ลำพูน 2 ปี แล้วพระองค์มอบให้ขุนน้ายฟ้าอำมาตย์คนดี ขึ้นครองเมืองลำพูน ส่วนพระองค์ก็โยกย้ายไปสร้างเมืองเวียง อยู่ที่ใหม่ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเมืองลำพูน อยู่ที่นั่น 3 ปี สถานที่นั้นไม่เหมาะสม เป็นที่ลุ่มต่ำ ชุ่มน้ำเฉอะแฉะในฤดูฝน พระองค์จึงได้ย้ายรี้พลมาสร้างเมืองใหม่ใกล้แม่น้ำปิง (คือบริเวณบ้านเจดีย์เหลี่ยมหมู่ 1-2 ตำบลวังตาลในปัจจุบัน) เมื่อพ.ศ. 1829 ให้ชื่อว่า “เวียงกุมกามภิรารมณ์"

(เวียงกุมกามมีโบราณสถานจำนวนมาก เดินไม่ไหว มีรถม้าบริการหลายคัน)

จากตำนานเมืองเก่าแก่ที่ว่านี้น่าสนใจนัก ครูอารามเป็นโชเฟอร์ที่ดีที่สุดในโลก จะไป จะแวะ จะซักถามตรงไหนอย่างไร สนองได้หมดจดเรียบร้อย อุ้ยสร้อยกับครูอึ่งลาโรงเรียนมาร่วมพาตระเวนเที่ยวเรียนวิชาประวัติศาสตร์เมืองเก่าทั้งวัน เรื่องอื่นไม่เกรงใจเืท่าเรื่องเวลา ผู้บริหารนั้นจะหาเวลามาตะลอน ๆ อย่างผมได้ที่ไหนละ แต่ก็เพราะเยื่อใยที่คนไกลมาหา จึงอนาทรไปทุกเรื่องทุกกรณี ผมจึงพยายามบอกว่า

“สไตล์ของเฮฮาศาสตร์นั้นดีที่สุดในโลก ทุกมื้อทุกสถานที่ทุกเวลาอุดมด้วยคุณค่าที่ประเมินมิได้ บอกเล่าหรือเขียนเป็นหนังสือได้ แต่จะได้ความลึกซึ้งไม่ถึงครึ่ง เราไม่สามารถที่จะเก็บมาเล่ารายละเอียดทุกเม็ดได้ บางเรื่องก็เว้นวรรคไว้ในฐานที่เข้าใจ  บางตอนก็ไว้ต่อยอด บางจังหวะก็เขียนลูกล่อลูกชนให้คนคันหัวใจเล่นอย่างนั่นแหละ

ขบวนทัวร์เมืองเก่าเช้านี้ ไปตั้งต้นที่ร้านอาหารเช้าเชลล์ชวนชิม

มีภาพประกอบคนเด่นคนดังเป็นหลักฐานเพียบ

อร่อยทั้งข้าวต้ม และเลือดหมู ของเขาเด็ดจริง ๆ

ต้องขอขอบคุณอุ้ยที่พยายามจัดสรรร้านที่ดีที่สุดให้ได้ชิม

แบบนี้ใครจะไม่รักอุ้ยก็มีแต่พวกหัวใจพลาสติกเท่านั้น จริง ๆ นะอุ้ย ..

อิ่มแล้วก็ไปตลาดคำเที่ยง ที่เป็นแหล่งใหญ่ของร้านขายพันธุ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ แต่ละร้านล้วนเป็นมืออาชีพ ที่พยายามสร้างเอกลักษณ์ร้านของตนเองให้โดดเด่น ปะทะฝีมือโชว์กันเต็มที่ เพราะแต่ละร้านอยู่ติด ๆ กัน ตื่นมาก็แลตากัน ใครจะเด่นทางด้านไหนก็ทะลักทะลายความรู้ความคิดออกมา เมืองเหนือนั้นเป็นเจ้ายุทธจักรด้านการปลูกการขายอยู่แล้ว และคนเมืองก็นิยมชมชอบปลูกต้นไม้ มีงานเทศกาลประเพณีรองรับ กิจการท่องเที่ยวร้านอาหาร รีสอร์ท งานประชุมสัมมนา ฯลฯ ล้วนแต่ใช้ต้นไม้ใบหญ้าเป็นส่วนประดับประดากิจการกิจกรรมของตนเอง ดังนั้นนักจัดสวนมือหนึ่งจึงมารวมตัวกันที่นี่

 

(ไม้ที่เราตัดทิ้งตัดขว้าง นักล้อมไม้จัดการเอาไปขายต้นละหลายหมื่น )

ถ้าไปเที่ยวอย่างเรียนรู้

เราจะเห็นแง่คิดที่ออกแบบเพื่อเป็นสื่อเชิงความคิดในการปลูก การจัดสวน

แทบทุกร้านจะมีสวนของตนเอง

ตลาดคำเที่ยงเป็นเพียงแหล่งระบายผลผลิต เพื่อติดต่อค้าขายกับภายนอกเท่านั้น

หลายร้านฝีมือระดับอินเตอร์

พันธุ์ไม้หลายชนิดที่แปลก ๆ สวย ๆ สั่งตรงจากต่างประเทศ

(หมาใส่แว่นตา น่ารักพอๆกับไม้ดอกสวยๆ คนจัดการเป็นทำอะไรก็ดูดี)

ผมมีปัญหาเรื่องชื่อพันธุ์ไม้แปลกๆ มาเที่ยวนี้ถึงถ่ายป้ายชื่อที่มีต้นตัวจริงกำกับไว้ กลับไปบ้านสงสัยชื่อพันธุ์ไม้ก็เปิดภาพดู สมัยนี้คนเพาะพันธุ์ตั้งชื่อเอาใจตลาด โดยเฉพาะชื่อไม้ใบไม้ดอกใหม่ ถ้าปลูกแล้วเป็นไปตามชื่อคงจะรวยระเบิด เช่น ต้นรวยรายวัน เศรษฐีเงินล้าน ฯลฯ อีกจำพวกหนึ่งคือพวกไม้ล้อมต้นใหญ่ คุยกับเจ้าของร้านแล้วได้แต่โอ้โหในใจ ยกตัวอย่างเช่น ต้นจันทร์ผาขนาดที่หน้าบ้านผม เขาล้อมมาตั้งราคาต้นละ 30,000 บาท กระสังต้นโต ๆ ต้นละ 15,000-20,000 บาท น้อยนักที่จะมีราคาต่ำกว่าหมื่นบาท แต่ก็น่าเห็นใจเพราะไม้ล้อมต้นใหญ่ ๆ เหล่านี้ไปล้อมมาจากภาคกลาง ค่าคนส่ง ค่าเลี้ยงดู ค่าขนย้ายไปปลูกให้ผู้ซื้อ เขาไปปลูกให้และรับประกันการรอดตายไว้ที่ 5-6 เดือนแล้วแต่จะตกลงกันก่อนจากลา ครูอารามวิ่งไปซื้อต้นลาเวนเดอร์ กับ โรสแมรี่ฝาก มาอีกอย่างละ 2 ต้นมา หิ้วพะรุงพะรังขึ้นเครื่องมา อุ้ยจ่ายค่าโหลดกระเป๋าน้ำหนักเกิน ก.ก.ละุ 60 บาท ไป 260 บาท ทำไมขูดรีดจุ๊บ ๆ จิ๊บ ๆ น่ารำคาญนักพวกสายการบินอีแร้งแก่เหล่านี้ มาถึงบ้านต้นไม้ยังคงสภาพสดชื่นดีมาก ประจวบเหมาะกับเมื่อคืนนี้ฝนโปรยปราย สวนป่าจึงชุ่มฉ่ำต้อนรับไม้พิเศษที่อยากจะได้มานาน จะลงมือปลูกเช้านี้ละครับ

จุดตีแตกความคิดผมก็คือ เมื่อก่อนเห็นต้นไม้ที่เบียดเสียดกันก็จะตัดทิ้งท่าเดียว ถ้าเรามีแนวคิดเรื่องการขุดล้อมย้ายไปปลูกที่ใหม่ หรือไปจำหน่ายก็จะพบทางออกที่สมประโยชน์คุ้มค่าไม่น้อย กลับไปบ้านผมมีโจทย์ในใจแล้วว่าจะทดลองล้อมไม้ต้นใหญ่ ดูสิว่าจะมีฝือมือบ้างหรือเปล่า ถ้าทำได้ละเธอเอ๋ย ถึงจะไม่มีรถเครน รถขุด ก็จะลองดูสักตั้ง ให้มันรู้ไปว่าไผเป็นไผ..มื้อกลางวันก็ได้อุ๋๊ยอีกนั่นแหละเป็นคนเลือกร้าน เย็นตาโฟและก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยที่สุดในเชียงใหม่  ระหว่างซดเย็นตาโฟนึกถึงคนที่เคยแห้วกับเรื่องนี้ ได้ชิมน้ำมะเกี๋ยง น้ำมะขามป้อม และขนมถ้วยที่อร่อยมาก บรรยากาศก็ดีเหลือเกิน ร้านโล่งโจ้งเย็นสบาย

ที่แปลกใจอย่างมากก็คือ ไม่นึกว่าอุ้ยจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องร้านอาหารในเชียงใหม่

ทุกเมนู ทุกร้าน คุณสมบัติพิเศษหรือปลีกย่อย

อุ้ยรู้ละเอียดและไม่ผิดหวัง ถ้าใครไม่เชื่อก็ลองใช้บริการ

“อุ้ยสร้อยชวนเจี๊ยะดูนะเจ๊า”

(เป็นจุดโค้งเป็นที่อโคจรสมัยนี้ (ทางขึ้นลงเรือสมัยโบราณ)

ช่วงบ่ายเราลุยพื้นที่เมืองเก่าเวียงกุมกาม ผมชอบใจต้นตาลหน้าวัดที่สูงชะลูดลิบลิ่ว อายุคงจะหลายร้อยปี ยอดเจดีย์กับยอดตาลพอฟัดพอเหวี่ยงกันที่เดียวเลยละครับ เราได้ตระเวนดูพื้นที่ริมปิงด้านตรงข้ามหน้าวัด ที่มีถนนตัดขวาง เป็นพื้นที่ริมน้ำปิงที่สวยงาม ร่มรื่น มีต้นลำดวน ต้นก้ามปูใหญ่มาก มีต้นอ่อมแซบด้วยนะ แต่จุดที่สนใจไปดูใกล้ ๆ อย่างวิเคราำะห์แล้ว พบว่าเป็นจุดโค้งที่น้ำกัดเซาะเข้ามาทุกปี มีร่องรอยน้ำท่วมที่เจ้าของทำคันดินและกระสอบทรายกั้นไว้ถึง 3 แถว ใกล้ ๆ กันเป็นท่าลงเรือ มีการเลี้ยงปลาในกระชัง ถ้าชอบรถม้าก็มีบริการพาเที่ยว ถ้าชอบพายเรือก็สบายมาก ..ซื้อเรือแจว “..พายเรือตามหาบัวลอย จนเหงื่่อไหลย้อยโทรมกาย” เว้นแต่จะซื้อเรือบรืออออ..ขับจะไปโลดเลยละครับ

(ซ้ายมือสภาพคันดินกันน้ำท่วม ขวามือจุดที่น้ำกัดเซาำะเข้ามา ต้องตอกเสาเข็มขนานใหญ่กันพัง)

เราเข้าไปในวัด ถามประวัติ หาข้อมูลของเมืองเจ้า ไปเจอเรื่องที่บังเอิญอย่างน่าแปลกใจ เมื่อวานนี้อุ้ยเอาเมล็ดพระเจ้า 5 พระองค์มาฝากหลายเมล็ด วันนี้ไปเจอที่วัดวางขาย มีที่เพาะต้นเล็ก ๆ กำลังงอก และมีต้นที่เพาะสูงประมาณ 1 คืบจำหน่ายด้วย ราคาต้นละ 39 บาท เลยซื้อ 4 ต้น แบ่งกับอารามไปปลูก คุณลุงคนเพาะเด็ดใบมาให้เคี้ยว มีรสเปรี้ยว ๆ พร้อมกับบอกสรรพคุณว่า ใบพระเจ้า 5 พระองค์นี่นะ รักษาโรคท้องไส้ไม่ปกติได้ ช่วยเรื่องภูมิแพ้หอบหืด เอาแล้วไหมละ เจอยาผีบอกเข้าแล้ว ตอนนี้ยังนอนอยู่ในกล่อง สายการบินเขาติดฉลากกันกระแทกให้ ทุกต้นจึงอยู่ในสภาพเรียบร้อยคงจะไม่บอบช้ำอะไร

(ที่สนามบินเชียงใหม่ คล้ายๆกับยุ้ยญาติเยอะ ชาวเฮมาส่งผมกลับบ้าน)

(ไปคนเดียวมีสมบัติ 5 ชิ้น ต้นไม้ที่หิ้วมาถึงสวนป่ายังสดชื่นมาก ) อิ อิ

ก่อนเครื่องออก เรานังคุยกินกาแฟกันที่ห้องอาหาร

คุณพรพรรณเพื่อนเก่ามาส่ง

เอาของมาฝากอีกจนกระเป๋าตุง

น้าอึ่งกับกามนิตหนุ่มตามมาเฮ

เครื่องบินออกประมาณบ่าย 5 โมง มาถึงดอนเมือง 6 โมง

นั่งแท๊กซี่ต่อไปบริษัทรถทัวร์นครชัยแอร์

พระอาจารย์ Handy เอากรรไกรตัดกิ่งไม้มาให้ที่สถานีรถทัวร์

ต่อรถทััวร์เที่ยว 3 ทุ่ม ไปถึงบ้านตี 3

สบายๆไม่มีปัญหา

บ๊ายบายเวียงพิงค์นครแห่งความประทับใจ

ขอบคุณเครือญาติแซ่เฮที่ดูแลอย่างดียิ่ง

ทำยังไงก็ใช้หนี้ความดีได้ไม่หมด

แต่ก็จะพยายามต่อยอดความดี

นัดคนดีมาพบกัน รักกัน เมตตาช่วยเหลือกัน

ในระหว่างนั่งนรอรถทัวร์ผมเขียนรายงานนี่แหละ

ใกล้จะถึงเวลารถขึ้นแล้ว

 

ขอจบเพียงนี้  แคว๊กๆๆ

หมายเลขบันทึก: 333463เขียนเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2010 09:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 10:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ไม่ได้ไปส่งพ่อครูบาอะค่ะ

คุณน้าอึ่งกะอ.ดร.ขจิตให้เฝ้าบูธค่ะ

คุณน้าท่านว่าเด็กสุดในนี้ให้เฝ้าคอมพิวเตอร์ที่บูธ...บอกว่าไปส่งพ่อครูแล้วก็ไปซื้อตั๋วอ.แอ๊ดแป๊บเดียว...แต่หายไปนานมาก......ฟ้องๆๆๆ เจ้าค่ะ

เรียนท่านพี่ครูบา

  • เดือนพฤษภาคม ๕ หรือ ๑๓ จะมากราบท่านพี่ พร้อมทีมงานรังสี ครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท