แอ่วเชียงใหม่แล้วไปลำพูน


ช่วงนี้เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องจรลี อาศัยไมตรีรออยู่จึงดูน่าสนใจที่จะตามลายแทงไปกลับเช้า-เย็น จนสังขารแคลนคลอน เช้ามืดออก กลางคืนกลับมานอนอ่อนระโหย วันนี้ดีหน่อยไฟล์ออกสาย8.30 น. ขึ้นที่ดอนเมืองค่อยยังชั่วหน่อย เขียนบล็อกเพลินเลยไม่ได้ใช้บริการอาหารเช้าของโรงแรม ต้องไปบรรจุกระเพาะที่สนามดอนเมือง 9.18 ถึง เชียงใหม่ คิดว่าจะเห็นเมฆหมอกปกคลุมน่านฟ้า แต่ก็สว่างจ้าด้วยแดดร้อนไม่ครึ้มด้วยละอองฝุ่นอย่างที่คิด นักเดินทางจึงมาเชียงใหม่กันให้ควัก เครื่องบินเข้าออกไล่ๆกันติดๆ กลายเป็นสนามบินนานาชาติไปแล้วจริงๆ ทราบว่ามีการเปิดเส้นทางใหม่ ระหว่างเชียงใหม่-ขอนแก่นแล้วนะครับ

น้าอึ่งมารับไปตั้งหลักที่คณะเภสัชศาสตร์.มช. ซึ่งอยู่ใกล้สนามบิน เสียงเครื่องบินสนั่นฟ้าทั้งวัน ระหว่างรออุ้ย-ครูอึ่ง-อารามในห้องทำงานน้าอึ่ง พบว่าชาวคณะเภสัชฯทำตัวเป็นเกลียว น้องๆวิ่งเข้าวิ่งออกเหมือนมีรายการชิงโชคแจกทอง ช่างขยันขันแข็งกันเหลือเกิน ทราบว่ากำลังเตรียมจัดงานทำบุญครบรอบวันสถาปนาคณะพรุ่งนี้ แม่งานก็อุตลุดนะสิครับ ..

12.20น.อุ้ย ครูอึ่ง อาราม มารับ

แต่ละคนดูหน้าตาสดใสกว่าทุกครั้งที่เจอ

เราเฮโลไปร้านอาหารพื้นเมือง

ที่มีเมนูอร่อยจนละลานตา

มาเชียงใหม่ไม่กินข้าวซอยทบทวนความหลังได้จะได๋

อิ่มแล้วเดินทางต่อไปที่โรงแรมอิมพีเรียล

สถานที่สำนักผู้ตรวจการแผ่นดินจัดประชุม

ท่าน ผู้ช่วยเล่าให้ฟังถึงพันธกิจของสำนักผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมากมายทั่วแผ่นดินสมชื่อ มาครั้งนี้ได้ตระเวนเก็บเกี่ยวกรณีตัวอย่างของกลุ่มคนที่ทำความดีเพื่อสังคม ได้ไปเยี่ยมชมหลายพื้นที่ หลังจากนั้นได้เชิญผู้แทนหัวใจสาธารณะทั้งหลายมาหารือเพื่อจะออกแบบกระบวน การคลี่คลายปัญหาร้องเรียนต่างๆ ให้สังคมทุกระดับขั้นร่วมเป็นเจ้าภาพ ช่วงเบรกอาหารว่าง ท่านผู้ตรวจได้ออกมาทักมายพวกเรา ท่านยังจำสไตล์ชาวเฮได้ การกอดกันสัมพันธไมตรีจึงเกิดขึ้นอย่างชื่นมื่น

อุ้ย-ครูอึ่งชวนหารือเรื่องโครงการศึกษาดูงานของนิสิตปัจจุบันและนิสิตเก่าวิชา จิตวิทยาการปรึกษา คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะยกทีมมาเยี่ยมมหาชีวาลัยอีสาน ระหว่างวันที่ 5-8 พฤษภาคม ศกนี้ ผลของการหารือกัน ได้แนวทางการจัดกิจกรรมดังนี้

รูปแบบการศึกษาดูงาน

1. การบรรยายเรื่อง “วิถีแห่งความพอเพียง: การศึกษาที่มีชีวิตชีวา”

2. การบรรยายเรื่อง “วืถีธรรมชาติ:วิถีแห่งความสุขศานติที่ยั่งยืน”

3. เรียนรู้ในสภาพจริงจากงานต่างๆในมหาชีวาลัยอีสาน

4. สนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ภายใต้การเอื้ออำนวยวิทยากรประจำกลุ่ม

5. การฝึกทักษะสังเกต และสังเคราะห์ความรู้แบบบูรณาการ

โครงการนี้เป็นการผนวกน้ำใจไมตรีระหว่างคณะของนักศึกษาจุฬาลงกรณ์ กับคณะของชาวเฮฮาศาสตร์เป็นวิทยากรร่วม เช่น รองศาสตราจารย์ ดร.โสรีช์ โพฺธิแก้ว นายแพทย์สุธี ฮั่นตระกูล นายไพศาล ช่วงฉ่ำ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จัน ทรัตน์ เจริญสันติ นางสาวสมพร พวงประทุม ยังมีจอมยุทธที่ไม่ประสงค์ออกนามให้คันในหัวใจอีกหลายท่าน ที่ล้วนแต่จะทำให้การพบปะอึ้งกิมกี่ได้ทุกชั่วโมง

วัตถุประสงค์

1. เพื่อการเรียนรู้และขยายโลกทัศน์ของนิสิตจิตวิทยาการปรึกษา

2. เพื่อสัมผัสกับผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็นผู้รู้ในชุมชน

3. เพื่อศึกษาฐานความคิดเรื่องการใช้ชีวิตสอดคล้องกับธรรมชาติ

4. เพื่อสัมผัสกับวิถีชีวิตแห่งสันติสุข

5. เพื่อการสังเคราะห์ประสานวิถีของการปรึกษาเชิงจิตวิทยากับวิถีชีวิต

เนื้อหาข้างบนเป็นธรรมเนียมของการเขียนโครงการ ในทางปฏิบัติแล้วทุกท่านที่มาจะได้พบกับ-ความสุข-ความดีงาม-ความอบอุ่นของ วิถีไท ไปๆมาๆรายการนี้จะบานปลายออกไปเป็นการสังสรรค์ของพี่น้องชาวเฮอีกงานหนึ่ง ผมได้รับการกระซิบกระซาบถึงกิจกรรมสนุกๆเด็ดๆที่ชาวเฮจะเอามาสมทบแบบเทหมดหน้าตัก สวนป่าจะแตกก็คราวนี้ละครับท่านผู้ชม

ครูอารามเล่าให้ฟังนานแล้วเรื่องต้นจันทน์ยักษ์จังหวัดลำพูน ผมรู้แล้วก็ตงิดในใจเรื่อยมา จนมาถึงคราวนี้ละครับที่มีโอกาสได้ไปดูสมใจนึก ก่อนออกจากลำพูน เราแวะชมโรงเรียนมงคลวิทยากันดีไหมครับ จะพาไปดูความมหัศจรรย์การจัดการศึกษาแบบพบกันครึ่งทาง ครูผู้สอนจะก่อหวอดความคิดให้ลูกศิษย์ได้สร้างกระบวนการเรียนรู้สนุกๆด้วย กัน เป็นการกระตุ้นพลังสติปัญญาของเด็กให้แสดงออกเชิงสร้างสรรค์ อธิบายได้ว่าการเรียนแล้วได้ความสุข ความรัก ความสามัคคีเป็นเช่นนี้เอง จินตนาการเล็กๆเหล่านี้จะปักหมุดลงในหัวใจเด็ก บางทีการที่จะเป็นผู้มีอาชีพก้าวหน้าเมื่อโตขึ้น เป็นนักก่อสร้าง นักเขียน นักศิลปะ นักวิทยาศาสตร์ นักธรรมชาติวิทยา ฯลฯ แรงบันดาลใจอาจจะเริ่มขึ้นในวัยเยาว์นี่เอง

มาคราวนี้ได้..ชมไดโนเสาร์ที่เด็กๆช่วยกันสร้างเป็นที่แสดงงานศิลปะ

ชมเฮือนน้อย บ้านในฝันของเด็กที่แสนสุข

ชมมุมวิถีชีวิตชาวเหนือ

ชมสวนเศรษฐกิจพอเพียงฝีมือเด็กระดับประถมต้น

ชมคุณครูเตรียมงานอย่างทุ่มเทใจ

ชมต้นไม้อนุสรณ์ที่ครูเซี๊ยงปลูกไว้ ออกดอกสะพรั่ง

ชมต้นทุเรียนออกลูกของครูอาราม

คณะเราไปจอดรถหน้าศาลเจ้าแม่จามเทวี ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณรั้วศาลากลางจังหวัดลำพูน ไปเห็นแล้วแสนเสียดายที่ต้นไม้ที่มีอายุยืนนานมาเป็นร้อยๆปี ในโลกนี้จะมีต้นจันทร์ใหญ่ขนาด3-4คนโอบอยู่กี่ต้น บางทีอาจจะมีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวีก็ได้ ถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างไร้ความหมาย ทำยังไงหนอชาวลำพูนจะตระหนักถึงคุณค่าของไม้มหัศจรรย์ต้นนี้

ไหนๆก็ไปเยี่ยมศาลากลางจังหวัดลำพูนแล้ว เราถือโอกาสเดินเข้าไปดูอาคารสถานที่เสียหน่อย มองเห็นรังผึ้งหลวงไปเกาะอยู่ที่ป้ายตรงจั่ว2รัง ผมสังเกตเห็นตราครุฑสมัยเก่าที่สวยงามมาก เดินไปถ่ายรูปใกล้ๆ ไปเจอแท่งคอนกรีต รั้วลวดเหล็ก หมวกและอุปกรณ์ป้องกันม็อบเตรียมไว้ เห็นแล้วสะท้อนใจ มันเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองนี้ สถานที่สำคัญสูงสุดของจังหวัดยังถูกคุกคาม เมื่อเป็นเช่นนี้จะไปบำบัดทุกข์บำรุงสุขอะไรได้


เราเดินทางกลับจังหวัดเชียงใหม่

รถผ่านหน้าบ้านอุ้ยตรงอำเภอสารภี

เห็นคุณแม่อุ้ยยืนอยู่หน้าบ้าน

เสียดายไม่มีเวลาเหลือพอที่จะลงไปไหว้ผู้ใหญ่

อารามหันพวงมาลัยตรงไปสนามบิน

น้าอึ่งจัดการเรื่องตั๋วล่วงหน้า

แล้วเลยไปรับหมอเป๋ามาทานข้าวด้วย

ผม-อุ้ย-ครูอึ่ง สั่งอาหารอร่อยๆรอ

ทุกอย่างลงตัวเป๊ะๆ

อิ่มแล้วขึ้นเครื่องมานอนพึ่งพุงอยู่กทม.

 

ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ จงเจริญ จงเจริญ

หมายเลขบันทึก: 348682เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2010 06:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีคะพ่อครู

มารับความรู้จากพ่อก่อนไปทำงาน

อรุณสวัสดิ์ค่ะพ่อครูขา ... อ้ะ แว้บๆ บินไปเมืองเหนือแล้วรึคะเนี่ย

เมื่อเช้าตื่นมา อ้ะปูก็ฝัน ฝันว่าได้ไปรำลึกอดีตที่เวียงเจียงใหม่เจ้า

มาเชียงใหม่ไม่กินข้าวซอยทบทวนความหลังได้จะได๋

พ่อครูกินข้าวซอย ปูเลยคิดถึง น้ำมะเกี๋ยง ที่รสชาติอร่อยดีเลยค่ะ

เดินทางปลอดภัยนะคะพ่อครู

พ่อขา

พ่ออยู่กับพี่อึ่งที่เชียงใหม่  พี่อึ่งดูแลพ่อเป็นอย่างดีแน่เลย  อุ่นใจๆๆ

พ่อดูแลสุขภาพนะคะพ่อ

เคารพเสมอ....ลูกสาวแดนใต้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท